Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2869

สรุปบท ตอนที่ 2869 ศรมาเยือนหุบเขา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2869 ศรมาเยือนหุบเขา จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2869 ศรมาเยือนหุบเขา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2869 ศรมาเยือนหุบเขา

คนเมื่อครู่เป็นร่างแยกมหามรรคของหลินสวิน!

เป็นตัวล่อ!

ความคิดนี้ฉายวาบอยู่ในสมองเหวินเฉียวสุ่ย อาศัยสัญชาตญาณโบกทวนศึกเก้าแดน

หลินสวินถือเตากระบี่บุกมา กะทันหันและรวดเร็วเกินไป เร็วจนเขาไม่ทันได้หลบหนี ไม่ทันได้ใช้สมบัติอื่นสักนิด ทำได้เพียงตั้งรับตรงๆ

ถึงอย่างไรเหวินเฉียวสุ่ยก็ไม่อาจนำไปเทียบกับคนธรรมดาได้ ภายใต้อันตรายถึงขีดสุดเช่นนี้ กลับทำให้เขาระเบิดศักยภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา

ตูม!

เงาร่างผอมของเขาก็เหมือนภูเขาไฟปะทุฉับพลัน ทวนศึกเก้าแดนในมือปรากฏแผนภาพลับมหามรรคนับไม่ถ้วน ส่งเสียงกังวานดุจกระแสธาร สั่นสะเทือนทั้งเก้าชั้นฟ้า

ทว่า…

เพียงพริบตาเดียวเหวินเฉียวสุ่ยก็หน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิงแล้ว

เคร้ง!

ท่ามกลางเสียงปะทะบาดหู ทวนศึกเก้าแดนถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างจัง เสียงครวญดังลั่น

มือเหวินเฉียวสุ่ยที่ถือทวนศึกเก้าแดนยังระเบิดกระจุยไปด้วย เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด

จากนั้นเมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกลงมา เกราะสมบัติที่คลุมร่างเหวินเฉียวสุ่ยอยู่ยังระเบิดออกดังปังๆๆ เหมือนดั่งกระจกที่แตกได้ง่ายๆ

ตูม!

ครั้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกใส่ตัว เบื้องหน้าสายตาเหวินเฉียวสุ่ยมืดมิดไปหมด ร่างกายเขาเทียบได้กับดาบคมศาสตราเทพ แต่ยามนี้ผิวหนังของเขาปริแตก กระดูกเส้นเอ็นระเบิด ทั้งตัวแยกออกเป็นชิ้นๆ ภายใต้เสียงระเบิดเดียว ฝนเลือดสาดพรมพวยพุ่งออกมา

มีเพียงพลังจิตที่หนีออกไปในช่วงคับขัน แต่กลับถูกหลินสวินคว้าไว้ในมือ

การโจมตีเดียว!

ซัดกายมรรคของบุตรเทพคนหนึ่งแหลกกระจุย จับพลังจิตเขาได้ทั้งอย่างนั้น!

ภาพนองเลือดอหังการเช่นนี้ทำให้พลังจิตเหวินเฉียวสุ่ยยังตระหนกจนส่งเสียงลั่นอย่างห้ามไม่ได้

เขาในอดีตหล่อเหลาดุจหยก สุขุมเยือกเย็น ต่อให้พบเหตุไม่คาดฝันมากแค่ไหนก็จะสงบใจลงได้อย่างรวดเร็วแล้วคลี่คลายอย่างใจเย็น

แต่ตอนนี้เขาสูญเสียการควบคุมแล้ว

การโจมตีที่ไร้ทัดเทียมนี้ของหลินสวินนี้ สิ่งที่ทำลายไปไม่ได้มีแค่กายมรรคของเขา แต่ยังมีจิตต่อสู้ของเขาด้วย!

ในที่สุดเหวินเฉียวสุ่ยก็รับรู้ได้ในตอนนี้ ว่าที่ปลีกตัวหนีออกมาได้หลังจากซุ่มโจมตีหลินสวินคราวก่อนเป็นโชคดีแค่ไหน

เพราะในการต่อสู้ซึ่งหน้าอย่างแท้จริง บุตรเทพที่เชื่อมั่นหยิ่งผยองอย่างเขาก็ดูอ่อนแอยิ่งนัก!

ผ่านไปครู่หนึ่งพลังจิตของเหวินเฉียวสุ่ยถึงใจเย็นลง จ้องเขม็งที่หลินสวินแล้วเอ่ยว่า “ทำไมไม่ฆ่าข้า หรือเจ้าหลินสวินก็กลัวถูกแก้แค้นเช่นกัน”ไอรีนโนเวล

เสียงแหบแห้ง

“เก็บเจ้าไว้ยังมีประโยชน์”

เห็นชัดว่าหลินสวินดูเยือกเย็นนัก “เช่นหลังออกจากแดนมารสิบทิศ ถ้าพบเจอเรื่องไม่คาดคิดอะไรก็สามารถเอาเจ้ามาเป็นตัวประกันได้ไม่ใช่หรือ”

เหวินเฉียวสุ่ยแววตาซับซ้อน “หนามยอกเอาหนามบ่ง สหายยุทธ์หลินฝีมือดีนัก!”

เขาสงบนิ่งลง คล้ายรับรู้ได้ว่าอย่างน้อยก็ไม่ตายไปเช่นนี้

หลินสวินเอ่ย “ช่วยไม่ได้ ล้วนเรียนรู้มาจากเจ้า คราวก่อนที่เจ้าซุ่มโจมตีข้า หมายเอาชีวิตผู้อาวุโสหลีเจินมาข่มขู่ข้า คราวนี้ข้าก็ทำได้แค่ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว”

เหวินเฉียวสุ่ยหัวเราะออกมา “เจ้าไม่ต้องปิดบังแล้ว เจ้าทำเช่นนี้ก็แค่เพราะรู้ตัวดีว่าไม่อาจทะลวงขั้นได้ในสามเดือน แต่ก็กังวลว่าหลังจากคนอื่นทะลวงขั้นแล้วจะมาล้างแค้นเจ้า จึงชิงลงมือก่อนก็เท่านั้น”

หลินสวินเอ่ยชม “ฉลาด”

รอยยิ้มบนใบหน้าเหวินเฉียวสุ่ยหายไปแล้ว แววกลัดกลุ้มปรากฏขึ้น ถอนใจยาวๆ เอ่ยว่า “ฉลาดแค่ไหนก็ป่วยการ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด แผนร้ายลูกไม้อะไรก็เป็นแค่วิถีถ่อยๆ ที่ไม่เอาไหน ข้าเข้าใจความจริงข้อนี้มานานแล้ว แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้… จะถึงกับมีพลังยอดอมตะอยู่จริงๆ…”

พูดถึงตอนท้ายเสียงก็เจือความผิดหวังและขมขื่นไปแล้ว

การโจมตีของหลินสวินเมื่อครู่ทำลายจิตต่อสู้ของเขา ล้มล้างความความรู้ความเข้าใจของเขา ทั้งยังทำให้เขารู้ซึ้งว่าหลินสวินที่มีอานุภาพแห่งยอดอมตะน่ากลัวปานไหน

เหวินเฉียวสุ่ยถึงขั้นแน่ใจว่าหากไม่ใช่เพราะครั้งก่อนตนใช้ผนึกเทพกักฟ้าขังหลินสวินเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ใช้วิชาลักฟ้าแลกตะวันหลบการปะทะซึ่งหน้ากับหลินสวินในทันที เกรงว่าตอนนั้นก็คงถูกหลินสวินกำราบไปแล้ว

เหวินเฉียวสุ่ยคล้ายยอมรับชะตาตัวเองในตอนนี้แล้ว เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่เจ้าจะไปจัดการเป็นรายต่อไปคงเป็นชางฝูเฟิงกระมัง”

“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า

“หลังจากข้ากับชางฝูเฟิงถูกกำราบ สำหรับเจ้าแล้วก็มีแค่หยวนฉางเทียนที่เป็นภัยคุกคาม แต่ถึงอย่างไรเขาก็มาจากลัทธิแรกกำเนิดเหมือนกับเจ้า เกรงว่าเจ้าก็คงไม่ลงมือกับเขา”

เหวินเฉียวสุ่ยเอ่ย “แต่ถ้าเขารู้เรื่องที่ข้ากับชางฝูเฟิงถูกกำราบ ย่อมไม่กล้าแตกหักสู้กับเจ้าเช่นกัน แต่ถ้าเขาอยากไปชิงศุภโชภชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกนี้ กลับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว”

หลินสวินพูด “ทำไม”

“มีจี้ซานไห่อยู่ เขาหยวนฉางเทียนไม่มีทางชิงมาได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่จี้ซานไห่คนเดียว ยังมีผู้อาวุโสหลีเจินที่อยู่ข้างกายเจ้าคนนั้น มีศิษย์พี่เจ้าจิ่งจงเยวี่ย รวมถึงผู้เข้าร่วมศึกลัทธิวิญญาณพวกนั้นด้วย”

เหวินเฉียวสุ่ยกล่าว “เว้นแต่หยวนฉางเทียนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มิเช่นนั้นก็ทำได้เพียงอดทนกล้ำกลืน”

หลินสวินจ้องคนผู้นี้ครู่หนึ่ง แล้วถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนฉลาดจริงๆ”

เหวินเฉียวสุ่ยสีหน้าเศร้าสร้อย เงียบเชียบไม่พูดจา

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนพูดถูก ตอนที่ศึกมรรคอมตะครั้งนี้เริ่มขึ้นก็ควรใช้ทุกวิถีทางฆ่าคนผู้นี้

ถึงอย่างไรหลินสวินในตอนนั้นยังอยู่แค่ขั้นดับเทพขั้นต้น ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างตอนนี้สักนิด

น่าเสียดายที่มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว

สุดท้ายหลินสวินก็กำราบเหวินเฉียวสุ่ยไว้

หลังจากเก็บทรัพย์หลังศึก หลินสวินก็อึ้งไปอย่างอดไม่ได้

ในฐานะบุตรเทพเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวินแห่งน่านฟ้าที่เก้า ความร่ำรวยของเหวินเฉียวสุ่ยทำให้หลินสวินยังต้องผิวปาก

ตูม!

เมื่อศรที่จิ่งจงเยวี่ยง้างไว้นานแล้วดอกนี้ยิงออกไป ชั่วพริบตานั้นเหมือนมีลำแสงสายหนึ่งฉีกแหวกรัตติกาลหมื่นกาล

ภูผาธาราหมองหม่น ฟ้าดินอับแสง

ไม่ว่าคำพูดใดล้วนไม่อาจบรรยายความอหังการของศรนี้ได้ ราวกับเป็นการโจมตีจากเทพสวรรค์ทำลายโลก!

รอบๆ หุบเขาระเบิดดังลั่น ระลอกคลื่นทำลายล้างถาโถมแผ่กระจายออกมาเหมือนลมพายุ ทิวเขาแม่น้ำ ต้นไม้ใบหญ้า และหินผาบริเวณใกล้เคียงที่ศรเทพเคลื่อนผ่านล้วนถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน หายลับไปในพริบตา

ภาพเช่นนั้นน่าตะลึงยิ่งยวด

กระนั้นเมื่อฝุ่นควันจางหาย หุบเขานั้นกลับยังคงอยู่รอดปลอดภัยเช่นเดิม มีเพียงพลังผนึกที่ปกคลุมรอบหุบเขานั้นที่อับแสงลงไปไม่น้อย

ภายในหุบเขา ชางฝูเฟิงหัวเราะหยันอย่างอดไม่ได้ว่า “ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าวันนี้เจ้าจะทำลายที่นี่ได้อย่างไร!”

เขาสะบัดแขนเสื้อ ธงเล็กสีเหลืองอ่อนสามพันหกร้อยผืนพุ่งอกมา ร่วงลงไปยังพื้นที่ต่างๆ ของหุบเขาอย่างหนาแน่น ธงเล็กเหลืองอ่อนทุกผืนล้วนสลักกระบวนค่ายกลลึกลับคลุมเครือ วิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาดพิสดารต่างๆ ทั้งยังมีกลิ่นอายระเบียบโอบล้อมอยู่รางๆ

เมื่อธงเล็กเหลืองอ่อนเหล่านี้ตอบรับกันและกัน พลันก่อตัวเป็นม่านแสงสีทองชั้นหนึ่ง คล้ายชามใหญ่ทองอร่ามเข้าปกคลุมหุบเขานี้เอาไว้ภายใน

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นมีเพียง หมื่นกาลไม่อาจเคลื่อน มั่นคงไม่อาจทำลาย!

ทำทุกอย่างนี้เสร็จเขาก็ไม่สนใจจิ่งจงเยวี่ยที่อยู่นอกหุบเขาอีก นั่งขัดสมาธิบนแท่นมรรคเก้าฉื่อแท่นหนึ่ง

แท่นมรรคดุจดอกบัว ตัวแท่นแบ่งเป็นเก้าชั้น แต่ละชั้นต่างมีแสงเทพลึกลับชนิดหนึ่ง งดงามตระการตา

แท่นมรรคเก้ายอด!艾琳小說

สมบัติประหลาดชิ้นหนึ่งของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชาง เมื่อนั่งสมาธิบนนั้นสามารถสลายการซุ่มโจมตีจากภายนอกได้ทั้งหมด และยังทำให้จิตใจของผู้แจ้งมรรคทะลวงขั้นเชื่อมถึงมหามรรค สามารถสัมผัสถึงจุดเปลี่ยนทะลวงขั้นได้ในเวลาอันสั้นที่สุด

ที่สำคัญที่สุดคือพลังป้องกันของแท่นมรรคเก้ายอดน่าตะลึงหาใดเทียบ สามารถขวางการโจมตีของขั้นหลุดพ้นได้!

“หั่วเซียว เจ้ามาคุ้มครองข้า” ชางฝูเฟิงเอ่ยสั่ง

หั่วเซียวรับคำสั่งอย่างยำเกรง

นอกหุบเขา

จิ่งจงเยวี่ยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

หุบเขานั้นถูกชางฝูเฟิงวางพลังป้องกันไว้มากเกินไป กระบวนผนึกทบเป็นชั้นๆ กระบวนผนึกแต่ละชั้นเรียกได้ว่าเป็นเลิศ อยากจะทำลายในเวลาอันสั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ

แต่ถ้าไม่สามารถทำลายการป้องกันของที่นี่ได้ในเวลาสั้นๆ ทันทีที่ปล่อยให้ชางฝูเฟิงทะลวงขั้นได้สำเร็จ…

การเคลื่อนไหวคราวนี้ก็เท่ากับล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย!

‘ดูท่า ไม่ทุ่มสุดตัวคงไม่ได้แล้ว…’

จิ่งจงเยวี่ยคิดในใจ แววตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่เฉียบคมดุจปลายศร

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์