Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2939

ตอนที่ 2939 โหยวเป่ยไห่

ถูมู่หุนสีหน้าราบเรียบ เอ่ยว่า “ถ้าสงครามน้ำลายใช้การได้ ยังจะเอามรรควิถีแห่งตนไปทำอะไร ในเมื่อพวกเจ้าลัทธิแรกกำเนิดยืนกรานต้องการปกป้องเจ้าหลินสวินคนนี้ เช่นนั้นพวกข้าก็รอตรงนี้อีกสักพักจะเป็นไร”

ขณะพูดเขาก็นั่งขัดสมาธิบนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ริมฝั่งทะเล หลับตาทำสมาธิ

เหล่าคนใหญ่คนโตลัทธิพ่อมดเห็นเช่นนี้ก็นั่งลงตามใจด้วยท่าทางสงบนิ่ง

ในวังกระบี่หมื่นยอด

เสวียนเฟยหลิงขมวดคิ้วกล่าวกับหลินสวิน “ดูจากภายนอก ครั้งนี้ลัทธิพ่อมดเคลื่อนไหวผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ยี่สิบสี่คนและขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสามสิบหกคน แต่พวกเขากล้ามาเอะอะว่าจะเหยียบสำนักพวกเรา เกรงว่าคงจะเตรียมการอื่นไว้”

หลินสวินกล่าว “หรือพวกเขายังจะเคลื่อนกำลังระดับนิรันดร์ด้วย”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวเสียงขรึม “อาจมีความเป็นได้เช่นนี้จริงๆ แต่เจ้าวางใจ ทันทีที่ร่างต้นระดับนิรันดร์ปรากฏตัว ย่อมถูกกฎระเบียบฟ้าดินตรึงและสะท้อนกลับ เป็นเวลาอื่นมรรควิถีเสียหายไปบ้างคงไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าในพันปีนี้เคราะห์แห่งยุคสมัยต้องมาเยือนแน่ ทำให้มรรควิถีเสียหายในเวลานี้ สำหรับระดับนิรันดร์ไม่ว่าคนใดล้วนต้องแบกรับความเสี่ยงใหญ่ยิ่ง”

หลินสวินกล่างคล้ายขบคิด “พูดเช่นนี้ หมายความว่าถ้าจำเป็นพวกเขาก็สามารถเคลื่อนกำลังของร่างต้นระดับนิรันดร์ได้ แต่จะไม่มีทางใช้ออกมาง่ายๆ ใช่หรือไม่ขอรับ”

เสวียนเฟยหลิงยิ้มกล่าว “นี่เป็นธรรมดา ก็เหมือนลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรา ถ้าเจอเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ เจ้าคิดว่าหัวหน้าหอไท่เสวียนที่ขังตัวเองอยู่ในเขตผนึกแจ้งเร้น… จะนั่งมองโดยไม่สนใจได้หรือ”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

เสวียนเฟยหลิงกล่าว “เป้าหมายหลักในการมาครั้งนี้ของลัทธิพ่อมด ไม่มีอะไรนอกจากตีชิงตามไฟ ทั้งหมายเอาชีวิตเจ้า ทั้งคิดชิงพลังระเบียบระดับเทพที่อยู่ในมือเจ้า และเกรงว่าตัวพวกเขาน่าจะรู้ดี ว่าถ้าจะให้ระดับนิรันดร์ลงมือด้วยตัวเอง หมายเหยียบย่ำสำนักเรา แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

เสวียนเฟยหลิงหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “สำหรับลัทธิฌาณก็เป็นเช่นเดียวกันนี้”

หลินสวินพ่นลมหายใจออกเฮือกหนึ่งกล่าว “ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ และให้พวกเขาหยุดเท้าอยู่ที่นี่”

เสวียนเฟยหลิงตบไหล่เขาเบาๆ เอ่ยปาก “อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป จำไว้ว่าสำนักย่อมรุกถอยไปกับเจ้า”

ไม่นานนักเสวียนเฟยหลินก็จากไป

หลินสวินกลับนึกถึงพวกศิษย์พี่สามในลัทธิวิญญาณ

เรื่องกังวลหนึ่งเดียวในตอนนี้ของเขา คือถ้าพวกศิษย์พี่สามรู้สถานการณ์ทางฝั่งลัทธิแรกกำเนิด หากบุ่มบ่ามเข้ามาช่วยกลับจะทำให้เกิดตัวแปรอื่นขึ้นมา

อย่างเช่น ดูภายนอกการร่วมมือกันของลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานครั้งนี้คือเพื่อจัดกาลัทธิแรกกำเนิด แต่นี่จะเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่งหรือไม่ เป้าหมายคือตั้งใจล่อให้พวกศิษย์พี่สามมุ่งหน้ามาช่วยหรือไม่

และขอเพียงจับพวกศิษย์พี่สามได้ ย่อมนำมาข่มขู่หลินสวินได้!

เช่นเดียวกัน หากเรื่องเช่นนี้เปลี่ยนขึ้นกับลัทธิวิญญาณ ถ้าตนมุ่งหน้าไปช่วยเหลือ เกรงว่าก็คงเกิดตัวแปรมากมายเช่นกัน…

‘หวังว่าพวกศิษย์พี่สามจะสุขุมอดกลั้นได้ ไม่เข้ามาพัวพันด้วย…’

หลินสวินพึมพำในใจ

เวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า

ริมฝั่งทะเลหมื่นดารา

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ลัทธิพ่อมดอย่างพวกถูมู่หุนรอคอยเงียบๆ มาตลอด

ศัตรูประชิดกำแพง นี่เป็นภัยคุกคามโดยตรงที่สุดอย่างหนึ่ง!

ข่าวที่นี่กระจายออกไปทั่วหล้าอย่ารวดเร็วเช่นกัน ทั่วโลกต่างรู้ว่าลัทธิพ่อมดลงมือแล้ว เตรียมตัวพร้อมสรรพ ศึกใหญ่ปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ!

ข่าวนี้กระจายเข้าลัทธิวิญญาณทันทีเช่นกัน

“พวกเราลัทธิวิญญาณกับลัทธิแรกกำเนิดเป็นมิตรที่ดีมาโดยตลอด เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพวกเราจะนิ่งเฉยได้อย่างไร”

จอมวิญญาณชิงอวิ๋นประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากได้รู้ข่าวที่ลัทธิพ่อมดร่วมมือกับลัทธิฌานหมายบุกโจมตีลัทธิแรกกำเนิดครั้งใหญ่ รั่วซู่ดันมาหาตนและขอไม่ให้ลัทธิวิญญาณยื่นมือช่วยเหลือลัทธิแรกกำเนิด

“เป็นไปได้มากว่านี่คือกับดัก”

รั่วซูกล่าวเสียงเบา “หรือควรบอกว่า เป้าหมายที่ลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่การเปิดศึกกับลัทธิแรกกำเนิด แต่เป็นเพื่อจัดการข้ากับศิษย์น้องคนอื่นๆ เพียงจับพวกข้าได้ พวกเขาย่อมสามารถข่มขู่ศิษย์น้องเล็กของข้าตามต้องการได้”

นัยน์ตาชิงอวิ๋นไหววูบ “แต่เจ้าไม่กังวลหรือว่าถ้าเจ้าเดาผิด ศิษย์น้องของพวกเจ้ากับลัทธิแรกกำเนิดก็อาจเจอภัยใหญ่ได้”

รั่วซูยิ้มน้อยๆ “กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ขอแค่พวกเราที่นี่ไม่พลาด ทางศิษย์น้องเล็กย่อมไม่เจอผลกระทบ”

นางเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อ “ยิ่งกว่านั้น ถ้าต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ศิษย์น้องคงส่งสารมานานแล้ว”

ชิงอวิ๋นนิ่งเงียบไปครูหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าก็ไม่อยากปิดบังเจ้า ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าได้รับข่าวจากฟางเต้าผิง บอกว่าเรื่องนี้ไม่ให้พวกเราลัทธิวิญญาณยื่นมือเข้าแทรก เดิมทีข้ายังแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูท่าไม่ว่าจะเป็นลัทธิแรกกำเนิดหรือศิษย์น้องคนนั้นของเจ้า เกรงว่าคงเตรียมการไว้นานแล้ว”

นัยน์ตารั่วซู่ทอประกายวาบ “พูดเช่นนี้ ทางสำนักก็รู้เรื่องนี้มานานแล้วหรือ”

ชิงอวิ๋นพยักหน้ากล่าว “ยามโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรค สำนักจะส่งผู้อาวุโสส่วนหนึ่งไป ถึงตอนนั้นเจ้ากับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนอื่นก็ไม่ต้องมุ่งหน้าไปพร้อมกัน”

รั่วซูใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบรับ

ห่างจากช่วงเวลาที่โหยวเป่ยไห่จะแจ้งมรรคนิรันดร์อีกเพียงครึ่งเดือน

ริมฝั่งทะเลหมื่นดารา

พวกลัทธิพ่อมดอย่างถูมู่หุนทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงคลื่นอากาศระลอกหนึ่ง

จากนั้นเงาร่างกำยำที่สวมรองเท้าฟางห่มจีวรทั้งหมดก็ปรากฏตัวในที่นั้น แต่ละคนหน้าตาเคร่งขรึม ท่าทางน่าเกรงขาม

เป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งลัทธิฌาณ

ผู้นำมีหนวดเคราขาวหิมะ เรือนกายผอมตอบ ห่มจีวรที่เต็มไปด้วยรอบปะชุน แก้มซูบตอบเต็มไปด้วยรอยย่น ผิวหนังแห้งกร้านออกสีน้ำตาลแก่

จอมมุนีจี้คง!

ถูกกล่าวขานว่าเป็นจอมมุนีอันดับหนึ่งแห่งลัทธิฌาน แจ้งมรรคถึงยามนี้หลายแสนปีแล้ว เหมือนเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาเนิ่นนานคนหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์