Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2493

สรุปบท ตอนที่ 2493 วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2493 วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2493 วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2493 วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์

สามวันต่อมา

หรือก็คือวันที่สี่หลังจากหลินสวินเข้าเมือง

ยังไม่ทันได้คุ้นเคยและเข้าใจ ก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับผู้ฝึกปราณซึ่งอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีพวกนั้น เข้าไปในโบราณสถานมหามรรคตรงส่วนลึกของจักรวาลนั่นเพื่อทำการทดสอบ

นี่คือการทดสอบที่อันตรายครั้งหนึ่ง ทั้งเป็นโอกาสและความท้าทายครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง

ใครต่างก็รู้ว่าโบราณสถานมหามรรคนั้นดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อน ทั้งยังอยู่ในลักษณะสมบูรณ์ ลึกลับหาใดเปรียบ มีสมบัติจากธรรมชาติมากมาย มีจารึกคัมภีร์เซียน มีมรดกสะท้านโลก มียอดสมบัติที่หลงเหลือจากยุคก่อน…

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากโบราณสถานมหามรรค เกือบทุกคนล้วนได้รับประโยชน์ที่น่าเหลือเชื่อทั้งสิ้น

บ้างพลังรุดหน้า

บ้างมองทะลุปริศนาแห่งมหามรรค

บ้างช่วงชิงวิชาลับ สมบัติโบราณ ของล้ำค่า เจตวัตถุที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคก่อนได้…

ทุกอย่างนี้ล้วนมีมากมายนานัปการ

ก่อนออกเดินทาง เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินปรากฏตัวกลางอากาศ กวาดมองผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบในลานพลางกล่าว

“คาดว่าพวกเจ้าคงรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงในโบราณสถานมหามรรคแล้ว การเดินทางครั้งนี้ย่อมอันตรายยากคาดเดาแน่ หากใครเปลี่ยนใจ ตอนนี้ยังสามารถอยู่ต่อได้”

ในที่นั้นเงียบสงัด ไม่มีใครตอบ

พวกที่กล้าเข้าร่วมการทดสอบ ใครบ้างไม่ใช่บุคคลร้ายกาจที่จิตใจดุจเหล็ก ผ่านการกรำศึกมามาก ในเมื่อกล้าเข้าร่วมการทดสอบ แน่นอนว่าไม่มีทางถอยหนี

บุคคลร้ายกาจที่แข็งแกร่งบางส่วนยิ่งตั้งท่าเตรียมพร้อม ในบรรดาพวกเขามีคนไม่น้อยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยจากไปไหนมาตลอด ด้วยเฝ้ารอโอกาสที่ยากพบเห็นนี้

สำหรับคนอื่น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีโอกาสสูงว่าจะนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจคาดเดา

แต่สำหรับคนร้ายกาจพวกนี้ นี่กลับเป็นโอกาสใหญ่ที่ไม่เคยมีในอดีต เป็นหนทางเสาะหาวาสนาและศุภโชคที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ในลานกลายเป็นแหล่งรวมผู้แข็งแกร่ง ดูเคร่งขรึมไปทั้งแถบ กลิ่นอายกร้าวแกร่งพลุ่งพล่าน ราวกับทวยเทพบนสวรรค์รวมตัวกัน อานุภาพปกคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

หลินสวินยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางฝูงชน เขาตกลงกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวแล้วว่าจะรวมตัวกันในโบราณสถานมหามรรค

พร้อมกันนั้นเขาเห็นตู๋กูโยวหรันที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋เจี้ยนเฉิน นางสวมชุดเขียว งดงามดุจภาพวาด ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมีชีวิตชีวา มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงสง่าโดดเด่นเป็นของตนเอง

บุคคลเจิดจรัสที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายล้วนมองนางด้วยแววตาเร่าร้อน ทั้งมีเฒ่าชราบางคนวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา

นี่ทำให้ตู๋กูโยวหรันดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ระดับความสนใจที่ได้รับไม่ด้อยกว่าไป๋เจี้ยนเฉินสักนิด

หืม?

ขณะที่หลินสวินเตรียมเก็บสายตากลับไป ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าตู๋กูโยวหรันมองมาทางเขา นัยน์ตากระจ่างที่เปล่งประกายพร่างพราวแฝงความซุกซนเสี้ยวหนึ่ง

เกือบจะเวลาเดียวกัน เสียงสื่อจิตของตู๋กูโยวหรันดังขึ้นข้างหูเขา

‘พี่หลิน ระวังตัวด้วย’

สีหน้าหลินสวินค้างแข็งอย่างยากสังเกตเห็น ไม่ได้ปริปาก

ตู๋กูโยวหรันไม่พูดอะไรมากอีก แต่นัยน์ตากระจ่างกลับกวาดมองหลินสวินเล็กน้อยเหมือนจงใจแต่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

‘เจ้าตัวปัญหานี่อย่าทำอะไรสกปรกออกมาอีกแล้วกัน…’

หลินสวินพึมพำในใจ

“ทุกท่านระวังตัวด้วย เรื่องอื่นข้าขอไม่พูดมากความ!” ไป๋เจี้ยนเฉินไม่พูดไร้สาระ ออกคำสั่งให้คนเปิดผนึกมุ่งสู่โบราณสถานมหามรรค

เพียงชั่วขณะผู้ฝึกปราณมากมายที่เข้าร่วมการทดสอบก้าวขึ้นไปบนอากาศ พุ่งตัวไปนอกเวิ้งฟ้า เคลื่อนไปยังโบราณสถานมหามรรคที่ห่างไกล

โครมครืน!

ทั่วเวิ้งฟ้าสั่นสะเทือนเหมือนกระแสเหล็กกล้า เหล่ามหาจักรพรรดิเคลื่อนผ่านฟากฟ้า อานุภาพประดุจเทพ ทำให้ห้วงอากาศสั่นครืน พาให้ผู้คนหวั่นหวาดใจ

เหล่าผู้กล้ารวมตัว ราวกับกองทัพขุนพลสวรรค์นับแสนมาเยือน ก่อเกิดเสียงมรรคเคล้าหมอกเมฆ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร คลื่นสะเทือนกร้าวแกร่งแผ่กระจายทั่วทิศ ไม่มีสักคนที่เป็นพวกธรรมดา

ถึงขั้นมีบรรพจารย์มรรคเข้าร่วมด้วย

“เจ้าเดรัจฉาน โบราณสถานมหามรรคจะเป็นที่ตายของเจ้า!” ทันใดนั้นเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังก้อง

ห่างไปไม่ไกล เหวินเทาเลวี่ยนำเหล่าผู้ผู้แข็งแกร่งมาด้วยกัน ไม่อำพรางไอสังหารที่มีต่อหลินสวินแม้แต่น้อย

“เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี” อีกด้านหนึ่งเหิงสิงโจวปรากฏตัวพร้อมผู้แข็งแกร่งมากมาย ท่าทีเหิมเกริม สีหน้าเยียบเย็นอำมหิต

“ครั้งนี้เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว หลินสวิน เมื่อเจ้ายืนหยัดไม่อยู่ ข้าจะชิงโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่งให้เจ้า”

เงาร่างของเหล่าคนตระกูลลั่วอย่างลั่วหลิงกับลั่วเสินถูก็ปรากฏตัวแล้ว นัยน์ตาล้วนเจือความเยียบเย็นเสียดกระดูก

หลินสวินยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กวาดสายตามองศัตรูพวกนี้พลางกล่าว “จำคำที่ข้าพูดวันนั้นไว้ ล้างคอรอข้าไว้ได้เลย!”

จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ห่างออกไป

มองเห็นเขาจากไป พวกเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนเผยไอสังหารที่ทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน ก่อนมุ่งหน้าไปยังโบราณสถานมหามรรค

“หากข้าเป็นหลินสวิน ย่อมไม่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้แน่”

ระหว่างทางผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนสังเกตเห็นภาพนี้ ล้วนอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้ รับรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ของหลินสวินมีโอกาสสูงว่าจะเคราะห์มากโชคน้อย

ห่างออกไปโบราณสถานมหามรรคดั่งม่านรัตติกาลสีดำผืนหนึ่ง ทิ้งตัวลงมาจากสุดขอบจักรวาล

เมื่อเข้าไปใกล้จะมองเห็นได้รางๆ ว่าในโลกมืดนั้นมีภูเขาแม่น้ำทอดตัวยาว เต็มไปด้วยหมอกควัน ไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำ

ในอาณาเขตแห่งหนึ่งถึงขั้นมองเห็นโบราณสถานมากมาย มีลานมรรคที่พังทลาย ประตูภูเขาที่ถูกทิ้งร้าง ตำหนักโอ่อ่าผุพัง…

“อย่าเข้าใกล้ที่นั่น เล่าลือว่ามีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่งจำศีลอยู่ในนั้น หลายปีมานี้กลืนกินผู้เข้าร่วมการทดสอบไปมากมาย พลังลึกล้ำยากหยั่งถึง จนถึงปัจจุบันล้วนไม่มีใครอยากหาเรื่อง”

วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์!

หลายคนหนาวสะท้านในใจ

พวกเขามาคราวนี้ หนึ่งคือเพื่อเสาะหาศุภโชค สองก็ด้วยต้องการล่าวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ มีเพียงเท่านี้จึงจะแลกป้ายยืนยันข้ามด่านได้

แต่ไม่มีใครทะเล่อทะล่าไปล่วงเกินวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่งแน่ อันตรายเกินไปแล้ว!

กระทั่งเข้าใกล้พื้นที่ที่โบราณสถานมหามรรคตั้งอยู่ ยามทอดมองออกไป ในโลกมืดนั้นจะมีเสียงสิงสาราสัตว์คำรามดังขึ้นรางๆ สะเทือนโสตประสาท

ในมือนางมีหินหยกประหลาดก้อนหนึ่ง ตกทอดมาจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ สามารถรับรู้กลิ่นอายของหุบเหวกลืนกินได้!

ทุกคนคึกคักขึ้นมา เหวินเทาเลวี่ยกล่าว “โบราณสถานมหามรรคนี้ นอกจากเขตผนึกอันตรายพวกนั้นแล้ว อาณาเขตก็เหมือนโลกใบใหญ่แห่งหนึ่ง ด้วยพลังของข้าสามารถค้นพื้นที่พวกนี้ได้ในสามวัน”

ลั่วหลิงกล่าว “ยามค้นหา ขอเพียงสัมผัสกลิ่นอายของเขาได้ ต้องเจอเขาในทันทีแน่!”

“แต่ถ้าเจ้าหมอนี่เข้าไปในเขตผนึกอันตรายพวกนั้นเล่าจะทำอย่างไร” เหิงสิงโจวขมวดคิ้ว

ทุกคนต่างเงียบไปพักหนึ่ง

เหวินเทาเลวี่ยยิ้มหยัน “เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราลงมือ เขาต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”

หลังจากนั้นคนทั้งขบวนจึงเริ่มเคลื่อนไหว

“ขอบคุณสำหรับสมบัติของแม่นางมาก”

กลางยอดเขาที่อบอวลด้วยไอชั่วร้ายแห่งหนึ่ง หลินสวินยื่นกำไลหยกที่สาดแสงสว่างไสววงหนึ่งให้เซี่ยงเสี่ยวหยวน

ก่อนหน้านี้ด้วยอาศัยสมบัตินี้ จึงทำให้หลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปได้ไกลถึงสามหมื่นลี้ในพริบตาแรกที่มาถึงโบราณสถานมหามรรค จากนั้นถึงปรากฏตัวอยู่กลางยอดเขานี้

ส่วนเซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวก็รออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

“ในเมื่อเป็นการเคลื่อนไหวร่วมกัน ข้าจะทนเห็นพี่หลินถูกเจ้าพวกนั้นตามล่าได้อย่างไร”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนยิ้มกล่าวพลางสะบัดมือ กำไลหยกที่สาดแสงสว่างไสวนั้นกลับคืนสู่ข้อมือขาวผ่องของนางดังเคร้ง

นี่คือสมบัติก้นหีบของนางที่มารดามอบให้ มีนามว่า ‘กำไลเก้าโลกเร้น’ สามารถทำให้คนทำลายทุกพันธนาการ เคลื่อนที่ไปสามหมื่นลี้ได้ในพริบตา

ต่อให้ติดอยู่ในกระบวนค่ายกลผนึก ก็ขวางพลังของกำไลเก้าโลกเร้นไม่อยู่

“พวกเราไปกันเถอะ”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนนำทางไปโดยไม่ล่าช้า มุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกล

หลินสวินกับเยวี่ยตู๋ชิวตามหลังนางไปติดๆ

“อ๊าก…”

แต่เพิ่งเดินหน้าไปได้ไม่นานเสียงร้องโหยหวนพลันดังขึ้น เสียงคำรามดังก้องฟ้า เบื้องหน้ามีศึกใหญ่ดุเดือด ไอชั่วร้ายอำมหิตพลุ่งพล่าน แสงสมบัติทะลวงเมฆ

ระดับจักรพรรดิไม่น้อยกำลังหนีตาย!

“วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่งพุ่งออกมา กลืนกินผู้ฝึกปราณไปสิบกว่าคนแล้ว!”

“รีบออกจากที่นี่เร็ว!”

เงาร่างมากมายเคลื่อนตัวแหวกอากาศหนีตาย ด้านหลังพวกเขาโกลาหลไปทั้งแถบ เขาถล่มดินทลาย เทือกเขาราบเป็นหน้ากลอง

พวกหลินสวินเห็นดังนี้แล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์