Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 309

สรุปบท ตอนที่ 309: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 309 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 309 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เลือดนองผืนน้ำ
โดย
ProjectZyphon
หลินสวินลืมตาขึ้นมาจากการทำสมาธิ เมื่อสัมผัสได้ว่าเครื่องจับพลังพลังสั่นกระเพือม จนเกิดคลื่นที่มองไม่เห็น

ศัตรูบุกมาแล้ว!

เขาหรี่ตาลง นับแต่เริ่มนั่งสมาธิจนถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งยามเท่านั้น แต่ศัตรูกลับมาถึงใต้แม่น้ำแล้ว ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการลงมือในตอนที่เด็กหนุ่มบาดเจ็บ

มือขวาของเขากำดาบเวทเรืองแสงไว้จนแน่น ส่วนมือซ้ายจับหน้าไม้ด้ามหนึ่งเดินออกมาที่ปากถ้ำเงียบๆ พลางแผ่กระจายมวลพลังจากจิตออกไป

พลันเขารับรู้ถึงผู้ฝึกปราณหลายสิบคนมุ่งหน้ามาทางนี้พร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลเอ่อ ยิ่งศัตรูใกล้เข้ามาเท่าไร สายตาของหลินสวินก็ยิ่งเย็นชามากเท่านั้น แม้เขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ด้วยพลังจากมุกนักบุญอมตะ ทำให้การอยู่ใต้น้ำที่มีแรงดันสูงเพียงพอให้เขาไม่ต้องกลัวศัตรูหน้าไหน

แรงดันน้ำมีมวลความหนาแน่นสูงมาก หากคนธรรมดาลงมา เกรงจะต้องเลือดทะลักเจ็ดรูทวารจนเสียชีวิตไปนานแล้ว หรือแม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับจิตผสานวิญญาณก็ไม่สามารถดำน้ำเป็นเวลานานๆ ได้ เพราะเมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะมีแรงต้านสกัดเอาไว้ หากต่อสู้จะใช้พลังได้เพียงครึ่งเดียว

มีเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น ที่สามารถเดินเหินใต้น้ำได้ตามอำเภอใจ พวกเขาใช้พลังจากภายในสื่อสารกับพลังฟ้าดิน ทำให้สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทั้งในอากาศและในน้ำ

เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกปราณที่ดำน้ำลงมาในเวลานี้กำลังเผชิญหน้ากับแรงต้านขนาดใหญ่ ยามเคลื่อนไหวจึงยืดยาดคล้ายมีของถ่วง

ฟิ้ว

คลื่นน้ำสะเทือนเมื่อผู้ฝึกปราณคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาทางถ้ำ ขณะที่เขาเพิ่งประชิดเข้ามา ยังไม่ทันได้สำรวจลักษณะภายในถ้ำก็เกิดอาการตาพร่า ใบมีดหนึ่งตัดลำคอเขาอย่างง่ายดายเสียแล้ว

เขาตกใจ ให้ตายก็ไม่กล้าเชื่อว่ามีดใบนั้นจะเร็วปานนี้ คล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากแรงต้านของน้ำเลย

เลือดสดสีแดงทะลักออกมาย้อมแม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉาน

ฟิ้ว

ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนที่อยู่ไกลออกไปนั้นสังเกตได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบกรูกันเข้ามา แรงต้านของน้ำทำให้พวกเขาเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังเต้นระบำก็ไม่ปาน

ฉึบ ฉึบ ฉึบ

หลินสวินเคลื่อนไหวว่องไวเข้าไปหาผู้ฝึกปราณคนหนึ่ง ก่อนจะม้วนอาวุธออกมาแทงเข้าที่ท้องของอีกฝ่าย

ฉึก

ในขณะเดียวกันมือซ้ายก็ยิงหน้าไม้จนเกิดรอยริ้วน้ำ ทะลุกะโหลกผู้ฝึกปราณที่ห่างออกไปสิบจั้ง ผู้ฝึกปราณคนนั้นแม้ถือหน้าไม้อยู่ในมือก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มัน

ตูม

ผู้ฝึกปราณต่างพากันถืออาวุธวิญญาณพุ่งเข้ามา ทำให้น้ำบริเวณนั้นกระเพื่อม ฝูงปลาแตกฮือ ตะไคร่น้ำปลิวไหว คลุ้งจนมองเหตุการณ์ได้ไม่ชัดเจน

ใต้น้ำที่เต็มไปด้วยแรงดันมหาศาลนี้ เป้าหมายกลับเดินเหินได้อย่างว่องไวราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณแม้จะใช้หน้าได้สกัดยิง แต่ก็ไม่เฉียดกายของเป้าหมายแม้แต่น้อย

เด็กคนนี้เป็นสัตว์น้ำหรืออย่างไร ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นตระหนกขนลุกชัน

ฟึบ ฟึบ ฟึบ

ท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้ฝึกปราณค่อยๆ ล้มลงไป ไม่ถูกมีดสังหารก็ถูกหน้าไม้ยิงทะลุร่าง สีแดงของเลือดลอยขึ้นเหนือผืนน้ำอยู่หลายดวง ทำให้แม่น้ำที่เดิมทีขุ่นมัวเป็นสีชาด

ผู้ฝึกตนที่อยู่ใต้น้ำไม่สามารถพูดได้ ยิ่งไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เหตุนองเลือดนี้มีเพียงกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความน่ากลัวเท่านั้น

ตายเสียเถิด!

หลินสวินที่บาดเจ็บหนักใช้พลังได้แค่สองส่วนจากทั้งหมด แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำ ณ ขณะนี้ เขาคล้ายเป็นยมทูตที่คร่าชีวิตคนครั้งแล้วครั้งเล่า

ผู้ฝึกปราณบางคนหวาดกลัวจนต้องหนีขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่สุดท้ายก็ถูกหลินสวินตามไปสังหารอย่างรวดเร็ว การสังหารใต้น้ำครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไร้ตัวช่วย ตกตาย น่ากลัว และนองไปด้วยเลือด

ที่ริมแม่น้ำ

“หัวหน้าขอรับ จัดกองกำลังที่เหลือ 1,922 คนไปเฝ้าตามทุกแยกเวิ้งน้ำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว”

“และทุกสิบลี้ก็มีเรือรบวีรชนม่วงเฝ้าอยู่บนอากาศ เหยี่ยวสอดแนวก็เรียกมาใช้หมดแล้ว ต่อให้ตัวประหลาดโผล่มาเราก็จะเห็นได้ในทันทีขอรับ” เสี่ยวมู่รายงาน

ชายสวมงอบพยักหน้า เขาวางใจลงไม่น้อย พลางมองไปที่ผืนน้ำ ผู้ฝึกปราณห้าสิบคนที่ส่งลงไปล้วนมีพรสวรรค์ทางน้ำ ขณะนี้เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาแล้ว หากไม่เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไม่นานก็คงได้ข่าวคราวอะไรบ้าง

บุ๋ง

ทันใดนั้น ผืนน้ำเชี่ยวกรากพลันมีศพลอยขึ้นมา ชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่เพ่งมองด้วยใบหน้าถอดสี ศพนั้นถูกกระแสน้ำซัดพาไปโดยที่ไม่ทันได้เก็บขึ้นมาด้วยซ้ำ

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

เขารู้ดีว่าหากภารกิจครั้งนี้ล้มเหลว หลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสจัดการเป้าหมายในเส้นทางไปสู่นครต้องห้ามอีกแล้ว และหมายความว่าพวกเขาจะหมดคำแก้ตัวต่อฉือฉางเหมย ผลลัพธ์หลังจากนั้นหนักหนาเกินกว่าพวกเขาจะทนรับไหว

กระนั้นเหตุการณ์วันนี้ก็ไม่มีทางจะปกปิดได้ เขาต้องรายงานเรื่องทั้งหมดต่อฉือฉางเหมย เพื่อให้นางตัดสินใจด้วยตนเอง

“หัวหน้าจะทำอย่างนี้จริงหรือขอรับ” เสี่ยวมู่อดไม่ไหวถามขึ้นมา

“ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่ลงแรง แต่เพราะศัตรูแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก”

ชายสวบงอบเอ่ยถึงตรงนี้ก็ตบไหล่เสี่ยวมู่ “เราทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เหมยจวิ้นจู่ตัดสินใจเถิด”

เสี่ยวมู่ยืนเงียบ ครู่ใหญ่จึงกัดฟันกลาว “พวกเรายังไม่แพ้ อย่างน้อยเป้าหมายก็ยังอยู่ในการควบคุมของเรา ไม่มีทางหนีรอดออกไปได้ ข้าจะสู้จนนาทีสุดท้ายขอรับ!” ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป

’พวกเราไม่ได้แพ้ แต่สู้มาถึงตอนนี้ไม่มีใครเหลือความมุ่งมาดอย่างเจ้าแล้ว…’ ชายสวมงอบคิดในใจ

การต่อสู้หรือทำสิ่งใด หากไม่กลัวคู่แข่งที่เก่งกาจ ก็ให้กลัวความมุ่งมาดที่จะหดหาย

เรือนโบราณ ในนครต้องห้าม

“ในข่าวที่ส่งมาเมื่อวานบอกว่า ลู่เซ่าอวิ๋นถูกกักบริเวณโดยมีตระกูลลู่จัดการบทลงโทษ” ผู้ช่วยคนหนึ่งยิ้มว่า “เจ้าเดาสิว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง”

“ใครหรือ” หลายคนอยากรู้

“ก็ลู่เทียนเจ้าบิดาของเขาอย่างไรเล่า ฮ่าๆๆ คราวนี้ถึงลู่เซ่าอวิ๋นไม่ตาย ก็คงขายขี้หน้าจนอยู่ในนครต้องห้ามไม่ได้แล้ว แม้แต่บิดาของเขาก็ยังถูกครหาว่าเป็นคนขายตระกูลไปแล้วด้วยซ้ำ”

คนอื่นพากันหัวเราะครืน นี่เป็นผลของการทำให้พวกเขาไม่พอใจ คิดจะช่วยหลินสวินต่อกรกับพวกเขาหรือ ช่างรนหาที่ชัดๆ!

ฉือฉางเหมยเลิกคิ้ว แค่จัดการเด็กไร้ความสามารถคนหนึ่งได้ต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือ นางไม่เคยเห็นลู่เซ่าอวิ๋นในสายตาแม้แต่น้อย เพราะคนพรรค์นี้ไม่ควรค่าให้นางสนใจอยู่แล้ว

ปัง!

พลันประตูห้องถูกเปิดออก องครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์