Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2611

สรุปบท ตอนที่ 2611 ที่มาของท่านลู่: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2611 ที่มาของท่านลู่ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2611 ที่มาของท่านลู่ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2611 ที่มาของท่านลู่

ลั่วชิงสวินสงบจิตใจ เล่าเรื่องราวหลังจากฟื้นขึ้นมา

ตอนนั้นหลังจากนางได้สติขึ้นมาในจักรวรรดิจื่อเย่า กลับปรากฏสภาวะความจำเสื่อมระยะสั้น ลู่ป๋อหยาที่ปกป้องอยู่เคียงข้างนางเงียบๆ มาโดยตลอดตอนนั้นไม่ได้บอกความจริงกับนาง

เพราะทางเดินโบราณฟ้าดาราในตอนนั้นยังคงถูกพลังระเบียบของจอมจักรพรรดิไร้นามปกคลุม เขากังวลว่าหลังจากลั่วชิงสวินรู้ว่าพี่ชายของนางลั่วชิงเหิงก็หายตัวไป จะรับความกระทบกระเทือนเช่นนี้ไม่ไหวและทำเรื่องอันตรายอะไร

ดังนั้นลั่วชิงสวินที่อยู่ในสภาวะความจำเสื่อมจึงไม่รู้เรื่องในอดีตสักนิด กลายเป็นเหมือนผู้หญิงที่ยังด้อยประสบการณ์ เข้าร่วมการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าของจักรวรรดิจื่อเย่า เข้าสู่สำนักศึกษามฤคมรกตด้วยฐานะอันดับหนึ่ง

และก็เป็นตอนนั้นเองที่ได้รู้จักกับหลินเหวินจิ้ง บุตรชายสายตรงตระกูลหลิน ทั้งตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว

ยามลู่ป๋อหยารู้เรื่องพวกนี้ก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ไม่สามารถห้ามทั้งสองไม่ให้อยู่ด้วยกันได้อีก

หลังจากนั้นลั่วชิงสวินก็แต่งให้หลินเหวินจิ้ง และให้กำเนิดหลินสวินในปีถัดมา

ทว่าไม่นานคดีนองเลือดตระกูลหลินก็ปะทุขึ้นกะทันหัน

ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินพลิกม้วน ถอนหายใจยาวอย่างควบคุมไม่อยู่

สีหน้าของลั่วชิงสวินเองก็เผยความอึมครึม

ครู่ใหญ่นางถึงตั้งสติได้ เอ่ยว่า “เรื่องตอนนั้นเจ้าน่าจะรู้แล้ว เจ้า… ยังมีอะไรสงสัยอีกหรือไม่”

หลินสวินโพล่งออกมา “ตอนนั้นท่านกับท่านพ่อไปที่ไหนหรือ”

“แหล่งสถานศุภโชค”

ลั่วชิงสวินกล่าวทันที

เดิมทีตอนนั้นนางใช้กระบี่ศุภโชคสลายพลังระเบียบต้องห้ามที่จอมจักรพรรดิไร้นามควบคุม หลังจากส่งตัวลู่ป๋อหยาและหลินสวินที่อยู่ในผ้าอ้อมไป เดิมทีคิดว่าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ใครจะคิดว่ากลับกระตุ้นพลังของกระบี่ศุภโชคโดยไม่ได้ตั้งใจ และถูกส่งไปยังแหล่งสถานศุภโชคในทันที

พูดถึงกระบี่ศุภโชค เป็นหนึ่งในสมบัติชั้นยอดที่ลั่วทงเทียนทิ้งไว้ในตระกูลเมื่อนานมาแล้ว ก่อนลั่วเซียวจะหายตัวไปอย่างน่าประหลาด ก็ได้มอบให้ลั่วชิงสวินดูแลแล้ว

“แหล่งสถานศุภโชคนั่นลึกลับหาใดเปรียบ เต็มไปด้วยวาสนาและศุภโชคที่ยากจะจินตนาการ แต่ที่จนปัญญาคือ เข้าไปง่ายแต่ออกไปยาก จนกระทั่งตอนนี้ข้ากับพ่อเจ้าก็ยังคงถูกขังอยู่ภายในนั้น”

สีหน้าของลั่วชิงสวินเผยความจนใจ

หลินสวินไม่ได้แปลกใจ เพราะเขาดูออกแต่แรกแล้ว ว่าลั่วชิงสวินที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงพลังเจตจำนง ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของนาง

“โชคดีที่ฟ้ายังเหลือทางรอด เมื่อหลายปีก่อนข้าพบผู้ฝึกปราณลึกลับคนหนึ่งในแหล่งสถานศุภโชคโดยบังเอิญ เพราะความช่วยเหลือจากเขา ถึงได้นำกล่องสำริดที่มีพลังเจตจำนงของข้าชิ้นนี้ออกจากแหล่งสถานศุภโชคมอบให้กับท่านลู่”

พูดถึงตรงนี้ลั่วชิงสวินเผยรอยยิ้มออกมา “ก็เพราะเช่นนี้ จึงทำให้ในที่สุดพวกเราแม่ลูกมีโอกาสพบกัน แม้เป็นเพียงพลังเจตจำนง แต่ก็สามารถกลายเป็นความทรงจำช่วงหนึ่ง หากวันหนึ่งพวกเราแม่ลูกได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง ร่างเดิมของข้าก็จะได้รับความทรงจำช่วงนี้ในทันที”

ในใจหลินสวินก็ดีใจเช่นกัน ยังดีที่เป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเขาไม่กล้าจินตนาการจริงๆ ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอมารดาของตน

ทันใดนั้นเขานึกคำถามหนึ่งขึ้นได้ “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ฝึกปราณลึกลับคนนั้นเป็นใคร เหตุใดตอนนั้นจึงไม่ขอให้เขาพาท่านและท่านพ่อไปจากแหล่งสถานศุภโชคด้วยกัน”

ลั่วชิงสวินกล่าว “ไม่ได้หรอก ตอนนั้นข้ากับพ่อเจ้าถูกขังในแดนลับที่แปลงจากเขตแดนกาลเวลาแห่งหนึ่ง แม้สหายยุทธ์ลึกลับคนนั้นจะช่วยก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายยังต้องเสียค่าตอบแทนมหาศาลถึงส่งกล่องสำริดนี้ออกมาได้”

หลินสวินกระจ่างในทันที กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ผู้ฝึกปราณลึกลับคนนั้นก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราแล้ว จริงสิ ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร”

ลั่วชิงสวินครุ่นคิด “เขาเรียกตัวเองว่า ‘คนแซ่เฉิน’ คงจะสกุลเฉิน’”

เฉิน!

ในใจหลินสวินสะท้านไหว หรือจะเป็นเขา

ในหัวปรากฏเงาร่างของเซียนผลาญเฉินหลินคงอย่างไม่อาจควบคุม

ก่อนหน้านี้หลินสวินยังไม่เคยใส่ใจว่าเฉินหลินคงมีความลึกลับขนาดไหน แต่จนกระทั่งรู้ว่าเฉินหลินคงเคยให้ความช่วยเหลือซย่าจื้อในแดนมรณะเสื่อมโทรมพร้อมกับจักจั่นทอง และเคยมองพลังกฎเกณฑ์โชคชะตาในร่างซย่าจื้อออก เขาก็รู้แล้วว่าเฉินหลินคงไม่ใช่ผู้มีความสามารถทั่วไป

อันที่จริงแค่คิดก็รู้แล้ว จักจั่นทองเคยถูกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลวิจารณ์ว่า ‘มรรคสูงล้ำฟ้า’ และเฉินหลินคงก็สามารถผูกมิตรร่วมเดินทางกับจักจั่นทองได้ คนระดับนี้จะธรรมดาได้อย่างไร

“จากที่ข้าเดา เขานั่นแหละที่หาท่านลู่จนเจอ ถึงทำให้กล่องสำริดนี้ตกอยู่ในมือของเจ้าได้ จะว่าไปเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราจริงๆ” ลั่วชิงสวินกล่าว

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ท่านลู่เล่า ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เหตุใดไม่มาพบข้าโดยตรง กลับฝากกล่องสำริดนี้ไว้กับตระกูลเสวียน ให้ตระกูลเสวียนมอบให้ข้า”

ลั่วชิงสวินกล่าว “เขากังวลว่าหลังจากเจ้ารู้ความจริงในตอนนั้นแล้วจะทำเรื่องเสี่ยงเหมือนลุงของเจ้า”

“และกำหนดเวลาหนึ่งร้อยปีก็ไม่ใช่การทดสอบ แต่เพราะภายในหนึ่งร้อยปี หากเจ้าไม่สามารถสลายพลังผนึกบนกล่องสำริดได้ ก็หมายความว่าเจ้ายังไม่มีพลังมากพอจะเผชิญกับความจริงนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไม่รู้ความจริงจึงจะเป็นการปกป้องที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า”

“อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องทำเรื่องที่ทำให้ข้าและท่านลู่เป็นห่วง อย่างเช่น… ไปแก้แค้นตระกูลลั่ว”

หลินสวินขมวดคิ้ว “ต่อให้เป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านลู่กลับไม่ยอมพบข้า”

เขาไม่เข้าใจยิ่ง

ลั่วชิงสวินเอ่ย “ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเจอเจ้า แต่เพราะเคยได้รับคำแนะนำจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมลว่าอย่าแทรกแซงเรื่องของเจ้า ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อมรรคาของเจ้า”

บอกว่าท่านลู่คร่ำครึหรือ

ทว่าตอนนั้นหากไม่มีเขาช่วย มารดากับท่านลุงคงไม่สามารถหนีรอดจากตระกูลลั่วได้

อีกทั้งยามตนยังแบเบาะก็ถูกท่านลู่ช่วยเอาไว้ แม้แต่มรดกวิชาสลักวิญญาณ ล้วนมาจากการถ่ายทอดของท่านลู่!

“ข้าเล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟัง ไม่ใช่การกล่าวโทษ แต่เป็นการบอกเจ้าว่าต่อให้มุ่งหน้าไปยังน่านฟ้าที่หก เจ้าก็อย่าได้แตะต้องเส้นกั้นนั้นของท่านลู่” ลั่วชิงสวินเตือนอย่างจริงจัง

หลินสวินพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

ลั่วชิงสวินกล่าว “ตอนนี้เจ้าเปิดกล่องสำริดได้แล้ว เรื่องบางส่วนก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังเจ้า ตอนนั้นข้าเคยสัญญากับท่านลู่ ว่าขอเพียงแค่เจ้าเปิดกล่องสำริดได้ภายในร้อยปีก็จะมอบกระบี่ศุภโชคให้เจ้า เช่นนี้ต่อไปเจ้าก็มีโอกาสมุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานศุภโชคแล้ว”

กระบี่ศุภโชค!

ในใจหลินสวินคึกคักขึ้นมา เกิดความตื่นเต้นที่บอกไม่ถูก นี่หมายความว่าตนมีความเป็นไปได้ที่จะไปเจอบิดามารดาแล้ว!

เพียงแต่จากนั้นลั่วชิงสวินก็พูดว่า “แต่ข้าแนะนำว่าตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งไปแหล่งสถานศุภโชค แม้ข้าและพ่อของเจ้าถูกขังในนั้น แต่ชีวิตก็ไร้กังวล อีกอย่างด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของเจ้า ต่อให้เข้าสู่แหล่งสถานศุภโชคก็ไม่สามารถเจอพวกเราได้”

“กลับเป็นท่านลุงและท่านตาของเจ้าต่างหากที่ข้าเป็นห่วงที่สุด เพราะฉะนั้นข้าอยาก…”

นางพูดไม่ออกนัก

เพิ่งจะเจอหน้าลูกครั้งแรกก็จะให้เขาไปทำธุระให้แล้ว นี่ทำให้ลั่วชิงสวินละอายใจอยู่บ้าง

หลินสวินกลับยิ้มพูด “ท่านแม่ ข้าตัดสินใจจะไปน่านฟ้าที่หกตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนจะไปแหล่งสถานศุภโชค จะต้องไปพบท่านลู่ก่อนให้ได้ และทำความเข้าใจเรื่องของท่านลุงและท่านตา หากจำเป็น ข้าจะไปตระกูลลั่วสักเที่ยว เรื่องที่ท่านลู่ไม่สามารถแทรกแซงได้ ข้าจะจัดการเอง!”

ประกายเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาเขา

“สวินเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้วู่วาม”

ลั่วชิงสวินกังวลอยู่บ้าง กล่าวว่า “ด้วยมรรควิถีของเจ้าในตอนนี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฒ่าชราตระกูลลั่วเหล่านั้น ต่อให้ตระกูลลั่วจะตกต่ำแค่ไหน รากฐานที่มีก็ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าจักรพรรดิอมตะทั่วไปจะเทียบได้ เจ้า…”

หลินสวินยิ้มพูด “ข้าเข้าใจ ท่านแม่ ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว จะไม่วู่วามอย่างที่ท่านพูดหรอก”

ลั่วชิงสวินอึ้งไป คล้ายเกิดความสะเทือนอารมณ์ยิ่งยวด พูดเสียงเบา “เจ้าน่ะไม่เข้าใจหรอก ในใจมารดาทุกคน ต่อให้ลูกจะโตแค่ไหน มีความสามารถเพียงใด แต่ก็ยังเป็นเด็กที่ต้องคอยตักเตือนและเป็นห่วงอยู่เสมอ…”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์