ตอนที่ 2615 ดาบเงาแสง อานุภาพเนรเทศ
โลกผนึกดุจรัตติกาล สุริยันจันทราจ่อมจม ดวงดาวร่วงหล่น
ประหนึ่งวันสิ้นโลกมาเยือน
ลั่วอวิ๋นซานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ประกายน่าครั่นคร้ามไหววูบในดวงตา พลานุภาพน่ากลัวไร้รูปแผ่ออกมาจากร่างเขา
ตูม!
สุริยันจันทราที่ร่วงลงมายังไม่ทันเข้าใกล้ก็ระเบิดกระจุยในอากาศเหนือศีรษะเขา กลายเป็นกระแสลายมรรคถาโถมม้วนตลบกระเจิดกระเจิง
และเมื่อลั่วอวิ๋นซานยื่นมือไปคว้า ทันใดนั้นดวงดาวที่ห้อตะบึงอยู่เต็มฟ้าก็สั่นไหวเบาๆ หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ต่างระเบิดกระจายต่อเนื่อง
ชั่วพริบตานั้นประหนึ่งดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนปะทุ โชติช่วงตระการตา
ทั้งโลกผนึกอันมืดมิดต่างสั่นสะเทือน
ลั่วอวิ๋นซานยืนอยู่ที่เดิม สุขุมเยือกเย็น เอ่ยเรียบๆ ว่า “หลินสวิน อย่ามองความจริงใจจากตระกูลลั่วของข้าเป็นความเมตตาต่อเจ้า ถ้าเจ้ายังดื้อดึงไม่รู้ความอีก ก็มีแต่ต้องกำจัดเจ้าไปจากโลกแล้ว”
“เรื่องสนุกเพิ่งเริ่มเท่านั้น ไม่ต้องรีบ”
เสียงหลินสวินดังขึ้น
ในกระบวนค่ายกลปั่นป่วนขึ้นทันควัน ลม สายฟ้า ดินและไฟอุบัติขึ้น ท่ามกลางเสียงดังสนั่นแสงกระบี่มากมายปรากฏขึ้นตามมาติดๆ แผ่ออกเป็นมหาสมุทรกระบี่ อาบด้วยอานุภาพแห่งลม สายฟ้า ดินและไฟ เสียงกระบี่ครวญดังชิ้งๆ ไม่ขาดสาย
ลั่วอวิ๋นซานนิ่วหน้า ไอสังหารเย็นเยียบวาบผ่านในดวงตา
เขาพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อทันที
ตูม!
กฎเกณฑ์อมตะอันน่ากลัวกลายเป็นพายุบดขยี้ออกไป
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดลั่นแตกสลาย แต่ปราณกระบี่เหล่านั้นไม่ได้มีเพียงหลักพันหลักหมื่น แน่นขนัดมืดฟ้ามัวดิน บุกประชิดไม่ขาดสาย อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็น่าครั่นคร้ามถึงขีดสุด หากเปลี่ยนเป็นระดับบรรพจารย์เกรงว่าจะตั้งรับไม่ไหวสักนิด
แม้ระดับอมตะอย่างลั่วอวิ๋นซานจะไม่กลัว แต่ก็ไม่อาจสลายการโจมตีที่มาจากรอบทิศได้อยู่หมัดในเวลาสั้นๆ คิ้วจึงขมวดแน่นขึ้นอย่างอดไม่ได้
เขาแค่นเสียงหยันออกมาคราหนึ่ง แขนเสื้อโบกสะบัด เส้นผมปลิวสยาย ตัวเขาเหมือนเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ไร้จำกัด ทั้งร่างมีเพลิงเทพอมตะสีม่วงพลุ่งพล่าน พลานุภาพก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวถึงขีดสุด
“ไป!”
เขายื่นมือทำมุทรา แสงเทพอมตะนับไม่ถ้วมควบรวมเป็นวงล้อดุจดวงอาทิตย์ บดขยี้กึกก้องไปในห้วงอากาศ
ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังผนึกนับไม่ถ้วนปั่นป่วน ไออมตะสีม่วงอาละวาดลงมา คล้ายจะทำลายโลกแห่งนี้ลง
หลินสวินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนัยน์ตาหดรัด เขาไม่ใช่ไม่เคยสู้กับระดับอมตะ อย่างสมัยอยู่ในเขตผนึกนิรันดร์โรยของน่านฟ้าที่หนึ่งก็เคยฆ่าระดับอมตะที่มาจากตระกูลจู้อย่างจู้ฮุย
แต่ตอนนั้นจู้ฮุยบาดเจ็บเจียนตายอยู่ก่อนแล้ว หลินสวินจึงฉวยโอกาสได้
เทียบกันแล้วลั่วอวิ๋นซานที่ศักยภาพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย พลังที่ปลดปล่อยออกมายามขยับตัวก็มีอานุภาพบดขยี้พินาศย่อยยับ!
ตูม!
วงล้อดุจดวงอาทิตย์สีม่วงหมุนวน พุ่งกวาดทะยานไปในฟ้าดิน นำพาพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่มาสู่กระบวนค่ายกล พลังผนึกมากมายยังถูกคุกคาม
หลินสวินไม่กล้าร่ำไรอีก พุ่งออกไปโจมตีทันที
วู้ม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมีแสงมรรคมากมายไหลหลั่ง ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ อาบชโลมเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินไว้ภายใน
“หึ ยังไม่ถอดใจหรือ”
แววตาลั่วอวิ๋นซานเผยความดูถูก ชูนิ้วขึ้นชี้
เคร้ง!!!
ท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสั่นโคลงเกือบถูกซัดกระเด็นออกไป หลินสวินก็เลือดลมปั่นป่วนเพราะถูกโจมตี
แต่เขาไม่ได้ถอยหนี บุกเข้าไปข้างหน้าต่อ ปลดปล่อยมรรควิถีทั้งตัวถึงขีดสุด โอหังและแข็งกร้าวประหนึ่งหุบเหวเคลื่อนกวาด
ลั่วอวิ๋นซานประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ พลังดรรชนีของเขาสังหารระดับจักรพรรดิคนไหนก็ได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินสลายไปเช่นนี้หรือ!
“หมายจะใช้ร่างกายระดับจักรพรรดิต้านทานพลังอมตะหรือ เกรงว่าทั้งโลกยอดนิรันดร์จะไม่มีใครไม่รู้จักประมาณตนเท่าเจ้าแล้ว!”
ลั่วอวิ๋นซานส่งเสียงหัวเราะหยันแล้วเปิดฉากโจมตี
ตูม!
ฟ้าดินไหวโคลง แสงมรรคสะท้านฟ้า
เพียงชั่วพริบตาทั้งสองก็สู้กันอย่างดุเดือดไปหลายสิบครั้ง ทำให้ทั้งกระบวนผนึกสั่นสะเทือน
สิ่งที่ทำให้ลั่วอวิ๋นซานนิ่วหน้าก็คือ ต่อให้เขาใช้อานุภาพที่แท้จริงแล้ว แต่ในการต่อสู้ซึ่งหน้ากลับจัดการหลินสวินไม่ได้!
อีกฝ่ายทุลักทุเลมากอย่างเห็นได้ชัด ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ถูกเล่นงานจนแทบโงหัวไม่ขึ้น แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ ตรงข้ามกลับรอดจากอันตรายได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่ทำให้ลั่วอวิ๋นซานไม่อาจสงบใจได้
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเย้ยฟ้ามากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เย้ยฟ้าถึงขั้นต้านระดับอมตะได้ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนบนโลกรู้กันมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่าตอนนี้หลินสวินกลับต้านเขาด้วยพลังปราณเช่นนี้ในการต่อสู้ซึ่งหน้า แล้วยังต้านมาได้จนถึงตอนนี้ ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไปต้องสร้างความสะเทือนในใต้หล้าแน่
‘เจ้านี่เป็นปีศาจอย่างที่ลือกันจริงๆ ถ้าตระกูลลั่วได้มาใช้… เช่นนั้นจะดีแค่ไหนกัน…’
ลั่วอวิ๋นซานรำพึงในใจ
แม้ความคิดในใจจะเกิดขึ้นมากมาย แต่การโจมตีของลั่วอวิ๋นซานก็ยิ่งดุดัน ปลดปล่อยวิชาอมตะที่ครอบครองออกมกดข่มหลินสวินไม่ว่างเว้น
ไม่นานนัก
หลินสวินถูกโจมตีหนักหน่วงยิ่ง ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ปากกระอักเลือดออกมา
ก็เป็นตอนนี้เองเขาถึงตระหนักได้ว่าพลังของระดับอมตะวิปริตปานไหน
ต่อให้พลังปราณของเขาจะบรรลุขั้นบริบูรณ์ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ต่อให้ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งห้ำหั่นเต็มกำลัง แต่ก็ยังถูกเล่นงานตลอด อันตรายหาใดเทียบ
“ถ้าไม่ก้มหัวอีกก็อย่าหาว่าข้าลงมือรุนแรง”
ลั่วอวิ๋นซานสีหน้าเฉยเมย ระหว่างที่พูดกับหลินสวิน อันที่จริงเกิดความโมโหขึ้นในใจอย่างมาก เพียงแต่อดกลั้นไว้ตลอด
และตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลินสวินยังดื้อดึงเหมือนเดิม เมื่อลั่วอวิ๋นซานลงมือก็ยิ่งแข็งกร้าว อหังการ และร้ายกาจดุดัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์