ตอนที่ 2995 หลังจากไปสิบปี
วันรุ่งขึ้น
หลินสวินมาถึงนอกแดนลับดวงกมล ยืนอยู่กลางอากาศเพียงลำพัง
“ทะยาน!”
ทันใดนั้นเขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มือทั้งสองเทินห้วงอากาศ
ทั้งแดนลับดวงกมลสั่นสะเทือน จากนั้นก็ลอยขึ้นช้าๆ
เมื่อมือทั้งสองของหลินสวินทำมุทรา แดนลับดวงกมลก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเล็กลง จนในที่สุดกลายเป็นกลุ่มแสงขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งลอยมาอยู่กลางฝ่ามือหลินสวิน
นี่เป็นการใช้กฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศขั้นสูงสุด ด้วยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ ถ้าให้เวลาเขา โลกใหญ่แห่งหนึ่งยังหลอมแปลงได้โดยสมบูรณ์
ตอนนี้ใช้หลอมแปลงแดนลับดวงกมลย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ฟู่…
หลินสวินเก็บแดนลับดวงกมลแล้วพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนเดินไปนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
พวกซย่าจื้อ เสวียนจิ่วอิ้น จินเทียนเสวียนเยวี่ยต่างอยู่ในแดนลับดวงกมล หลังจากนี้ขอเพียงเขาเอาแดนลับดวงกมลจากไปด้วยก็พอแล้ว
นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ในน่านน้ำพันลี้เวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีเงาของผู้ฝึกปราณสักคน
แต่เกินจากพันลี้ออกไปกลับมีขุมอำนาจมากมายตั้งอยู่ ส่วนมากเป็นขุมอำนาจที่มาจากฟ้าดาราอื่น
ในนั้นยังมีกลิ่นอายระดับอมตะไม่น้อย!
ทันทีที่ออกมาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลินสวินก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเหล่านี้ เขานิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ด้วยพลังปราณของเขาในตอนนี้ การทำลายขุมอำนาจต่างถิ่นเหล่านี้ก็เป็นเรื่องง่ายเพียงดีดนิ้ว
แต่เช่นนี้แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าผู้บริสุทธิ์
มิหนำซ้ำหลินสวินดูออกว่าขุมอำนาจต่างถิ่นเหล่านี้ก็ทำตามกฎดี ไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามาในระยะพันลี้รอบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สักก้าว
และที่พวกเขายังสามารถมีชีวิตรอดอยู่ภายใต้พลังระเบียบของอู๋ซวง ก็เป็นการพิสูจน์อย่างไร้ข้อกังขาว่าในช่วงนี้ขุมอำนาจต่างถิ่นเหล่านี้ไม่ได้กระทำเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนแต่อย่างใด
“นายท่าน”
ทันใดนั้นเงาร่างของอู๋ซวงก็ควบรวมขึ้นกลางอากาศ ชุดขาวดุจหิมะ พิสุทธิ์ดุจเด็กสาว กะพริบตาดวงโตอันมีชีวิตชีวาพลางเอ่ยว่า “ท่านจะจากไปแล้วหรือ”
หลินสวินพูดอย่างประหลาดใจ “ทำไม เจ้ากังวลว่าพอข้าจากไปจะทิ้งเจ้าไว้ในทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้หรือ”
อู๋ซวงเอ่ยอย่างว่าง่าย “ซวงเอ๋อร์ไม่ขัดข้องกับการจัดแจงของนายท่าน แต่ซวงเอ๋อร์ก็เชื่อว่านายท่านจะไม่ทิ้งซวงเอ๋อร์ไว้ที่นี่โดยไม่เหลียวแล”
หลินสวินยิ้มอย่างอดไม่ได้ หัวเราะพลางลูบศีรษะน้อยๆ ของอู๋ซวงเอ่ยว่า “คำพูดอะไรเจ้าก็พูดไปหมดแล้ว ข้ายังจะกล้าทิ้งเจ้าไว้ที่นี่หรือ”
อู๋ซวงดวงตาเปล่งประกาย รอยยิ้มอ่อนหวานสดใส พูดเสียงกังวานว่า “นายท่านรักซวงเอ๋อร์ที่สุดแล้ว แต่… ถ้าไม่มีพลังระเบียบของซวงเอ๋อร์ เกรงว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้จะตกอยู่ในความโกลาหล เช่นนี้จะทำอย่างไรดี”
ขณะพูดนางก็ขมวดคิ้วแน่น
หลินสวินยื่นมือพลิกคราหนึ่ง น้ำเต้าม่วงใบหนึ่งปรากฏออกมา “ให้อาจื่อมาปกป้องทางเดินโบราณฟ้าดาราก็พอ”
อาจื่อก็คือชื่อที่เขาตั้งให้น้ำเต้าม่วง
น้ำเต้าม่วงนี้เป็นระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหายาก วิญญาณระเบียบของมันก็คือกระบี่เทพสีเขียวที่อยู่ในน้ำเต้านั้น
แม้ไม่ได้มีร่างมนุษย์อย่างอู๋ซวง แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ สามารถจำแนกคำสั่งของหลินสวินได้
สวบ!
หลินสวินโยนน้ำเต้าม่วงขึ้นฟ้า กระบี่เทพพร่าเลือนสีครามเขียวดุจเวิ้งฟ้าหมื่นกาลเล่มหนึ่งลอยหวือออกมา จากนั้นก็แปลงเป็นรุ้งเทพพุ่งออกมาจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้า
“เอาล่ะ เก็บพลังของเจ้ากลับมาได้แล้ว”
หลินสวินเอ่ย
อู๋ซวงขานรับครั้งหนึ่งแล้วโบกมือ ละอองแสงไร้สิ้นสุดเริ่มรวมตัวกลางเวิ้งฟ้า จากนั้นก็พุ่งเข้ามาในร่างเพรียวบางของนางคล้ายน้ำตก
ผ่านไปสักพักอู๋ซวงถึงมองดูเวิ้งฟ้าแล้วเอ่ยถาม “นายท่าน ท่านไม่กังวลหรือว่าถ้าเกิดอาจื่อถูกคนอื่นเก็บไปจะทำอย่างไร”
หลินสวินยิ้มเอ่ย “พวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับนิรันดร์ทำอะไรอาจื่อไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นระดับนิรันดร์จริงๆ ในช่วงที่เคราะห์แห่งยุคสมัยกำลังจะมาเยือน จะมีแก่ใจมาทางเดินโบราณฟ้าดาราได้อย่างไร ไปเถอะ”
ขณะที่หลินสวินพูด เงาร่างโผนทะยานขึ้นกลางอากาศ
ด้านอู๋ซวงแปลงเป็นแสงขาวสายหนึ่ง หายลับไปในกฎเกณฑ์อมตะที่อยู่รอบกายหลินสวิน
สำหรับนางแล้ว กฎเกณฑ์อมตะที่หลอมพลังระเบียบนิพพานเก้าส่วนนั้นของหลินสวินก็คล้ายกับรังมารดา อยู่ในนั้นได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังนิพพาน
…… ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เทือกเขายาวไกล พรมแดนตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิจื่อเย่า
เมืองเฟยอวิ๋น
ในเมืองครึกครื้นจอแจ ผู้คนขวักไขว่เหมือนกระแสน้ำไร้สิ้นสุด
“ทุกท่าน พูดถึงเมืองเฟยอวิ๋นแห่งนี้ มีที่มาที่ไปใหญ่ยิ่ง ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางผงาดของจักรพรรดิเต้ายวน ครั้งเยาว์วัยเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนนั้นที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ อันแร้นแค้นแห่งหนึ่ง ชาวบ้านทำนาวิญญาณเลี้ยงปากท้อง…”
ในโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง นักเล่าเรื่องผู้หนึ่งพูดจาฉะฉาน ดึงดูดให้แขกมากมายหยุดฟัง
จักรพรรดิเต้ายวน!
นี่เป็นชื่อที่กึกก้องทั่วฟ้าดาราที่สุดในตอนนี้ กลายเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพจากสรรพชีวิตทั่วหล้านับไม่ถ้วนมานานแล้ว วีรกรรมของเขาก็จึงดึงดูดใจคนที่สุด
‘มหาสมุทรแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งนาก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้นดำรงอยู่ได้แค่ในความทรงจำ…’
หลินสวินรำพึงในใจแล้วหันหลังจากไปท่ามกลางฝูงชน
เหล่าแขกที่อยู่บริเวณนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตำนานที่พวกเขาเทิดทูนที่สุดเพิ่งกระทบไหล่พวกเขาไป
ต่อมาหลินสวินก็มายังเมืองตงหลิน เขากับซย่าจื้อเคยพำนักที่เมืองนี้ช่วงหนึ่ง และแยกกับนางที่เมืองนี้เช่นกัน
ซย่าจื้อไปตำหนักรัตติกาล
ส่วนเขาไปค่ายกระหายเลือด
เสียดายแต่ว่าพอหลินสวินมาถึงค่ายกระหายเลือด ที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงไปนานแล้ว กลายเป็นอาณาเขตของขุมอำนาจตระกูลหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์