มีชีวิตอยู่ต่อไป!
ความกระหายอยู่รอดทำให้หลินสวินระเบิดพลังขึ้นมา พลังผสานดินในกายปะทุ กลิ่นไอรอบตัวเดือดพล่าน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ
ฮึม
ด้านหลังของหลินสวินมีเรือรบวีรชนม่วงไล่ตามมาเป็นเห็บหมัด พลังไฟของปืนใหญ่สลักวิญญาณพุ่งออกมาเป็นแสงแสบตาน่ากลัว พื้นดินแตกระแหง ฝุ่นคลุ้งตลบ ตลอดเส้นทางที่หลินสวินวิ่งผ่านล้วนย่อยยับกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ
เรือรบวีรชนม่วงที่มีพลังถึงขั้นสังหารผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณจะธรรมดาได้อย่างไร บางทีข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมันก็คือไม่ใช่ผู้ฝึกปราณที่แท้จริง วิธีการต่อสู้มีเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องใช้ผู้ฝึกตนควบคุมจึงจะสามารถปล่อยพลังไฟออกมาได้
นี่เป็นโอกาสเพียงน้อยนิดที่หลินสวินมี ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอีกนานเท่าใด หากเมื่อใดหมดซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว นั่นก็หมายความเวลาตายของเขามาถึงแล้ว ตลอดทางมานี้เขาทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าเท่านั้นไม่เห็นโอกาสที่จะมีชีวิตรอดเลย
“ฮ่าๆๆ เด็กคนนี้เก่งนักไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้วิ่งหนีเป็นสุนัขเลยเล่า”
ด้านหลังของเรือรบวีรชนม่วง ชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่นำทัพผู้ฝึกปราณทั้งหลายไล่ตามมา เมื่อเห็นว่าหลินสวินวิ่งหางจุกก้นเป็นสุนัข พวกเขาก็พลันหัวเราะขึ้น เพราะทั้งคู่มองว่าหลินสวินที่กำลังหนีเรือรบวีรชนม่วงจนหน้าซีดขาวเช่นนี้ คล้ายกับมดน้อยดิ้นรนอยู่บนกองไฟ รอเพียงความตายเท่านั้น
“สะใจนัก!”
“เด็กคนนี้สังหารคนของเราไปมากมาย สมควรได้รับโทษ” ผู้ฝึกปราณทั้งหลายพากันตื่นเต้น ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกหลินสวินเข่นฆ่าจนหมดกำลังใจต่อสู้ แต่ยามนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเข่นฆ่าจนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร
“น่าขำนักหรือ คนของพวกเราถูกสังหารไปทั้งหมดสี่ร้อยสิบเก้าคนในการต่อสู้เมื่อครู่ หากไม่นำเรือรบวีรชนม่วงออกมาคงจะสูญเสียมากยิ่งกว่านี้ พวกเจ้าคิดว่ามันตลกมากหรือ”
เสี่ยวมู่เอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาสีแดงปราดมองทุกคนจนพวกเขารอยยิ้มแข็งค้าง ความทะนงตนหดหาย ใช่แล้ว เยาะเย้ยศัตรูในตอนนี้แตกต่างจากการเยาะเย้ยว่าตัวเองไร้ความสามารถก็ไม่ปาน
“พวกเจ้าแหกตาดู เด็กคนนี้มีปราณเพียงขั้นผสานดินก็ทำให้เรือรบวีรชนม่วงไล่ตามมาจนถึงตอนนี้ ถามตัวเองในใจดู ว่าพวกเจ้ามีใครทำได้แบบนี้บ้าง”
เสี่ยวมู่ตะเบ็งเสียงดังคล้ายกำลังโมโห “ทั่วทั้งจักรวรรดิมีผู้ฝึกปราณขั้นผสานดินคนไหนทำได้เช่นนี้บ้าง หืม?”
เสียงกัมปนาทนั้นทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งหลายสลดลง ความทะนงและตื่นเต้นในใจหายไปจนสิ้น
“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าหากเด็กคนนี้มีชีวิตรอดในวันนี้ และกลับมาแก้แค้นพวกเราในภายหลัง พวกเจ้ามีใครยังยิ้มได้อีก”
ผู้ฝึกปราณล้วนทำหน้าปุเลี่ยน นึกถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินแล้ว ในใจพวกเขาต่างระส่ำระส่าย คนประเภทนี้หากยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขในภายภาคหน้าแน่นอน
“เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล เด็กคนนี้แทบจะไม่เหลือโอกาสมีชีวิตรอดภายใต้การโจมตีจากเรือรบวีรชนม่วง แต่ก็อย่าประมาทไป หากไม่เห็นกับตาว่าเด็กคนนี้ถูกสังหาร ก็อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด” ชายสวมงอบเอ่ยขึ้น ทำให้ทุกคนเริ่มระวังตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เวลาผ่านเลยไป เสียงระเบิดยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับหลินสวินแล้ว ช่วงเวลานี้ช่างยาวนานเหลือเกิน หนึ่งวันคล้ายหนึ่งปี นับแต่เริ่มฝึกตนจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยหมดท่าเท่านี้มาก่อน แต่ดวงตาของเด็กหนุ่มยังมีความมุ่งมาดอยู่เต็มเปี่ยมไม่เคยแปรเปลี่ยน เป็นหรือตายอาจพลิกผันได้ในช่วงพริบตา แต่เขายอมสู้จนวินาทีสุดท้าย
ซ่า~
ทันใดนั้น ในภาพนิมิตปรากฏเสียงน้ำหลาก ทำให้หลินสวินดวงตาเป็นประกายวาววาบ ไม่นานแม่น้ำไหลเชี่ยวกราดกว้างกว่าสิบจั้งก็ผุดขึ้นในสายตา เขากัดฟันเพิ่มความเร็วขึ้นสามส่วน มุ่งตรงไปทางแม่น้ำทันที
ชายร่างบึกบึนผู้ควบคุมเรือรบวีรชนม่วงบนฟ้ากำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะใช้ปืนใหญ่สลักวิญญาณโจมตีเป้าหมาย ครั้นเห็นแม่น้ำอยู่ไกลออกไปเขาก็ผงะ ก่อนจะยกมุมปากยิ้มเหี้ยมเกรียม
ข้างหน้ามีแม่น้ำขวางเอาไว้ เด็กคนนี้หนีไปไหนไม่รอดแน่
จัดการมัน!
ขณะที่ควบคุมเรือรบวีรชนม่วง ชายร่างบึกบึนจุดพลังไฟทั้งหมดให้ลูกปืนใหญ่สลักวิญญาณทะยานออกไป เรือรบวีรชนม่วงอีกสี่ลำเมื่อเห็นเช่นนั้นต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ว่าโอกาสสังหารเป้าหมายมาถึงแล้ว
บึ้ม!
พวกเขาโจมตีด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ฉับพลันนั้นกลางอากาศมีแสงวาววับปานฝนดาวตกแหวกทะลุม่านอากาศร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
แย่แล้ว!
เมื่อเห็นแม่น้ำจากที่ไกลโพ้นชายสวมงอบเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เขาชักสีหน้า และมีความคิดเห็นแตกต่างจากผู้ฝึกปราณที่ควบคุมเรือรบวีรชนม่วงทั้งหลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์