Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2720

สรุปบท ตอนที่ 2720 ซย่าจื้อ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2720 ซย่าจื้อ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2720 ซย่าจื้อ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2720 ซย่าจื้อ

เสวียนจิ่วอิ้นจมสู่ห้วงความคิด ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยว่า “ท่านเทียด ท่านคิดว่าด้วยฐานะหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ ก็ไม่สามารถอยู่เหนือกฎระเบียบของลัทธิแรกกำเนิดได้หรือ”

เสวียนเฟยหลิงพูดอย่างไม่อภิรมย์ “ข้ากำลังถามเจ้า”

เสวียนจิ่วอิ้นพูดอย่างหน่ายใจ “คนใหญ่คนโตอย่างพวกท่านคิดอย่างไร ข้าจะรู้ได้อย่างไร และยากจะคาดเดาด้วย ข้ารู้เพียงว่าประโยคเดียวของหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ก็สามารถจบเรื่องนี้ลงได้ ใครก็ไม่กล้าไม่ทำตาม”

เสวียนเฟยหลิงถอนหายใจยาวคราหนึ่ง “ทำให้เจ้าลำบากแล้ว เช่นนั้นข้าบอกเจ้าก็ได้ ที่โหยวเป่ยไห่ทำเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เช่นนั้นเขาย่อมสามารถกัดจวงซื่อหลิวไม่ปล่อย บีบให้เขาพูดความจริงออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ทังชิวที่ต้องเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยแน่ๆ ก็ทำให้ไม่อาจไม่จ่ายค่าตอบแทนบางส่วนได้แล้ว”

เสวียนจิ่วอิ้นพูดอย่างตกใจ “ด้วยฐานะหัวหน้าหออย่างเขาก็ไม่คิดทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เช่นนั้นหากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จะมีคนมากมายเท่าไหร่ถูกโยงเข้ามา”

เสวียนเฟยหลิงกล่าว “พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ หากเป็นข้าก็จะเลือกทำเช่นนี้เหมือนโหยวเป่ยไห่”

หยุดไปครู่หนึ่งเสวียนเฟยหลิงถึงเอ่ยต่อ “อย่างน้อยตอนนี้ ในลัทธิแรกกำเนิดจะยังเกิดความวุ่นวายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะยากจัดการ…”

เสียงค่อยๆ ต่ำลึกลง

“พูดเช่นนี้ ภายหน้าหลินสวินยังจะเจอเรื่องเช่นนี้อีกหรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นสีหน้าอึมครึม

เสวียนเฟยหลิงหลุดขำออกมา “ตั้งแต่เจ้าหมอนี่เข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด เคยประสบอันตรายจริงๆ ซะที่ไหน ขอเพียงเขาทำตามกฎ ย่อมมีคนที่หนุนหลังเขาอยู่มากมาย”

เสวียนจิ่วอิ้นคล้ายว่ากระจ่างแจ้งแล้ว ท่าทางเหมือนขบคิดยู่ “ก็จริง เรื่องของเฉาจ้งหลินถูกข้าใช้อำนาจบารมีของท่านเทียดจัดการ เรื่องของหอแรกพิสุทธิ์คราวนี้ถูกฟางเต้าผิงแทรกแซง สุดท้ายโหยวเป่ยไห่เองก็ออกคำสั่งด้วยตัวเอง จบเรื่องนี้ในคราเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบแม้หลินสวินอยู่ท่ามกลางลมพายุอันตราย แต่ไม่ได้รับความเสียหายสักนิด”

เสวียนเฟยหลิงเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “หลินสวินถือเป็นดาบที่ดี หากใช้ในทางที่ดี สามารถขจัดปัญหาเรื้อรังและก้อนเนื้อร้ายภายในลัทธิแรกกำเนิดได้ หากใช้ในทางที่ไม่ดีกลับจะบาดมือตนเอง”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “รอไปก่อนเถอะ หลังจากเจ้าหมอนั่นก้าวสู่ระดับอมตะ จากฐานะหมากตัวหนึ่ง เขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ประลองกับพวกเฒ่าชราเหล่านั้น”

เสวียนจิ่วอิ้นสะท้านในใจ เพิ่งจะตระหนักได้ว่าท่านเทียดคนนี้ของตนถึงกับมองหลินสวินเช่นนี้!

……

ยอดเขาที่เก้า

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์น้องหลินสวิน กลายเป็นผู้สืบทอดแกนหลักแห่งยอดเขาที่เก้าของเราได้สำเร็จ!”

ทันทีที่มาถึง ผู้สืบทอดอย่างพวกเย่ฉุนจวิน ฉินรั่วหลิงต่างแสดงความยินดีกับหลินสวิน สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ

ความสามารถที่หลินสวินสำแดงออกมาวันนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่ว และทำให้ผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกเขาได้ลืมตาอ้าปากต่อหน้ายอดเขาอื่นๆ ได้หน้าได้ตาอย่างมาก

ความรู้สึกเช่นนี้พวกเขาไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว

หลินสวินยิ้มตอบรับทั้งหมด จากนั้นเดินตรงไปคำนับผู้นำยอดเขาฉินอู๋อวี้

“ศิษย์หลินสวิน ขอขอบคุณผู้นำยอดเขาอย่างยิ่ง!”

ยามได้พบฉินอู๋อวี้ หลินสวินคารวะอย่างจริงจัง

ฉินอู๋อวี้กล่าว “เรื่องวันนี้อันตรายมากจริงๆ แม้สุดท้ายคลี่คลายได้ แต่ต่อไปเจ้าก็ต้องระวัง อย่าทำเรื่องผิดกฎเกณฑ์ใดๆ”

คำพูดยังคงเย็นชาและแข็งกระด้าง แต่หลินสวินรู้ว่าตั้งแต่ตอนที่รับตนเป็นผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้า ฉินอู๋อวี้ก็ยอมรับเขาแล้ว

“ศิษย์จะจำคำสอนของผู้นำยอดเขาไว้”

หลินสวินประสานหมัดกล่าว

หลังจากมา หลินสวินก็ตรงกลับถ้ำสวรรค์ของตน

‘จวงซื่อหลิว ทังชิว อวิ๋นเทียนหมิง หนานป๋อหง มู่อวิ๋นเจิง…’

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหอแรกพิสุทธิ์ ในใจจดจำเหล่าคนใหญ่คนโตที่ต้องมองเป็นศัตรู

ตอนนี้เขาอาจไร้แรงไปแก้แค้น

แต่ภายหน้า ไม่ช้าก็เร็วสักวันจะต้องวัดฝีมือกับเฒ่าชราที่คิดไม่ซื่ออยู่ในที่มืดพวกนี้แน่!

‘ก้าวต่อไปคือต้องวางแผนกลายเป็นศิษย์หอแรกพิสุทธิ์ แต่ก้าวนี้กลับต้องการโอกาส…’

หลินสวินใคร่ครวญ

เขากลายเป็นศิษย์แกนหลักแล้ว ก้าวต่อไปคือการเข้าไปฝึกปราณในสามหอ

เพียงแต่ก้าวนี้กลับยากเหมือนขึ้นสวรรค์

เพราะนี่หมายความว่าฐานะของเขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอดธรรมดาอีกต่อไป แต่จะเริ่มสัมผัสและคุมอำนาจได้ส่วนหนึ่ง!

อย่างเช่นหากเข้าหอแรกพิสุทธิ์ ต่อให้เป็นเพียงผู้สืบทอดคนหนึ่ง ก็สามารถดูแลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและการทดสอบบางส่วนได้

แม้อำนาจไม่มาก แต่กลับมีหนทางก้าวหน้าในการเลื่อนขั้นเป็นรองผู้ดูแล ผู้ดูแล ผู้อาวุโส รองหัวหน้าหอ!

อย่างเฉาจ้งหลินผู้สืบทอดหอแรกมายา ก็สามารถรับผิดชอบการแจกจ่ายเบี้ยประจำเดือนให้ศิษย์ในสำนัก นี่ก็นับว่าเป็นอำนาจที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยแล้ว

อยู่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน ดูแลเรื่องการจ่ายเบี้ยประจำเดือน แน่นอนว่าย่อมดื่มด่ำกับทรัพย์สินต่างๆ ของสำนักได้ก่อน!

แต่การจะเป็นศิษย์สามหอ กลับยากเป็นพิเศษ

ก่อนอื่นจะต้องได้เป็นศิษย์แกนหลักของเก้ายอดเขาใหญ่ จากนั้นต้องได้หนึ่งในสิบอันดับแรกในการถกมรรคเก้ายอดเขา สุดท้ายยังต้องมีคนใหญ่คนโตเอ่ยรับ

ศิษย์แกนหลักเก้ายอดเขาแม้จะมีมาก แต่คนที่สามารถอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบของการถกมรรคเก้ายอดเขาได้ ก็มีเพียงแค่สิบคนเท่านั้น!

แน่นอนว่ายังมีวิธีอื่นที่สามารถเข้าสู่สามหอได้

อย่างเช่นขอเพียงมีคนใหญ่คนโตอย่างรองหัวหน้าหอออกหน้า ก็สามารถถูกเลือกเป็นกรณีพิเศษได้

และอย่างเช่น ขอเพียงสำเร็จภารกิจเก้าดาราสามครั้ง ก็สามารถแลกกับสิทธิ์ในการเข้าไปฝึกปราณในสามหอเช่นกัน

‘ข้าเพิ่งเข้าสู่สำนักไม่นาน ตอนนี้ก็เป็นศิษย์แกนหลักแล้ว หากไปขอให้รองหัวหน้าหอฟางเต้าผิงรับข้าเข้าหอแรกพิสุทธิ์คงไม่เหมาะ’

‘ต่อให้เขาตอบรับ เจ้าเฒ่าทังชิวคนนั้นก็ไม่มีทางยอม’

หลินสวินมั่นใจมากว่าจากเรื่องในวันนี้ทังชิวจะต้องเกลียดตนเข้ากระดูก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะให้โอกาสตนเข้าสู่หอแรกพิสุทธิ์ได้อย่างไร

พริบตานี้คลื่นระเบียบไร้รูปสายหนึ่งกระเพื่อมเงียบๆ

ในใจหลินสวินบีบรัด นึกถึงตอนอยู่ที่เมืองจรดฟ้าในแดนใหญ่พันศึก ยามคิดจะพาอาจารย์อาคงเจวี๋ยเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ก็เคยพบเจอการขัดขวางจากระเบียบเฮ่าเทียน

แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก

เพราะมีระเบียบนิพพานอยู่ ตอนนั้นก็เป็นระเบียบนิพพานนี่ที่สลายการตรวจสอบจากระเบียบเฮ่าเทียน

ตามคาด ชั่วขณะที่พลังระเบียบลึกลับปรากฏขึ้น ระเบียบนิพพานก็พุ่งออกมา ประหนึ่งลายดอกบัวดอกหนึ่งเข้าสลายพลังระเบียบไร้รูปนั้น

สำเร็จแล้ว!

หลินสวินยิ้มจากใจ ผ่อนคลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ซย่าจื้อพินิจรอบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนเคลื่อนสายตามองหลินสวิน เสียงกระจ่างเอ่ยรวบรัด “ของกินล่ะ”

นางมักจะเป็นเช่นนี้ ตอนที่มีหลินสวินอยู่ก็จะไม่ห่วงเรื่องอื่นๆ ในฟ้าดินแห่งนี้อีกต่อไป

หรือพูดอีกอย่างว่า นางไม่เคยสนใจเรื่องอื่นๆ ในโลกใบนี้ ขอเพียงมีหลินสวินอยู่ก็พอแล้ว

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ของล้ำค่าผลไม้ประหลาดชนิดต่างๆ รวมถึงอาหารเลิศรสมากมายก็เรียงรายตรงหน้าซย่าจื้อ

ซย่าจื้อไม่เคยเกรงใจต่อหน้าหลินสวิน นางนั่งขัดสมาธิบนพื้น เริ่มจัดการอาหารตรงหน้าอย่างจดจ่อ ความเร็วไม่มาก แต่กลับกินเร็วมาก

หลินสวินยิ้มตาหยีมองอยู่ข้างๆ พลางแนะนำที่มาของอาหารเหล่านี้ให้กับซย่าจื้อ ในใจเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปีติ

ตอนที่อยู่กับซย่าจื้อ เขาเองก็ไม่คิดถึงเรื่องอื่นอีก เพราะการใช้เวลาอยู่ร่วมกันเช่นนี้ทำให้ตัวเขารู้สึกเสพสุขอยู่แล้ว

หลินสวินไม่ได้สังเกตเห็น ว่านอกถ้ำสวรรค์มีแมวอ้วนที่ขนขาวนุ่มราวกับหิมะตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ดวงตาเขียวมรกตทั้งคู่เผยประกายคลุมเครือยากคาดเดา

“กินช้าหน่อย ยังมีอีกเยอะ พอให้เจ้ากินไปอีกนาน”

ในถ้ำสวรรค์ เสียงของหลินสวินอ่อนโยน เผยความรักใคร่เอ็นดู

ในสายตาของเขา หลังผ่านการหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูของระเบียบนิพพานมาสิบกว่าปี บาดแผลบนร่างซย่าจื้อฟื้นตัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลิ่นอายชีวิตทั่วตัวทรงพลัง

แม้ดูไม่ออกว่าซย่าจื้อได้รับประโยชน์อะไรจากระเบียบนิพพาน แต่ก็ทำให้หลินสวินวางใจขึ้นแล้ว

ขอเพียงแค่ซย่าจื้อปลอดภัยก็พอแล้ว

“หิว ข้าเองก็หิวแล้ว ข้าอยากกินเนื้อ ยังอยากดื่มเหล้า…”

จู่ๆ เสียงโอดครวญก็ดังขึ้นในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ทำเอาหลินสวินสะดุ้ง จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร

“อาจารย์อาก็ฟื้นแล้วหรือ” หลินสวินดีใจ

วันนี้วันอะไรกัน เรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์