ตอนที่ 2869 ศรมาเยือนหุบเขา
คนเมื่อครู่เป็นร่างแยกมหามรรคของหลินสวิน!
เป็นตัวล่อ!
ความคิดนี้ฉายวาบอยู่ในสมองเหวินเฉียวสุ่ย อาศัยสัญชาตญาณโบกทวนศึกเก้าแดน
หลินสวินถือเตากระบี่บุกมา กะทันหันและรวดเร็วเกินไป เร็วจนเขาไม่ทันได้หลบหนี ไม่ทันได้ใช้สมบัติอื่นสักนิด ทำได้เพียงตั้งรับตรงๆ
ถึงอย่างไรเหวินเฉียวสุ่ยก็ไม่อาจนำไปเทียบกับคนธรรมดาได้ ภายใต้อันตรายถึงขีดสุดเช่นนี้ กลับทำให้เขาระเบิดศักยภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา
ตูม!
เงาร่างผอมของเขาก็เหมือนภูเขาไฟปะทุฉับพลัน ทวนศึกเก้าแดนในมือปรากฏแผนภาพลับมหามรรคนับไม่ถ้วน ส่งเสียงกังวานดุจกระแสธาร สั่นสะเทือนทั้งเก้าชั้นฟ้า
ทว่า…
เพียงพริบตาเดียวเหวินเฉียวสุ่ยก็หน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิงแล้ว
เคร้ง!
ท่ามกลางเสียงปะทะบาดหู ทวนศึกเก้าแดนถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างจัง เสียงครวญดังลั่น
มือเหวินเฉียวสุ่ยที่ถือทวนศึกเก้าแดนยังระเบิดกระจุยไปด้วย เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด
จากนั้นเมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกลงมา เกราะสมบัติที่คลุมร่างเหวินเฉียวสุ่ยอยู่ยังระเบิดออกดังปังๆๆ เหมือนดั่งกระจกที่แตกได้ง่ายๆ
ตูม!
ครั้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกใส่ตัว เบื้องหน้าสายตาเหวินเฉียวสุ่ยมืดมิดไปหมด ร่างกายเขาเทียบได้กับดาบคมศาสตราเทพ แต่ยามนี้ผิวหนังของเขาปริแตก กระดูกเส้นเอ็นระเบิด ทั้งตัวแยกออกเป็นชิ้นๆ ภายใต้เสียงระเบิดเดียว ฝนเลือดสาดพรมพวยพุ่งออกมา
มีเพียงพลังจิตที่หนีออกไปในช่วงคับขัน แต่กลับถูกหลินสวินคว้าไว้ในมือ
การโจมตีเดียว!
ซัดกายมรรคของบุตรเทพคนหนึ่งแหลกกระจุย จับพลังจิตเขาได้ทั้งอย่างนั้น!
ภาพนองเลือดอหังการเช่นนี้ทำให้พลังจิตเหวินเฉียวสุ่ยยังตระหนกจนส่งเสียงลั่นอย่างห้ามไม่ได้
เขาในอดีตหล่อเหลาดุจหยก สุขุมเยือกเย็น ต่อให้พบเหตุไม่คาดฝันมากแค่ไหนก็จะสงบใจลงได้อย่างรวดเร็วแล้วคลี่คลายอย่างใจเย็น
แต่ตอนนี้เขาสูญเสียการควบคุมแล้ว
การโจมตีที่ไร้ทัดเทียมนี้ของหลินสวินนี้ สิ่งที่ทำลายไปไม่ได้มีแค่กายมรรคของเขา แต่ยังมีจิตต่อสู้ของเขาด้วย!
ในที่สุดเหวินเฉียวสุ่ยก็รับรู้ได้ในตอนนี้ ว่าที่ปลีกตัวหนีออกมาได้หลังจากซุ่มโจมตีหลินสวินคราวก่อนเป็นโชคดีแค่ไหน
เพราะในการต่อสู้ซึ่งหน้าอย่างแท้จริง บุตรเทพที่เชื่อมั่นหยิ่งผยองอย่างเขาก็ดูอ่อนแอยิ่งนัก!
ผ่านไปครู่หนึ่งพลังจิตของเหวินเฉียวสุ่ยถึงใจเย็นลง จ้องเขม็งที่หลินสวินแล้วเอ่ยว่า “ทำไมไม่ฆ่าข้า หรือเจ้าหลินสวินก็กลัวถูกแก้แค้นเช่นกัน”ไอรีนโนเวล
เสียงแหบแห้ง
“เก็บเจ้าไว้ยังมีประโยชน์”
เห็นชัดว่าหลินสวินดูเยือกเย็นนัก “เช่นหลังออกจากแดนมารสิบทิศ ถ้าพบเจอเรื่องไม่คาดคิดอะไรก็สามารถเอาเจ้ามาเป็นตัวประกันได้ไม่ใช่หรือ”
เหวินเฉียวสุ่ยแววตาซับซ้อน “หนามยอกเอาหนามบ่ง สหายยุทธ์หลินฝีมือดีนัก!”
เขาสงบนิ่งลง คล้ายรับรู้ได้ว่าอย่างน้อยก็ไม่ตายไปเช่นนี้
หลินสวินเอ่ย “ช่วยไม่ได้ ล้วนเรียนรู้มาจากเจ้า คราวก่อนที่เจ้าซุ่มโจมตีข้า หมายเอาชีวิตผู้อาวุโสหลีเจินมาข่มขู่ข้า คราวนี้ข้าก็ทำได้แค่ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว”
เหวินเฉียวสุ่ยหัวเราะออกมา “เจ้าไม่ต้องปิดบังแล้ว เจ้าทำเช่นนี้ก็แค่เพราะรู้ตัวดีว่าไม่อาจทะลวงขั้นได้ในสามเดือน แต่ก็กังวลว่าหลังจากคนอื่นทะลวงขั้นแล้วจะมาล้างแค้นเจ้า จึงชิงลงมือก่อนก็เท่านั้น”
หลินสวินเอ่ยชม “ฉลาด”
รอยยิ้มบนใบหน้าเหวินเฉียวสุ่ยหายไปแล้ว แววกลัดกลุ้มปรากฏขึ้น ถอนใจยาวๆ เอ่ยว่า “ฉลาดแค่ไหนก็ป่วยการ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด แผนร้ายลูกไม้อะไรก็เป็นแค่วิถีถ่อยๆ ที่ไม่เอาไหน ข้าเข้าใจความจริงข้อนี้มานานแล้ว แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้… จะถึงกับมีพลังยอดอมตะอยู่จริงๆ…”
พูดถึงตอนท้ายเสียงก็เจือความผิดหวังและขมขื่นไปแล้ว
การโจมตีของหลินสวินเมื่อครู่ทำลายจิตต่อสู้ของเขา ล้มล้างความความรู้ความเข้าใจของเขา ทั้งยังทำให้เขารู้ซึ้งว่าหลินสวินที่มีอานุภาพแห่งยอดอมตะน่ากลัวปานไหน
เหวินเฉียวสุ่ยถึงขั้นแน่ใจว่าหากไม่ใช่เพราะครั้งก่อนตนใช้ผนึกเทพกักฟ้าขังหลินสวินเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ใช้วิชาลักฟ้าแลกตะวันหลบการปะทะซึ่งหน้ากับหลินสวินในทันที เกรงว่าตอนนั้นก็คงถูกหลินสวินกำราบไปแล้ว
เหวินเฉียวสุ่ยคล้ายยอมรับชะตาตัวเองในตอนนี้แล้ว เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่เจ้าจะไปจัดการเป็นรายต่อไปคงเป็นชางฝูเฟิงกระมัง”
“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า
“หลังจากข้ากับชางฝูเฟิงถูกกำราบ สำหรับเจ้าแล้วก็มีแค่หยวนฉางเทียนที่เป็นภัยคุกคาม แต่ถึงอย่างไรเขาก็มาจากลัทธิแรกกำเนิดเหมือนกับเจ้า เกรงว่าเจ้าก็คงไม่ลงมือกับเขา”
เหวินเฉียวสุ่ยเอ่ย “แต่ถ้าเขารู้เรื่องที่ข้ากับชางฝูเฟิงถูกกำราบ ย่อมไม่กล้าแตกหักสู้กับเจ้าเช่นกัน แต่ถ้าเขาอยากไปชิงศุภโชภชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกนี้ กลับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว”
หลินสวินพูด “ทำไม”
“มีจี้ซานไห่อยู่ เขาหยวนฉางเทียนไม่มีทางชิงมาได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่จี้ซานไห่คนเดียว ยังมีผู้อาวุโสหลีเจินที่อยู่ข้างกายเจ้าคนนั้น มีศิษย์พี่เจ้าจิ่งจงเยวี่ย รวมถึงผู้เข้าร่วมศึกลัทธิวิญญาณพวกนั้นด้วย”
เหวินเฉียวสุ่ยกล่าว “เว้นแต่หยวนฉางเทียนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มิเช่นนั้นก็ทำได้เพียงอดทนกล้ำกลืน”
หลินสวินจ้องคนผู้นี้ครู่หนึ่ง แล้วถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนฉลาดจริงๆ”
เหวินเฉียวสุ่ยสีหน้าเศร้าสร้อย เงียบเชียบไม่พูดจา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนพูดถูก ตอนที่ศึกมรรคอมตะครั้งนี้เริ่มขึ้นก็ควรใช้ทุกวิถีทางฆ่าคนผู้นี้
ถึงอย่างไรหลินสวินในตอนนั้นยังอยู่แค่ขั้นดับเทพขั้นต้น ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างตอนนี้สักนิด
น่าเสียดายที่มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว
สุดท้ายหลินสวินก็กำราบเหวินเฉียวสุ่ยไว้
หลังจากเก็บทรัพย์หลังศึก หลินสวินก็อึ้งไปอย่างอดไม่ได้
ในฐานะบุตรเทพเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวินแห่งน่านฟ้าที่เก้า ความร่ำรวยของเหวินเฉียวสุ่ยทำให้หลินสวินยังต้องผิวปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์