Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2718

ตอนที่ 2718 สละสิทธิ์

เสียงที่เคร่มขรึมดังก้องอยู่ในที่นี้ จวงซื่อหลิวสีหน้าเย็นเยียบ

ใครก็ดูออกว่าเขาโกรธจนลนลานอยู่บ้างแล้ว

เฟิงซีซีกล่าว “อยากส่งตัวข้าให้หอแรกนภาจัดการหรือ ได้ ถึงอย่างไรเดือนหน้าข้าก็จะเป็นผู้สืบทอดหอแรกนภาแล้ว จะได้ไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของหอแรกนภาล่วงหน้าสักหน่อย”

นางในชุดยุทธ์สีดำ มัดผมหางม้า สองขาตรงเรียวยาว บุคลิกสง่างาม องอาจอย่างที่สุด ทำให้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยยังดูด้อยลง

ตอนนี้แม้เผชิญกับจวงซื่อหลิวก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

หลินสวินเห็นภาพเช่นนี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้

ก็ตอนนี้เอง เฟิงซีซีที่ออกไปจากลานมรรคแล้วหมุนตัวกลับมา ดวงตาที่สว่างราวกับดวงดาวมองมายังหลินสวินแล้วเอ่ยว่า

“ศิษย์น้อง ในสำนักของเราอาจมีคนไม่น้อยมองเจ้าเป็นตะปูในตา แต่คนจำนวนมากกว่ายังยืนอยู่ข้างเดียวกับกฎและความยุติธรรม”

พูดจบนางก็จากไปอย่างผ่าเผย

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มองจวงซื่อหลิวที่สีหน้าคล้ำเขียวอีกแม้แต่แวบเดียว

บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัด ละเอียดอ่อนอย่างมาก

ใครก็คิดไม่ถึงว่าเฟิงซีซีจะทำเช่นนี้

นางยอมรับว่าพลังต่อสู้ของตนสู้หลินสวินไม่ได้หรือ

ไม่ใช่

แต่เพราะนางไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือ!

เพื่อเรื่องนี้ นางยอมแตกหักกับจวงซื่อหลิวต่อหน้าผู้คน ไม่เกี่ยงที่จะเปิดเผยทุกอย่าง นี่ต้องล่วงเกินผู้คนจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่เห็นชัดว่าเฟิงซีซีทุ่มสุดตัวแล้ว ไม่สนใจสักนิด

“ช่างสมกับที่เป็นศิษย์พี่เฟิงซีซี!”

“ศิษย์พี่เฟิงซีซีเยี่ยมมาก!”

“ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดของเราก็ควรจะมีศักดิ์ศรีและความกล้าเช่นนี้ ไม่ผิดต่อใจตน เรียกร้องความเป็นธรรม!”

เสียงชื่นชมระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นี้ ผู้สืบทอดเก้ายอดเขามากมายจิตใจสะท้านไหว กู่ร้องให้กับเฟิงซีซี

แต่เสียงเหล่านี้เหมือนตบใส่ใบหน้าจวงซื่อหลิวอย่างแรง ทรมานอย่างเจ็บแสบ

“เงียบ!”

เขาตะโกนเสียงขรึม กดข่มทั่วลาน พูดด้วยใบหน้าอึมครึม “เรื่องที่เฟิงซีซียอมแพ้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและผิดปกติ เรื่องนี้ข้าจะให้ผู้อาวุโสหอแรกนภาสอบสวนด้วยตัวเอง หากพบว่าเฟิงซีซีจงใจทำลายกฎการแข่งขัน จะไม่ปล่อยไว้แน่!”

ทุกคนอึ้งงัน คำพูดนี้ของจวงซื่อหลิวทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ นี่เขาคิดจะไปแก้แค้นเฟิงซีซีหรือ!

ทันใดนั้นผู้สืบทอดหลายคนต่างเดือดดาล

เมื่อเทียบกับหลินสวิน เฟิงซีซีเป็นคนเก่าแก่ในหมู่ผู้สืบทอดแกนหลักลัทธิแรกกำเนิด มีชื่อเสียงอย่างมาก อิทธิพลแผ่กว้าง หากถูกแก้แค้นเพราะเรื่องนี้ใครจะทนได้

จวงซื่อหลิวไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เรื่องของเฟิงซีซี ทางสำนักย่อมจะให้คำอธิบายที่ยุติธรรม ตอนนี้เริ่มการทดสอบรอบที่สาม”

ขณะที่เขากำลังจะประกาศชื่อคู่ต่อสู้ เสียงที่ต่ำลึกเย็นเยียบเสียงหนึ่งดังขึ้น

“การประลองครั้งที่สามนี้ ข้ายอมแพ้แล้ว”

ขวับ!

ทุกสายตามองไปยังเจ้าของเสียง นั่นเป็นชายคนหนึ่ง เงาร่างผอมตอบ ผิวสีน้ำตาล ใบหน้ากร้าวแกร่งคมคมดาบ กลิ่นอายคลุมเครือ ไม่ได้สะดุดตา

ทว่าไม่ว่าดวงตาไหนที่มองเห็นคนผู้นี้ ล้วนเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบ ราวกับสิ่งที่เห็นไม่ใช่คน แต่เป็นภูเขาไฟที่สามารถปะทุได้ตลอดเวลา เต็มไปด้วยไอเหี้ยมหาญดุดัน

หลิวอวิ๋นเฟิงผู้สืบทอดยอดเขาที่สาม!

คนร้ายกาจที่หากพูดถึงรากฐานพลังอาจจะสู้เฟิงซีซีไม่ได้ พูดถึงฐานะก็สู้เสิ่นไจ้เต้าไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงความดุร้ายของอุปนิสัย กลับเหนือกว่าสองคนนี้มาก

ความดุร้ายของเขาแสดงให้เห็นในการต่อสู้ ไม่ว่าจะสู้กับใครล้วนดุดันอย่างที่สุด สู้สุดชีวิตไม่เคยเสียดาย เหมือนคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับเขา ความเป็นความตายเป็นเรื่องธรรมดามาก

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลิวอวิ๋นเฟิงก็ใช้ความดุดันเช่นนี้สร้างชื่อมากมายในเก้ายอดเขา

ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป น้อยมากที่จะมีคนถกมรรคและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเขา เพราะเขาดุร้ายเกินไป ต่อให้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก เขาก็ยังดุดันปานไม่เสียดายชีวิต

ในสายตาผู้คน หลิวอวิ๋นเฟิงเป็น ‘คนดุดันเย้ยฟ้า’ คนหนึ่งอย่างแน่นอน เป็นพวกที่เพื่อการต่อสู้แล้วไม่ห่วงความเป็นความตาย

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าคนที่จัดมาในการทดสอบรอบที่สามคือหลิวอวิ๋นเฟิง คนไม่รู้เท่าไรล้วนหน้าเปลี่ยนสีไป

แม้แต่ผู้นำยอดเขาที่เก้าฉินอู๋อวี้ยังตกใจ เดือดดาลขึ้นมา

ส่งพวกที่เวลาต่อสู้แม้แต่ชีวิตก็ไม่เสียดายมา เป็นการแสดงจุดประสงค์ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว นั่นก็คือไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ให้หลินสวินผ่านการทดสอบ!

ก่อนหน้ามีเสิ่นไจ้เต้า เฟิงซีซี จากนั้นมีหลิวอวิ๋นเฟิง สามารถพูดได้ว่าคู่ต่อสู้ที่จัดมาในการประลองสามรอบนี้ เพียงพอจะขวางศิษย์สืบทอดแท้จริงทุกคนในเก้ายอดเขาแล้ว!

ศิษย์แกนหลักส่วนใหญ่ในเก้ายอดเขาเกรงว่ายังสู้ไม่ได้

แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกจัดให้คนใหม่อย่างหลินสวิน นี่เป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า หอแรกพิสุทธิ์ไม่คิดจะให้โอกาสหลินสวินผ่านการทดสอบ!

นี่จะไม่ให้ฉินอู๋อวี้โกรธได้อย่างไร

ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นในที่นี้ เผยความยากจะเชื่อ รวมถึงความขุ่นเคือง

หลิวอวิ๋นเฟิง!

ตอนนี้พวกเขาต่างรู้แล้วว่าการประลองสามรอบนี้ล้วนหมายมั่นจัดการหลินสวิน คู่ต่อสู้ที่จัดมาเห็นชัดว่าเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ซ่อนเจตนาร้าย

ทว่าอารมณ์เดือดดาลของผู้คนไม่ได้ถูกจุดขึ้นมา

เพราะหลิวอวิ๋นเฟิงยังไม่ทันเข้าสู่สนามก็ยอมแพ้การต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาแล้ว

เหตุการณ์เหนือความคาดหมายนี้ ทำให้นอกจากความประหลาดใจแล้ว ผู้คนยังอดนึกถึงเฟิงซีซีที่เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อนหน้านี้ไม่ได้

และเห็นชัดว่าเหตุการณ์นี้ทำให้จวงซื่อหลิวทำอะไรไม่ถูก สีหน้าไม่น่าดูยิ่งยวด ควบคุมเพลิงโทสะในใจไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยเสียงดุดันว่า

ทั้งชีวิตเขาผ่านอุปสรรคมามาก ตนยิ่งเป็นระดับอมตะขั้นดับเทพ แม้เป็นเพียงผู้ดูแลหอแรกพิสุทธิ์ แต่ความยิ่งใหญ่ในอำนาจก็ไม่ด้อยกว่าผู้นำเก้ายอดเขา

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรับมือยากอย่างยิ่ง ถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

การประลองสามครั้ง เสิ่นไจ้เต้าพ่ายแพ้เร็วเกินไป และเฟิงซีซีที่ยอมแพ้ กับหลิวอวิ๋นเฟิงที่สละสิทธิ์ยิ่งทำให้เขาคาดไม่ถึง

ชั่วขณะนี้ยามเผชิญกับการกล่าวโทษอย่างเดือดดาลของผู้สืบทอดเก้ายอดเขาจำนวนมาก รวมถึงการท้วงถามของฉินอู๋อวี้ ทำให้จวงซื่อหลิวตระหนักได้อย่างแรงกล้าว่าเรื่องนี้หากไม่จัดการให้เหมาะสม คนแรกที่จะเสียหายคือผู้ดูแลการทดสอบอย่างเขา

จวงซื่อหลิวสูดหายใจลึกๆ พยายามทำให้ตนสงบลง กล่าวว่า “ทุกท่าน การทดสอบวันนี้เกิดสถานการณ์ขึ้นไม่น้อยจริงๆ แต่ข้าเชื่อว่าสำนักจะให้คำตอบที่ทุกคนพึงพอใจได้ ตอนนี้การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว ทุกท่านสลายตัวเถอะ”

เห็นชัดว่าเขาคิดจะยื้อเวลาเพื่อให้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

ทว่าคำตอบเช่นนี้เห็นชัดว่าไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้

“หึ! วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจกับยอดเขาที่เก้า ข้าจะไม่ไปไหน!”

ฉินอู๋อวี้แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ดูเด็ดขาดมาก แข็งแกร่งอย่างที่สุด

“ใช่ ทุกคนจากยอดเขาที่เก้าจะไม่ไปไหน!”

ผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกฉินรั่วหลิงต่างพูดขึ้น

มีเพียงแค่เจิ้งเฉียนที่สีหน้าไม่ชอบใจ สายตาเฉยชา เงียบไม่พูดจา

แต่เห็นชัดมากว่าไม่มีคนสนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร

“เรื่องครั้งนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับยอดเขาที่เก้า ยิ่งเกี่ยวกับปัญหาการทดสอบของศิษย์สืบทอดแท้จริงทุกคนหลังจากนี้ จะจบง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร”

เถียนอู๋ชั่วผู้นำยอดเขาที่เจ็ดเองก็พูดขึ้น

“จวงซื่อหลิว สิ่งที่พวกเราอยากรู้ตอนนี้คือ การทดสอบครั้งนี้เจ้าเป็นคนจัดการหรือหอแรกพิสุทธิ์เป็นคนจัดการกันแน่”

ชางฉงเสวี่ยผู้นำยอดเขาที่แปดเองก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน

“จากที่ข้าดู เรื่องนี้เชิญหอแรกนภามาสอบสวนจะดีที่สุด คนใหม่ที่เข้าสู่สำนักกลับถูกกดข่มเช่นนี้ หากแพร่ออกไปลัทธิแรกกำเนิดของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

อวี๋เซี่ยงถิงผู้นำยอดเขาที่ห้า และเหวินตงเหมียนผู้นำยอดเขาที่หกก็ทยอยเอ่ยปาก

ชั่วขณะหนึ่งเหล่าคนใหญ่คนโตต่างพร้อมใจกันขึ้นมา ผลักจวงซื่อหลิวสู่จุดที่อันตรายที่สุด

นี่ทำให้ในใจจวงซื่อหลิวหนาวเยือก ตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที

เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะรุนแรงขึ้นขนาดนี้ ตอนนี้เหมือนว่าจะมาถึงขั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว

สายตาเขาอดมองไปไกลๆ ไม่ได้ อวิ๋นเทียนหมิงผู้นำยอดเขาที่สองใบหน้าไร้อารมณ์ หนานป๋อหงผู้นำยอดเขาที่สามเงียบไม่พูดจา มู่อวิ๋นเจิงผู้นำยอดเขาที่สี่หมุนตัวไปอย่างฉับไว

เห็นชัดว่าทั้งสามคนนี้คิดจะยืนมองอยู่ข้างๆ!

ส่วนเยวี่ยอู๋โฉวผู้นำยอกเขาที่หนึ่งได้พาเสิ่นไจ้เต้าจากไปนานแล้ว ก่อนจากไปยังกล่าวว่าให้จวงซื่อหลิวให้คำตอบที่น่าพอใจ

ชั่วขณะนี้จวงซื่อหลิวรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัวแล้ว

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์