Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2610

สรุปบท ตอนที่ 2610 บุญคุณความแค้นในตอนนั้น บอกเล่าในยามนี้: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2610 บุญคุณความแค้นในตอนนั้น บอกเล่าในยามนี้ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2610 บุญคุณความแค้นในตอนนั้น บอกเล่าในยามนี้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2610 บุญคุณความแค้นในตอนนั้น บอกเล่าในยามนี้

ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินเสียอาการขนาดนี้ สภาวะจิตไม่มั่นคง ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนในอดีตปรากฏขึ้นราวกับกระแสน้ำปั่นป่วน

ตอนเด็กไปสืบหาปริศนาผู้ให้กำเนิดตนที่จักรวรรดิจื่อเย่าเพียงลำพัง

ไปแก้แค้นอวิ๋นชิ่งไป๋ที่ดินแดนรกร้างโบราณ…

เพื่อค้นหาความจริงของเหตุการณ์นองเลือดของตระกูลหลิน ท่องฟ้าดาราทั่วหล้าก็เพื่อตามหากึ่งจักรพรรดิปาฉี…

ประสบการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะคดเคี้ยวและล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน แต่กลับทำให้หลินสวินเจอความจริงมากมายทีละก้าว

ความจริงเหล่านั้นโหดร้ายมาก แต่ยังดีที่เบาะแสทั้งหมดล้วนพิสูจน์แล้วว่าบิดามารดาของเขาและท่านลู่ยังมีชีวิตอยู่

นี่เป็นการปลอบประโลมจิตใจของหลินสวินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เพียงแต่

ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วกลับไม่รู้เสียทีว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ในใจหลินสวินก็อดผิดหวังไม่ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เคยคิด ว่าหลังจากเปิดกล่องสำริดที่ผนึกไว้มานาน กลับจะได้เจอมารดาของตน!

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้จิตมรรคซึ่งผ่านการเคี่ยวกรำมายาวนานของหลินสวินถึงกับมีสัญญาณสูญเสียการควบคุม!

ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงที่สั่นราวกับสะอื้นไห้ดังขึ้นข้างหูหลินสวิน “สวินเอ๋อร์”

ร่างกายของหลินสวินแข็งทื่อ ความคิดฟุ้งซ่านสลายไป เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน ก็เห็นว่ากลางอากาศเงาร่างที่เขาถวิลหาเช้าค่ำตอนนี้กลับน้ำตาหลั่งรินไม่หยุด บนใบหน้าที่งดงามขาวผ่องเต็มไปด้วยความสะเทือนใจและเสียใจ

ในดวงตากระจ่างใสเป็นประกาย คือความละอายใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะเอ่ย

หลินสวินรู้สึกเพียงจุกจนพูดไม่ออก อารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่แล้วควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป เอ่ยว่า “ท่าน เป็นท่านจริงหรือ”

ใช่แล้ว เขาในตอนนี้ยังรู้สึกไม่สมจริงเหมือนกำลังฝันไป!

ลั่วชิงสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เดินไปเบื้องหน้าและกอดหลินสวินแน่น น้ำตาวาววามไหลไม่หยุด การรอคอย คาดหวัง ขมขื่น เสียใจ คิดถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมา… ดุจดั่งน้ำป่าที่สั่งสมมานานระบายออกจากส่วนลึกของหัวใจ

ตอนแรกหลินสวินยังทำตัวไม่ถูกนัก ภายหลังถึงยื่นแขนออกไปกอดลั่วชิงสวินเบาๆ ในใจปรากฏความทอดถอนใจที่ไม่อาจอธิบาย

เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่ประหนึ่งไร้ศัตรูในสายตาคนบนโลก เป็นคนร้ายกาจแซ่หลินที่ทุกคนในโลกยอดนิรันดร์ล้วนรู้จัก แต่เขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงบุตรชายที่อยู่เบื้องหน้ามารดาเท่านั้น

เพียงแต่สำหรับบทบาทนี้ เขายังไม่คุ้นชินนัก

ครู่ใหญ่ลั่วชิงสวินถึงหยุดร้องไห้ เงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้ากร้าวแกร่งและหล่อเหลาของหลินสวิน พูดเสียงสั่นเครือ “สวินเอ๋อร์ เจ้าโทษแม่หรือไม่”

หลินสวินส่ายหน้า “ไม่เคย”

ลั่วชิงสวินกลับปวดใจขึ้นมา แยกจากกันตั้งแต่เด็ก ไม่เคยอยู่เคียงข้างเฝ้าดูการเติบโตของเลือดเนื้อเชื้อไขตน ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เจอกันอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กที่ยังร้องอ้อแอ้อยู่ในผ้าอ้อมในความทรงจำคนนั้น ตอนนี้กลายเป็นบุรุษที่สูงใหญ่สุขุมแล้ว

ครู่ใหญ่ลั่วชิงสวินถึงสงบใจลง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “สวินเอ๋อร์ เล่าประสบการณ์หลายปีมานี้ของเจ้าได้หรือไม่”

ในเสียงเผยความหวังอย่างแรงกล้า

นี่คือจิตใจของมารดาที่อยากรู้เรื่องราวของลูก

หลินสวินพยักหน้า ในใจสั่นไหวไม่หยุดเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกแล้ว เขาซึ่งผ่านการเคี่ยวกรำมานับไม่ถ้วน ยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดออกมาเหมือนตอนเด็กอีกแล้ว

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง แววตาเผยแววย้อนคิด เล่าเรื่องตั้งแต่ยามใช้ชีวิตกับท่านลู่ในคุกใต้เหมือง…

ทะเลสีครามกว้างใหญ่ ท้องฟ้าสูงเมฆเบาบาง บนเรือที่ลอยอยู่เพียงลำพัง สองแม่ลูกกลับมาพบกันอีกครั้ง หลินสวินเล่า ลั่วชิงสวินฟัง สรรพสิ่งกลางฟ้าดินนี้เหมือนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา

ครู่ใหญ่หลินสวินถึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาตลอดทางจนจบ แม้คำพูดกระชับ แต่ลั่วชิงสวินก็ยังฟังจนจิตใจสั่นไหว ไม่สามารถสงบได้เป็นเวลานาน

“คิดไม่ถึงว่าหลายปีมานี้เจ้าจะลำบากขนาดนี้…” ดวงตาลั่วชิงสวินแฝงความรู้สึกผิด ในใจยิ่งโทษตัวเองไม่หยุด

หลินสวินปลอบพร้อมรอยยิ้ม “ลำบากหรือ ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเท่าไร เพียงแต่ไม่ได้เจอท่านพ่อท่านแม่เสียที ในใจจึงอดหดหู่ไม่ได้อยู่บ้าง”

ลั่วชิงสวินถอนหายใจยาวเอ่ยว่า “โชคชะตาไม่เที่ยงคงจะเป็นเช่นนี้ หลายปีมานี้ข้ามักคิดว่าการมีชีพจรปราณหุบเหวกลืนกินเป็นโชคหรือเคราะห์กันแน่ หากบอกว่าเป็นโชค ชีพจรปราณวิญญาณนี้ทำให้เส้นทางการฝึกปราณของพวกเรามีพลังพรสวรรค์ที่คนนอกยากจะจินตนาการ หากบอกว่าเป็นเคราะห์… หลายปีมานี้อุปสรรคทั้งหมดที่ไม่ว่าจะเป็นข้า พ่อของเจ้า หรือท่านลู่ รวมถึงเจ้าประสบ… ล้วนเกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์นี้”

พูดถึงตอนท้ายสีหน้าของนางกลายเป็นเดียวดายไปแล้ว

หลินสวินเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้

ยามเขาเกิด ก็เพราะชีพจรปราณหุบเหวกลืนกินถึงถูกศัตรูทำร้าย ทำให้เกิดเหตุนองเลือดในตระกูลหลิน และตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เขากับบิดามารดาก็ขาดการติดต่ออย่างสิ้นเชิง

จนกระทั่งโตขึ้น ในพิบัติเคราะห์ที่พบเจอส่วนใหญ่ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับหุบเหวกลืนกิน อย่างเช่นการตามฆ่าจากหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง ความเป็นศัตรูจากจอมจักรพรรดิไร้นาม การตามฆ่าของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง…

แม้จนถึงตอนนี้ ความแค้นของเขาและตระกูลลั่วก็ยังไม่ได้สะสางอย่างแท้จริง!

และทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะหุบเหวกลืนกิน!

“สวินเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าในใจเจ้าจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ข้าจะบอกเล่าเรื่องทุกอย่างในอดีตให้เจ้าฟังก่อน หลังฟังจบหากเจ้ายังมีอะไรอยากถามก็ถามมาได้เลย”

ลั่วชิงสวินจ้องมองหลินสวิน เสียงอ่อนโยนและสนิทสนม จากนั้นนางก็เล่าเรื่องในอดีตออกมาอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างการตามฆ่า ลั่วชิงสวินและพี่ชายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายภายใต้ความช่วยเหลือจากสหายเก่าคนหนึ่งของลู่ป๋อหยา ถึงได้ข้ามฟ้าดารามายังทางเดินโบราณฟ้าดารา

สหายเก่าของลู่ป๋อหยาคนนั้น เป็นเมธีคนหนึ่งของตระกูลเสวียน นามว่า ‘เสวียนเฟยหลิง’

หลังจากลั่วชิงสวินนำกระบี่คู่กายของเสวียนเฟยหลิงมาถึงตระกูลเสวียน ภายใต้การจัดแจงของคนตระกูลเสวียน จึงได้เข้าสู่โลกชั้นล่างที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่

เพราะสองพี่น้องตระกูลลั่วเคยได้ยินว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างท่านปู่ลั่วทงเทียน กลับเคยพ่ายแพ้ในมือบุคคลไร้เทียมทานคนหนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

บุคคลไร้เทียมทานคนนั้นก็คือเจ้าแห่งคีรีดวงกมล!

และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็คือที่ตั้งของสำนักคีรีดวงกมล หากสามารถได้รับความช่วยเหลือของคีรีดวงกมล บางทีอาจจะสามารถกลับไปยังโลกยอดนิรันดร์อีกครั้งเพื่อล้างแค้นได้

นี่ก็คือเหตุผลที่ตอนนั้นพวกลั่วชิงสวินมุ่งหน้าไปยังโลกชั้นล่าง

ทว่าจนกระทั่งไปถึงโลกชั้นล่าง ลั่วชิงสวินบาดเจ็บสาหัสเกินไป จึงหลับใหลไปเนิ่นนาน ส่วนจักรพรรดิสงครามดับดาราก้าวเดินทั่วหล้า ตามหาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คีรีดวงกมลตั้งอยู่

ตอนนั้นคือยุคดึกดำบรรพ์

และก็เป็นตอนนั้นที่จอมจักรพรรดิไร้นามซึ่งไล่ล่ามาตลอดทางเข้าควบคุมพลังระเบียบต้องห้าม ปกคลุมทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราไว้ภายใต้พลังระเบียบ

เพราะกังวลว่าจอมจักรพรรดิไร้นามจะพบร่องรอย ลู่ป๋อหยาจึงพาลั่วชิงสวินที่หลับใหลอยู่ลงหลักปักฐานในโลกชั้นล่างนับแต่นั้นมา

รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปไม่รู้กี่ปีแล้ว

ภายหลังลั่วชิงเหิงซึ่งถูกเรียกว่าจักรพรรดิสงครามดับดาราเคยเข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กลับพบว่าสำนักคีรีดวงกมลกลายเป็นเศษซากไปนานแล้ว

ลั่วชิงเหิงไม่ยินยอม ค้นหาต่อไป หลังผ่านการสืบหามานานปี ในที่สุดก็เจอเบาะแสส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคีรีดวงกมล จึงมุ่งหน้าไปยังเขาพยับครามในดินแดนรกร้างโบราณ

เหตุผลก็คือบนเขาพยับครามมีสำนักลับที่หลี่เสวียนเวยผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก่อตั้งขึ้น ทว่าตอนที่ลั่วชิงเหิงไปถึง พวกหลี่เสวียนเวยได้จากไปนานแล้ว

ฟังถึงตรงนี้ในที่สุดหลินสวินก็กระจ่าง ว่าเหตุใดยามอยู่บนเขาพยับครามเขาถึงเจอป้ายหินที่ท่านลุงจักรพรรดิสงครามดับดาราทิ้งเอาไว้ รวมถึงหยั่งถึงพลังพรสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ในป้ายหินนั่น

ที่แท้จักรพรรดิสงครามดับดาราก็เคยไปหาศิษย์พี่หลี่เสวียนเวย!

จากนั้นลั่วชิงเหิงก็ไปจากดินแดนรกร้างโบราณ มุ่งหน้าไปที่อื่น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลั่วชิงเหิงก็หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีข่าวคราวอีก

ส่วนลั่วชิงสวินในตอนนั้นยังคงหลับใหลอยู่โดยมีลู่ป๋อหยาปกป้องนางมาตลอด จึงไม่รู้ว่าลั่วชิงเหิงไปที่ไหนจริงๆ

พูดถึงตรงนี้ในดวงตาลั่วชิงสวินเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์