Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2870

สรุปบท ตอนที่ 2870 ระเบียบเก้ากระบี่: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2870 ระเบียบเก้ากระบี่ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2870 ระเบียบเก้ากระบี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2870 ระเบียบเก้ากระบี่

ตูม! ตูม! ตูม!

ศรเทพเจิดจ้าแสบตาดอกแล้วดอกเล่ากรีดผ่านห้วงอากาศประหนึ่งรุ้งเทพเก้าชั้นฟ้า เทตัวลงมาที่หุบเขาแน่นขนัด แสงเทพน่าครั่นคร้ามไม่อาจประมาณได้พวยพุ่งดังสนั่น สว่างไสวสะดุดตา ปกคลุมฟ้าดินแห่งนั้น

จิ่งจงเยวี่ยง้างคันธนูดุจสายฟ้า ยิงศรดุจสายลม สำแดงความเชี่ยวชาญในมรรคธนูถึงขีดสุด

ไม่ยั้งมือแต่อย่างใด!

ชั่วขณะเดียวก็เกิดเสียงดังสนั่นดุจอสนีบาตต่อเนื่อง พื้นที่ในบริเวณพันลี้ล้วนปรากฏภาพพังพินาศทำลายล้าง

และโดยรอบหุบเขานั้น ผนึกเทพที่เรียกได้ว่าเลิศล้ำชั้นแล้วชั้นเล่าถูกทำลายลงทีละชั้นด้วยการโจมตีดุจพายุฝนบ้าคลั่งเช่นนี้ แผ่กระจายไม่ว่างเว้น

กระทั่งครึ่งเค่อผ่านไป

หั่วเซียวที่อยู่ในหุบเขามีไอสังหารเต็มหน้าแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าถ้ารูปการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป กระบวนผนึกรอบๆ หุบเขาจะต้องถูกทำลายสิ้นแน่

“พลังของมรรคธนูอยู่ที่การสังหารในหนึ่งการโจมตี แต่เขากลับกระทำการมุทะลุโง่เขลาเช่นนี้ ถ้าข้ามองไม่ผิด ถึงตอนนี้พลังกายของเขาคงผลาญไปมากยิ่งแล้ว ยืนหยัดไว้ได้อีกไม่นานหรอก”

บนแท่นมรรคเก้ายอด ชางฝูเฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่เอ่ยปากอย่างเย็นชา

“ใต้เท้า ข้าฉวยโอกาสนี้ออกไปฆ่าเขาดีกว่า!”

หั่วเซียวไอสังหารพลุ่งพล่าน

เดิมทีลัทธิพ่อมดก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตของคีรีดวงกมล ตอนนี้ถูกจิ่งจงเยวี่ยมาก่อกวนเสียงดังลั่นถึงที่ ทำให้หั่วเซียวรู้สึกอัดอั้นไปหมดแล้ว

“รออีกหน่อย”

ในใจชางฝูเฟิงก็มีความขุ่นเคืองอยู่เช่นกัน ยามแจ้งมรรค ข้อห้ามร้ายแรงที่สุดก็คือมีคนรบกวน

แม้เขาสามารถตัดการรับรู้ทั้งหมด จดจ่อฝึกปราณได้ แต่นอกหุบเขานี้มีจิ่งจงเยวี่ยอยู่ก็ทำให้เขาไม่วางใจอยู่ดี ทั้งยังไม่อาจจดจ่อกับการแจ้งมรรคได้ด้วย หาไม่แล้วทันทีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันจะเกิดวิกฤตได้ง่ายดายยิ่งนัก

“ใต้เท้า ยังต้องรอถึงเมื่อไร” หั่วเซียวถาม

“แม้จิ่งจงเยวี่ยจะเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล แต่ตอนนี้ก็เป็นเจ้าวิญญาณคนหนึ่งของลัทธิวิญญาณ ครั้งนี้ดูท่าเขาจะเคลื่อนไหวเพียงลำพัง แต่ยังไม่อาจรับรองว่าใกล้ๆ นี้ยังมีผู้ช่วยคนอื่นอยู่อีกหรือไม่”

ชางฝูเฟิงแววตาไหววูบ

ก่อนหน้านี้สาเหตุที่เขาหลบอยู่ในหุบเขามาตลอด ก็เพราะกังวลว่าคนที่จะมารบกวนการทะลวงขั้นของเขาจะไม่ได้มีแต่จิ่งจงเยวี่ย

ตูม!

ขณะสนทนา จิ่งจงเยวี่ยยังลงมือเช่นเดิม ศรแต่ละดอกพวยพุ่ง ซัดกระบวนผนึกรอบๆ หุบเขาจนปั่นป่วนรุนแรงไม่ว่างเว้น

ไม่นานนักก็เหลือม่านแสงสีทองอยู่เพียงชั้นเดียว

นี่ทำให้ในใจหั่วเซียวเริ่มร้อนรนขึ้นมา เอ่ยว่า “ใต้เท้า รอต่อไปไม่ได้แล้ว!”

ก็ในตอนนี้เองในครรลองสายตาของชางฝูเฟิง จู่ๆ จิ่งจงเยวี่ยที่อยู่นอกหุบเขาก็เก็บคันธนูแล้วหมนุตัวจากไป

“เจ้าไปเถอะ เอาหัวเขากลับมาให้ข้า”

ชางฝูเฟิงเอ่ยชัดเจนเด็ดขาด

“ขอรับ!”

ขณะรับปาก หั่วเซียวก็แปลงเป็นแสงเคลื่อนไหวสายหนึ่งพุ่งออกไปนอกหุบเขาทันที

“จิ่งจงเยวี่ย จะไปไหน”

หั่วเซียวตะคอกลั่น เขาเงาร่างบึกบึน ดุร้ายหาใดเทียบ ทันทีที่กระโจนมาก็ถือทวนยาวกระดูขาวเล่มหนึ่ง พุ่งไปหาจิ่งจงเยวี่ยด้วยท่าทางอหังการไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้

จิ่งจงเยวี่ยหมุนตัวกลับมาทันใด ในมือมีมีดสั้นสีเขียวเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาแล้ว เข้าประจันหน้ากับอีกฝ่าย

เคร้ง!!

มีดสั้นกับทวนยาวปะทะกัน พลังอันบ้าคลั่งกระจายออกมาทันที

เงาร่างจิ่งจงเยวี่ยถอยหลังไปสองสามก้าว แต่กลับฉีกยิ้มออกมา “เจ้าโง่ รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงหันหลังจากมา”

หั่วเซียวกวัดแกว่งทวนศึกกระดูกขาวในมือ แสยะยิ้มเอ่ยว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะเจ้าใช้พลังหมดสิ้น ยืนหยัดไม่อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น…”

เพิ่งพูดถึงตรงนี้เขาก็เสียวสันหลังวาบ พลันตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที

ตูม!

เงาร่างเขาพุ่งขวางหลบหนีทันที แต่มาได้ครึ่งทางก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งตบร่างอย่างจัง ทั้งตัวลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ชุดเกราะทั้งร่างระเบิดออก กระดูกหักไม่รู้ที่ท่อน

เขาสีหน้าตกตะลึง เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตา

เป็นหลินสวินนั่นเอง!

“เจ้า…”

หั่วเซียวยากจะเชื่อ

หลินสวินซ่อนอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างไร

ในหุบเขา เมื่อเห็นภาพนี้ชางฝูเฟิงก็สีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน ซุ่มอยู่ตามคาด!

นี่ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขา แต่คิดไม่ถึงเพียงอย่างเดียวว่าคนที่มาซุ่มอยู่ใกล้ๆ จะเป็นหลินสวิน

“ตอนพบกันครั้งแรก เจ้าไม่ใช่โวยวายว่าอยากท้าสู้กับข้าหรือ มิหนำซ้ำยังพูดว่าอะไรนะ รับรองว่าจะไม่ทำให้ข้าถึงตายใช่ไหม”

หลินสวินมองหั่วเซียวด้วยสายตาเย็นชา

เขามาถึงตั้งแต่ครึ่งเค่อก่อน ได้เห็นจิ่งจงเยวี่ยที่กำลังถล่มโจมตีผนึกหุบเขา ด้วยการสื่อจิตจึงได้รู้ว่าจิ่งจงเยวี่ยมาคราวนี้ก็เพื่อขัดขวางไม่ให้ชางฝูเฟิงแจ้งมรรคทะลวงขั้น

สิ่งนี้ตรงกับความคิดของหลินสวินโดยมิได้นัดหมายพอดี

ดังนั้นศิษย์พี่ศิษย์น้องจึงแอบร่วมมือกัน ตอนนี้ล่อหั่วเซียวออกมาได้สำเร็จแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจะต่ำช้าเช่นนี้!”

หั่วเซียวคำรามลั่น เงาร่างกระโจนขึ้น เขาไม่ได้เลือกต่อสู้ แต่เป็นหนีไปที่หุบเขา

หลินสวินพลันยิ้มออกมา

ก็พบว่าค่ายกลกระบี่ที่รวมตัวขึ้นจากปราณกระบี่แถบหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ปกคลุมลงมาจากเวิ้งฟ้า

“ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย!”

หั่วเซียวหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ร้องลั่นขอความช่วยเหลือ

เขาย่อมไม่อาจนั่งรอความตาย กวัดแกว่งทวนศึกเข้าต้านทานด้วยพลังทั้งหมดที่มี

ตูม!

ห่ากระบี่เต็มฟ้ากระแทกลงมากลบฟ้าดินแถบนั้นมิด การต่อต้านของหั่วเซียวเหมือนตั๊กแตนห้ามรถ เงาร่างถูกห่ากระบี่ขาวโพลนนั้นฟันกระจุยในชั่วพริบตา ละอองเลือดอบอวล

กระบี่เก้าเล่มสะเทือนไหวแรงกล้าพร้อมกัน ปราณกระบี่คับฟ้าทั้งเก้าสายพุ่งทะลุเมฆา ทะลวงทั่วทั้งฟ้าดินแห่งนี้

ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า หยิน หยาง!

พลังมรรคกระบี่ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงเก้าสายกลายเป็นกฎเกณฑ์อมตะ เข้าโอบล้อมรอบตัวชางฝูเฟิง

ในดวงตาหลินสวินปรากฏแววประหลาด แท่นมรรคเก้ายอดนี้ถึงกับสร้างขึ้นจากพลังระเบียบที่แตกต่างกันเก้าสาย พวกมันเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ กลิ่นอายระเบียบรัดพัน ส่งเสริมคมประกายให้แก่กัน

ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าเก้าชนิดแปลงเป็นกระบี่บินเก้าเล่มนี้ทั้งหมด!

ไม่ต้องสงสัย นี่ก็คือที่มาในความมั่นใจของชางฝูเหิง

“ไป!”

ชางฝูเฟิงเอ่ยคำหนึ่งออกมาจากปากเบาๆ

เมื่อนิ้วดีดออกไปคราหนึ่ง

กระบี่บินเก้าเล่มที่อยู่เบื้องหน้าเขาพลันส่งเสียงกึกก้อง พุ่งทะยานออกไปเฉกเช่นรุ้งเทพเก้าสาย

ลำนำกระบี่ดุจกระแสน้ำ

แสงกระบี่จรัสเก้าชั้นฟ้า!

พลังเช่นนี้น่าตกตะลึง เมื่อกระบี่เก้าเล่มฟันออกไปก็พลิกคว่ำจักรวาล ปั่นป่วนวัฏจักร

ชั่วพริบตาทั้งตัวหลินสวินรวมถึงพื้นที่รัศมีพันจั้งที่เขาอยู่ก็ถูกคุมขัง

พลังของระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าเก้าชนิดกดดันเข้ามาพร้อมกัน ผสานลงไปในกระบี่มรรคสังหารนี้ พลังเช่นนั้นน่าสะพรึงถึงขีดสุด

จิ่งจงเยวี่ยที่นั่งสมาธิอยู่ไกลออกไปยังเงยหน้าขวับอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้าตกตะลึง

พลังสังหารเช่นนี้ถึงขั้นคุกคามขั้นหลุดพ้นได้แล้ว! ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นการควบคุมพลังระเบียบเก้าชนิดให้สังหารศัตรู วิปริตถึงที่สุด!

แต่ครู่ต่อมาเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น

ยามกระบี่บินเก้าเล่มที่โฉบอยู่เต็มฟ้านั้นกำลังจะชนร่างหลินสวิน ก็เหมือนชนเข้ากับแผ่นเหล็ก ส่งเสียบดังเคร้งๆ ออกมา

พื้นผิวร่างกายหลินสวินมีแสงมรรคพร่าเลือนไหลเวียน แปลงเป็นหุบเหวลึกแห่งหนึ่งเข้าปกคลุมรอบตัวเขาช้าๆ ลุ่มลึกเงียบเชียบ ลึกลับไม่อาจคาดเดา รูปร่างคล้ายโลกขุ่นมัวยามแรกกำเนิด มีนัยเร้นลับมหามรรคมากมายเคลื่อนอยู่ในนั้น

นี่คือกฎเกณฑ์อมตะของเขา เป็นสิ่งที่ควบรวมขึ้นจากการหยั่งรู้ระเบียบนิพพาน ถึงตอนนี้พร้อมๆ กับที่เขาหลอมพลังระเบียบมากมาย กฎเกณฑ์อมตะของเขาก็แปรสถาพจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อไปนานแล้ว

แม้ว่ากระบี่บินเก้าเล่มนั้นจะน่ากลัว แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินสกัดต้านไว้ด้วยร่างกายทั้งหมด!

“นี่เป็นไปได้อย่างไร”

เมื่อเห็นภาพนี้ ไม่เพียงแต่จิ่งจงเยวี่ย กระทั่งชางฝูเฟิงก็แววตาตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน เกือบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

การโจมตีที่สามารถคุกคามขั้นหลุดพ้นได้นั่น ถึงกับไม่สามารถทำให้หลินสวินบาดเจ็ดได้แม้แต่ปลายขน นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

พลังอันน่ากลัวเช่นนี้ชางฝูเฟิงไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทั้งยังไม่อาจจินตนาการได้ว่าในขั้นดับเทพมีอานุภาพน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร

เหมือนดั่งไม่อาจสั่นคลอน ไม่อาจก้าวล้ำ!

หรือนี่ก็คืออานุภาพของยอดอมตะ

ชางฝูเฟิงหวาดหวั่นใจ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์