ใต้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรค แสงเทพพลุ่งพล่าน!
ต่อให้ยืนอยู่บนหน้าผาใต้ตำหนักเซียนใจกลางก็มองเห็นได้ชัดเจน ว่าในตำหนักเซียนกว้างใหญ่นั้น เสียงเทพมารคำรามก้องฟ้าดิน แสงมรรคไร้สิ้นสุดขวางน่านฟ้า หมื่นวิชาขานรับดังครั่นครืน!
ต่อให้มหาสมุทรอสนีเคราะห์โหมกระหน่ำบ้าคลั่งก็กลบเสียงมหามรรคที่ดังมาจากบริเวณนั้นไม่อยู่ ยิ่งใหญ่และไร้จำกัดเกินไปแล้ว!
เงาร่างหลินสวินดุจนายเหนือหัวที่ครองทั่วหล้า สำแดงยุทธ์ใต้ต้นหงเหมิง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีหมื่นวิชาขานรับ ดวงดาวปรากฏทั่วฟ้า ลักษณ์ประหลาดไร้สิ้นสุดเอ่อล้น
ตูม!
ทวนศึกเล่มหนึ่งโฉบพุ่งมาจากฟากฟ้า ตัดทำลายแหวกอากาศ พันรอบด้วยพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ ราวกับทวนพิพากษาที่มาจากนายแห่งสวรรค์ กลิ่นอายด่านเคราะห์น่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้
จิตใจหลินสวินว่างเปล่า จมสู่การแจ้งมรรคแปรวิชา หลงลืมตัวตน
แต่พลังขับเคลื่อนรอบตัวเขากลับเกิดการตอบสนองทันที ซัดหมัดหนึ่งออกไป เปลวเพลิงท่วมฟ้า วิหคชาดตัวหนึ่งร้องขับขาน บินออกมาจากกำปั้นที่เปลวไฟพลุ่งพล่าน แผดเผาท้องนภาไปครึ่งหนึ่ง
ทวนทัณฑ์สวรรค์ที่พุ่งพิฆาตมาราวกับตัดสินโทษถูกหมัดนี้ขวางไว้ทันที ห้วงอากาศส่งเสียงครวญรุนแรง จากนั้นจึงถูกกระเทือนระเบิดออกทุกกระเบียด ละอองแสงอสนีสาดกระเซ็นราวน้ำตก
การโจมตีชวนประหวั่นนั้น เมื่ออยู่ตรงหน้าหลินสวินยามนี้กลับไม่อาจทำอะไรได้!
พลังด่านเคราะห์ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าราวกับถูกยั่วโทสะ จากนั้นมีโซ่เทพเจิดจรัสหลากสายดุจทัณฑ์สวรรค์ทอดยาวลงมาเรือนพันเรือนหมื่น ปกคลุมฟ้าดินเหมือนแส้ป่วนโลกที่กวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง เฆี่ยนตีจักรวาล
ภาพนั้นน่าหวาดกลัวจนทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณบนหน้าผาหยุดหายใจ ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี
มองจากไกลๆ โซ่เทพนับหมื่นพันคล้ายกรงจากฟากฟ้า ต้องการกักขังกำราบผู้ข้ามด่านเคราะห์ กำจัดให้หายไปจากโลก!
ในตำหนักเซียน สีหน้าหลินสวินยังเหมือนเดิม ราบเรียบไม่ไหวติง
เขากระแทกสองหมัดออกไปพร้อมกัน มือซ้ายเด็ดตะวัน มือขวาขยี้จันทรา ทุกหนแห่งล้วนส่องประกายเหมือนเทพดึกดำบรรพ์มาเยือน อานุภาพครองพิภพ
อานุภาพไร้ใดเปรียบวาดกวาด ซัดโซ่เทพหลากสายนั้นจนแหลก ราวอสรพิษสิ้นฤทธิ์ที่ถูกซัดกระจุย ร่วงหล่นกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ละอองแสงดุจกระแสน้ำ
เขาห้าวหาญเกรียงไกร อหังการแกล้วกล้า สำแดงวิชามรรคชั้นสูงที่ตนรวบรวมออกมาได้อย่างถึงแก่น โซ่เทพแน่นขนัดไม่อาจสัมผัสเงาร่างเขาโดยสิ้นเชิง ถูกอานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาม้วนกลืนบดขยี้ กลายเป็นภาพชวนประหวั่นถึงขีดสุด
นี่คืออานุภาพยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง มหามรรคนับพัน วิชามรรคเรือนหมื่นส่งเสียงกังวานไม่หยุด กึกก้องดังระงมไม่ขาดหู ลักษณ์ประหลาดของทุกวิชามรรคปรากฏพร้อมกัน กลายเป็นแสงที่น่ากลัวที่สุดบนโลก ประสานและขานรับกันกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง มีสัญญาณว่าจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง แปรสภาพถึงขีดสุดอยู่รางๆ
ภายในตัวเขาก็มีเสียงฟ้าคำรามดังครั่นครืน เลือดพลิกตลบราวแม่น้ำใหญ่ ทั้งอึกทึกสนั่นหูดุจมหาสมุทรกว้างใหญ่กระเพื่อมไหว
รอบกายเขาเริ่มปรากฏคัมภีร์นานัปการ สลักด้วยประทับอัศจรรย์ ระหว่างหายใจเข้าออกมีอานุภาพยิ่งใหญ่ที่ม้วนกลืนเก้าชั้นฟ้าได้
บนเวิ้งฟ้าเรียกได้ว่ามีมหาเคราะห์ชวนประหวั่นที่ไม่เคยพบเห็นตั้งแต่โบราณกาล กระหน่ำพลังราวกับจะดับสลายโลกาไม่หยุด วิวัฒน์เป็นภาพสะเทือนใต้หล้านานัปการ
ผู้ฝึกปราณมากมายบนหน้าผา มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่แข็งแกร่งอย่างฉีหลิงอวิ๋นกับจงหลีเซียว ล้วนถูกทำให้ตกตะลึงเป็นพักๆ สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
ด้วยอานุภาพของมหาเคราะห์ผลาญโลกนั้นเปลี่ยนเป็นวิปริตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
บนน่านฟ้าที่แปดของโลกยอดนิรันดร์ไม่เคยปรากฏเคราะห์เช่นนี้มาก่อน!
แต่ไม่ว่าเคราะห์สวรรค์จะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากมาเยือนก็ล้วนถูกหลินสวินที่อยู่ในการแจ้งมรรคซัดกระจุยทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
เขาเหมือนคุนยักษ์ในตำนานตัวหนึ่ง มีศักยภาพแฝงที่ห้อทะยานสูงเก้าหมื่นลี้ ครองอานุภาพกลืนกินฟ้าตะวัน!
“ทำไมถึงยังไม่ตาย!?” บนหน้าผา จงหลีเซียวไม่อาจสงบใจ
เคราะห์สวรรค์นั้นน่ากลัวระดับใด ทำให้เขาเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน ตื่นตระหนกอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าจะหายไป นี่หมายความหลินสวินยังไม่ประสบเคราะห์ ทั้งกำลังต้านมหาเคราะห์อยู่
พวกชือพั่วจวินก็ยากจะเชื่อ
เปลี่ยนเป็นพวกเขาในปีนั้น อานุภาพของมหาเคราะห์ที่เผชิญหน้าด้อยกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้ามาก แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังทำให้พวกเขาทุกข์ทรมาน ถูกโจมตีอย่างหนักหลายต่อหลายครั้ง ถึงขั้นดิ้นรนบนเขตแดนความเป็นตายหลายครา ไม่ง่ายเลยกว่าจะข้ามด่านเคราะห์ได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้มหาเคราะห์ของหลินสวินแข็งแกร่งเช่นนั้นแต่กลับยังไม่สิ้นสุด นี่ไม่ได้หมายความว่าหากหลินสวินข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ วิชามรรคระดับบรรพจารย์ที่แจ้งจะเหนือกว่าพวกเขาหรอกรึ
ใครจะยอมรับเรื่องนี้ได้เล่า
“อย่าให้เขารอดชีวิตเด็ดขาด!” ชือพั่วจวินกล่าวเน้นทุกคำ
“พลังกฎระเบียบที่นี่ถูกทำลายแล้ว ไป!” ฉีหลิงอวิ๋นพลันเอ่ยปาก นัยน์ตาเปล่งแสงสีทองชวนประหวั่นวูบหนึ่ง
เวลานี้บุคลิกสง่างามเหมือนดอกกล้วยไม้ของนางหายไปแล้ว พลังปราณที่ถูกกำราบทั้งตัวฟื้นคืนกลับมาในยามนี้ ปลดปล่อยอานุภาพไร้ขอบเขตออกมา เงาร่างทรงสง่าเพรียวบางนั้นล้วนถูกกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์ทองอร่ามหลากสายล้อมรอบดุจเทพเซียน
นางก้าวเท้าออกมาทันที พุ่งตัวไปบนหนทางฟ้าเลือกสรรนั่น
เกือบจะเวลาเดียวกัน ผู้ฝึกปราณทุกคนในที่นั้นล้วนสัมผัสได้ว่าพลังปราณที่ถูกกำราบฟื้นคืนกลับมา พลังกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วนเสื่อมทรุดโดยสิ้นเชิง!
“ไป!”
พวกจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินที่ทนไม่ไหวอยู่ก่อนแล้วล้วนเผยไอสังหารทะลวงชั้นเมฆ แผ่อานุภาพชวนประหวั่น พุ่งไปยังตำหนักเซียนใจกลางตรงยอดเขานั้นราวกับทวยเทพ
เบื้องหลังพวกเขายังมีผู้ฝึกปราณมากมายเข้าร่วมด้วย ก่อนหน้านี้พวกฉีหลิงอวิ๋นล้วนรับปากแล้ว ขอแค่ไปจัดการหลินสวินด้วยกัน ก็จะพาพวกเขามุ่งหน้าไปฝึกปราณบนน่านฟ้าที่แปด ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงร่วมเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล
‘ท่านลุง พวกเราควรทำอย่างไร’ เซี่ยงเสี่ยวหยวนสื่อจิตอย่างร้อนรน
‘ชีวิตของพวกเราสหายน้อยหลินสวินเป็นคนมอบให้ ตอนนี้เขาประสบเคราะห์ พวกเราก็แค่คืนชีวิตนี้กลับไปจะเป็นไร’ หลิ่วเซียงเชวียสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจ
‘ได้’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์