ตอนที่ 2617 เผิงเทียนเสียงผู้ใจสลาย
น่านฟ้าที่หก
เมืองสัมผัสวาโย
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
เผิงเทียนเสียงนั่งพิงหน้าต่างเพียงลำพัง ดื่มเหล้าเมาอยู่คนเดียว จิตใจเศร้าซึม
“พวกเจ้าว่า คนร้ายกาจแซ่หลินแห่งคีรีดวงกมลนั่นใจกล้าพอจะมาน่านฟ้าที่หกไหม” เสียงวิพากษ์วิจารย์เซ็งแซ่งลอยมาแต่ไกล
“เขากล้าไหมข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าตอนนี้ในน่านฟ้าที่หกแห่งนี้ พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหวิน เหิง เฮ่อ ลั่ว จู้ต่างกลายเป็นตัวตลกในใต้หล้าไปแล้ว”
มีคนเอ่ยเสียงเบา
สีหน้าของคนที่อยู่โรงเตี๊ยมไม่น้อยต่างเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา
ตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หนึ่ง เผ่าจักรพรรดิอมตะต่างส่งกำลังพลออกเคลื่อนไหว ในน่านฟ้าที่หกแห่งนี้ก็เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตยิ่ง ดึงดูดให้ผู้คนนับหมื่นจับตามอง
คนมากมายคาดเดาอยู่ว่าคนร้ายกาจแซ่หลินจะถูกฆ่าตายเมื่อไรกันแน่ และจะตายด้วยน้ำมือของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลไหน
เพียงแต่ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะยังมีชีวิตอยู่
เพราะกำลังพลที่เหล่าเผ่าจักรพรรดิอมตะรวบรวมมาน่ากลัวเกินไปจริงๆ น่ากลัวจนทำให้ทุกคนมองไม่เห็นความหวังว่าหลินสวินจะรอดชีวิตสักนิด
กระนั้นใครก็คิดไม่ถึงว่าภายใต้การไล่ฆ่าเช่นนี้เอง หลินสวินไม่เพียงแต่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ มิหนำซ้ำยังทะลวงจากน่านฟ้าที่หนึ่งไปถึงน่านฟ้าที่ห้าได้!
ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ต่อให้เผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายวางกำลังทั่วไปหมด แต่สุดท้ายก็ยังฆ่าหลินสวินที่น่านฟ้าที่ห้าไม่ได้อยู่ดี
ตรงกันข้าม ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิอมตะที่พยายามเสาะหาร่องรอยหลินสวินแต่ก็ยังหาไม่พบ ต่างยอมแพ้ถอนกำลังกลับมาก่อนระหว่างที่รอคอยและเหนื่อยล้ามานานปี!
ตอนนี้เรื่องนี้กระจายอยู่ในน่านฟ้าที่หกแล้ว อึกทึกครึกโครมนัก ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นอับอายขายหน้ายิ่ง กลายเป็นตัวตลกไป
“หากเปลี่ยนข้าเป็นคนร้ายกาจแซ่หลินย่อมไม่มาน่านฟ้าที่หกแน่ อันตรายเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิอมตะพวกนั้น พวกเขาประกาศกร้าวมานานแล้วว่าถ้าคนร้ายกาจแซ่หลินกล้าปรากฏตัว จะต้องให้เขาตายไร้ศพฝัง”
มีคนถอนใจเบาๆ
“คำขู่ใครก็พูดได้ แต่ที่สำคัญคือคนจำพวกคนร้ายกาจแซ่หลินจะกลัวการข่มขู่เช่นนี้หรือ ไม่ดูหน่อยหรือว่าเส้นทางสายนี้เขาผ่านมาได้อย่างไร ขอเพียงเป็นศัตรูกับเขา ไม่สนด้วยซ้ำว่าเจ้ามีฐานะหรือตำแหน่งอะไร ล้วนฆ่าเกลี้ยงไม่มีพลาด!”
มีคนเอ่ยเนิบๆ ท่าทางชื่นชม
“ทุกท่าน พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ตอนอยู่ในน่านฟ้าที่ห้า คนร้ายกาจแซ่หลินได้แต่หดหัวอยู่ในกระดอง ไม่กล้าเผยร่องรอยสักนิด หาไม่แล้วเขาจะรอดมาได้อย่างไร อนุมานจากเรื่องนี้ ต่อให้เขากล้าเข้ามาในน่านฟ้าที่หกจริงๆ ก็ต้องเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง ไม่กล้าเดินอาดๆ ในเมืองอยู่แล้ว หาไม่เมื่อฐานะของเขาเปิดเผยก็จะเป็นวันตายของเขา!”
บางคนวิเคราะห์อย่างสงบ และมีคนเห็นด้วยไม่น้อย
น่านฟ้าที่หกก็เหมือนสันปันน้ำแห่งหนึ่ง แตกต่างจากน่านฟ้าที่ห้ารวมถึงน่านฟ้าที่อยู่ล่างลงไปโดยสิ้นเชิง
เพียงแค่จำนวนเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ครองอาณาเขตในน่านฟ้านี้ก็มีจำนวนน่าตกใจถึงยี่สิบสี่ตระกูล!
ถ้าเทียบความกว้างใหญ่ของอาณาเขตและจำนวนผู้ฝึกปราณที่มีอยู่มายมาย ก็ห่างชั้นกับน่านฟ้าที่ห้ารวมถึงน่านฟ้าเบื้องล่างลงไปมากนัก
ส่วนเผ่าจักรพรรดิอมตะที่หลินสวินล่วงเกินอย่างตระกูลเหวิน เหิง เฮ่อ จู้ ลั่ว… รวมกันก็มีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบตระกูล
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในน่านฟ้าที่หกนี้ เผ่าจักรพรรดิอมตะครึ่งหนึ่งเป็นศัตรูของหลินสวิน!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้หลินสวินเข้าสู่น่านฟ้าที่หก จะยังกล้าลอยหน้าลอยตาได้อย่างไร
อย่าว่าแต่เขา ต่อให้เปลี่ยนเป็นระดับอมตะ เกรงว่าจะหดหัวด้วยเหมือนกัน!
‘พี่หลินหนอพี่หลิน มิน่าคุณหนูโยวหรันถึงมองเจ้าเป็นพิเศษ ตอนนั้นสมัยอยู่แดนใหญ่พันศึก ใครจะจินตนาการว่าเจ้าจะสร้างชื่อเสียงโด่งดังได้ปานนี้’
เผิงเทียนเสียงได้ยินเสียงวิจารณ์จากผู้คน นึกถึงช่วงเวลาที่ได้สานสัมพันธ์กับหลินสวินที่แดนใหญ่พันศึกนั้น ในใจก็ทอดถอนใจนัก
‘ชังเจ้าอวิ๋นมู่เจอนั่นนัก สมัยอยู่ด่านนภาอมตะที่เก้าตอนนั้น บีบบังคับพาตัวคุณหนูโยวหรันไป หาไม่แล้วพวกเราย่อมไม่มีทางจากกันเร็วขนาดนั้น…’
ในใจเผิงเทียนเสียงเศร้าซึมขึ้นมาอีก
ยามนั้นอวิ๋นมู่เจอซึ่งเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิพาตัวตู๋กูโยวหรันไปดื้อๆ ตอนนั้นเผิงเทียนเสียงยังไม่รู้สึกอะไร
แต่จนกระทั่งเขากลับไปโลกยอดนิรันดร์ คิดจะอาศัยพลังของตระกูลไปน่านฟ้าที่เจ็ดเพื่อไล่ตามตู๋กูโยวหรัน ถึงพลันค้นพบว่าต่อให้ตนมีฐานะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเผิง ก็ใช่ว่าจะสามารถไปได้ง่ายๆ
เช่นนี้แล้วเขาอยากพบตู๋กูโยวหรันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว กระทั่งตอนนี้ยังทำได้เพียงนั่งดื่มเหล้าเศร้าซึมอยู่ที่นี่
หืม?
ทันใดนั้นสายตาเผิงเทียนเสียงก็ชำเลืองมองผ่านหน้าต่างโดยไม่ตั้งใจ เห็นว่าบนถนนอันพลุกพล่านขวักไขว่นั้นมีเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งไหววูบฉับไว
เพียงแต่ตอนที่เขาจะระบุได้โดยละเอียด เงาร่างคุ้นเคยนั้นก็หายลับไปในฝูงชนมากมายแล้ว
‘คงไม่ใช่…’
เผิงเทียนเสียงนิ่วหน้า ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ ผุดลุกขึ้นและรีบร้อนออกไปจากโรงเตี๊ยม
บนถนนคลาคล่ำไปด้วยม้าเกวียน คึกคักจอแจ สิ่งมีชีวิตเผ่าต่างๆ รวมตัว รูปลักษณ์พิลึกพิลั่นหลากหลาย คิดจะหาใครสักคนในสถานการณ์เช่นนี้ยากมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เผิงเทียนเสียงกลับไม่สนใจ ตรงดิ่งตามไปทางที่เงาร่างนั้นหายลับไป ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
‘ถ้าเป็นเขาจริงๆ เช่นนั้นเขาจะใจกล้าเกินไปแล้ว!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์