ตอนที่ 2493 วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์
สามวันต่อมา
หรือก็คือวันที่สี่หลังจากหลินสวินเข้าเมือง
ยังไม่ทันได้คุ้นเคยและเข้าใจ ก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับผู้ฝึกปราณซึ่งอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีพวกนั้น เข้าไปในโบราณสถานมหามรรคตรงส่วนลึกของจักรวาลนั่นเพื่อทำการทดสอบ
นี่คือการทดสอบที่อันตรายครั้งหนึ่ง ทั้งเป็นโอกาสและความท้าทายครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง
ใครต่างก็รู้ว่าโบราณสถานมหามรรคนั้นดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อน ทั้งยังอยู่ในลักษณะสมบูรณ์ ลึกลับหาใดเปรียบ มีสมบัติจากธรรมชาติมากมาย มีจารึกคัมภีร์เซียน มีมรดกสะท้านโลก มียอดสมบัติที่หลงเหลือจากยุคก่อน…
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากโบราณสถานมหามรรค เกือบทุกคนล้วนได้รับประโยชน์ที่น่าเหลือเชื่อทั้งสิ้น
บ้างพลังรุดหน้า
บ้างมองทะลุปริศนาแห่งมหามรรค
บ้างช่วงชิงวิชาลับ สมบัติโบราณ ของล้ำค่า เจตวัตถุที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคก่อนได้…
ทุกอย่างนี้ล้วนมีมากมายนานัปการ
ก่อนออกเดินทาง เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินปรากฏตัวกลางอากาศ กวาดมองผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบในลานพลางกล่าว
“คาดว่าพวกเจ้าคงรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงในโบราณสถานมหามรรคแล้ว การเดินทางครั้งนี้ย่อมอันตรายยากคาดเดาแน่ หากใครเปลี่ยนใจ ตอนนี้ยังสามารถอยู่ต่อได้”
ในที่นั้นเงียบสงัด ไม่มีใครตอบ
พวกที่กล้าเข้าร่วมการทดสอบ ใครบ้างไม่ใช่บุคคลร้ายกาจที่จิตใจดุจเหล็ก ผ่านการกรำศึกมามาก ในเมื่อกล้าเข้าร่วมการทดสอบ แน่นอนว่าไม่มีทางถอยหนี
บุคคลร้ายกาจที่แข็งแกร่งบางส่วนยิ่งตั้งท่าเตรียมพร้อม ในบรรดาพวกเขามีคนไม่น้อยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยจากไปไหนมาตลอด ด้วยเฝ้ารอโอกาสที่ยากพบเห็นนี้
สำหรับคนอื่น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีโอกาสสูงว่าจะนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจคาดเดา
แต่สำหรับคนร้ายกาจพวกนี้ นี่กลับเป็นโอกาสใหญ่ที่ไม่เคยมีในอดีต เป็นหนทางเสาะหาวาสนาและศุภโชคที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ในลานกลายเป็นแหล่งรวมผู้แข็งแกร่ง ดูเคร่งขรึมไปทั้งแถบ กลิ่นอายกร้าวแกร่งพลุ่งพล่าน ราวกับทวยเทพบนสวรรค์รวมตัวกัน อานุภาพปกคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
หลินสวินยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางฝูงชน เขาตกลงกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวแล้วว่าจะรวมตัวกันในโบราณสถานมหามรรค
พร้อมกันนั้นเขาเห็นตู๋กูโยวหรันที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋เจี้ยนเฉิน นางสวมชุดเขียว งดงามดุจภาพวาด ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมีชีวิตชีวา มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงสง่าโดดเด่นเป็นของตนเอง
บุคคลเจิดจรัสที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายล้วนมองนางด้วยแววตาเร่าร้อน ทั้งมีเฒ่าชราบางคนวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา
นี่ทำให้ตู๋กูโยวหรันดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ระดับความสนใจที่ได้รับไม่ด้อยกว่าไป๋เจี้ยนเฉินสักนิด
หืม?
ขณะที่หลินสวินเตรียมเก็บสายตากลับไป ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าตู๋กูโยวหรันมองมาทางเขา นัยน์ตากระจ่างที่เปล่งประกายพร่างพราวแฝงความซุกซนเสี้ยวหนึ่ง
เกือบจะเวลาเดียวกัน เสียงสื่อจิตของตู๋กูโยวหรันดังขึ้นข้างหูเขา
‘พี่หลิน ระวังตัวด้วย’
สีหน้าหลินสวินค้างแข็งอย่างยากสังเกตเห็น ไม่ได้ปริปาก
ตู๋กูโยวหรันไม่พูดอะไรมากอีก แต่นัยน์ตากระจ่างกลับกวาดมองหลินสวินเล็กน้อยเหมือนจงใจแต่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
‘เจ้าตัวปัญหานี่อย่าทำอะไรสกปรกออกมาอีกแล้วกัน…’
หลินสวินพึมพำในใจ
“ทุกท่านระวังตัวด้วย เรื่องอื่นข้าขอไม่พูดมากความ!” ไป๋เจี้ยนเฉินไม่พูดไร้สาระ ออกคำสั่งให้คนเปิดผนึกมุ่งสู่โบราณสถานมหามรรค
เพียงชั่วขณะผู้ฝึกปราณมากมายที่เข้าร่วมการทดสอบก้าวขึ้นไปบนอากาศ พุ่งตัวไปนอกเวิ้งฟ้า เคลื่อนไปยังโบราณสถานมหามรรคที่ห่างไกล
โครมครืน!
ทั่วเวิ้งฟ้าสั่นสะเทือนเหมือนกระแสเหล็กกล้า เหล่ามหาจักรพรรดิเคลื่อนผ่านฟากฟ้า อานุภาพประดุจเทพ ทำให้ห้วงอากาศสั่นครืน พาให้ผู้คนหวั่นหวาดใจ
เหล่าผู้กล้ารวมตัว ราวกับกองทัพขุนพลสวรรค์นับแสนมาเยือน ก่อเกิดเสียงมรรคเคล้าหมอกเมฆ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร คลื่นสะเทือนกร้าวแกร่งแผ่กระจายทั่วทิศ ไม่มีสักคนที่เป็นพวกธรรมดา
ถึงขั้นมีบรรพจารย์มรรคเข้าร่วมด้วย
“เจ้าเดรัจฉาน โบราณสถานมหามรรคจะเป็นที่ตายของเจ้า!” ทันใดนั้นเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังก้อง
ห่างไปไม่ไกล เหวินเทาเลวี่ยนำเหล่าผู้ผู้แข็งแกร่งมาด้วยกัน ไม่อำพรางไอสังหารที่มีต่อหลินสวินแม้แต่น้อย
“เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี” อีกด้านหนึ่งเหิงสิงโจวปรากฏตัวพร้อมผู้แข็งแกร่งมากมาย ท่าทีเหิมเกริม สีหน้าเยียบเย็นอำมหิต
“ครั้งนี้เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว หลินสวิน เมื่อเจ้ายืนหยัดไม่อยู่ ข้าจะชิงโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่งให้เจ้า”
เงาร่างของเหล่าคนตระกูลลั่วอย่างลั่วหลิงกับลั่วเสินถูก็ปรากฏตัวแล้ว นัยน์ตาล้วนเจือความเยียบเย็นเสียดกระดูก
หลินสวินยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กวาดสายตามองศัตรูพวกนี้พลางกล่าว “จำคำที่ข้าพูดวันนั้นไว้ ล้างคอรอข้าไว้ได้เลย!”
จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ห่างออกไป
มองเห็นเขาจากไป พวกเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนเผยไอสังหารที่ทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน ก่อนมุ่งหน้าไปยังโบราณสถานมหามรรค
“หากข้าเป็นหลินสวิน ย่อมไม่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้แน่”
ระหว่างทางผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนสังเกตเห็นภาพนี้ ล้วนอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้ รับรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ของหลินสวินมีโอกาสสูงว่าจะเคราะห์มากโชคน้อย
ห่างออกไปโบราณสถานมหามรรคดั่งม่านรัตติกาลสีดำผืนหนึ่ง ทิ้งตัวลงมาจากสุดขอบจักรวาล
เมื่อเข้าไปใกล้จะมองเห็นได้รางๆ ว่าในโลกมืดนั้นมีภูเขาแม่น้ำทอดตัวยาว เต็มไปด้วยหมอกควัน ไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำ
ในอาณาเขตแห่งหนึ่งถึงขั้นมองเห็นโบราณสถานมากมาย มีลานมรรคที่พังทลาย ประตูภูเขาที่ถูกทิ้งร้าง ตำหนักโอ่อ่าผุพัง…
“อย่าเข้าใกล้ที่นั่น เล่าลือว่ามีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่งจำศีลอยู่ในนั้น หลายปีมานี้กลืนกินผู้เข้าร่วมการทดสอบไปมากมาย พลังลึกล้ำยากหยั่งถึง จนถึงปัจจุบันล้วนไม่มีใครอยากหาเรื่อง”
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์!
หลายคนหนาวสะท้านในใจ
พวกเขามาคราวนี้ หนึ่งคือเพื่อเสาะหาศุภโชค สองก็ด้วยต้องการล่าวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ มีเพียงเท่านี้จึงจะแลกป้ายยืนยันข้ามด่านได้
แต่ไม่มีใครทะเล่อทะล่าไปล่วงเกินวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่งแน่ อันตรายเกินไปแล้ว!
กระทั่งเข้าใกล้พื้นที่ที่โบราณสถานมหามรรคตั้งอยู่ ยามทอดมองออกไป ในโลกมืดนั้นจะมีเสียงสิงสาราสัตว์คำรามดังขึ้นรางๆ สะเทือนโสตประสาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์