องครักษ์กลืนน้ำลายว่าเสียงสั่น “ทัพหน้ารายงานมาว่า ภารกิจ…ภารกิจ…”
“ภารกิจเป็นอย่างไร” ใครบางคนร้อนรนถาม
“ภารกิจพลิกผันขอรับ” องครักษ์รวบรวมลมหายใจแล้วว่าให้จบ
พลิกผัน?
หลายคนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ในใจกลับไม่คิดว่าหนักหนาอะไร แค่พลิกผันไป มิใช่ล้มเหลวเสียหน่อย เหตุใดต้องตกใจถึงเพียงนี้
ฉือฉางเหมยถอนหายใจโล่งอก ภารกิจครั้งนี้นางสั่งให้ยกกองกำลังทั้งหมดไปล้อมรอบนอกเมืองมังกรเหลือง หากยังล้มเหลวอีกครั้งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ เล่ามา” ฉือฉางเหมยบอก
องครักษ์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผู้บัญชาการใหญ่ของทัพหน้าส่งข่าวมาว่าเป้าหมายปลอมตัวออกมาจากเมืองมังกรเหลือง…” เขารายงานข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับออกมา
เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวมู่ตามตัวหลินสวินได้ หลายคนก็เอ่ยชมนางยกใหญ่ แต่เมื่อได้ยินว่าเป้าหมายตัวคนเดียวสังหารกองกำลังของพวกเขาไปมากมายก็อึ้งงันไปตามๆ กัน
เรื่องราวหลังจากนั้น เมื่อหลินสวินใกล้จะฝ่าวงล้อมออกมาได้ เรือรบวีรชนม่วงทั้งห้าลำไล่โจมตีเขาจนต้องกระโดดลงแม่น้ำ ทุกคนรวมทั้งฉือฉางเหมยหน้าเขียวครึ้มเสียอาการ บรรยากาศในห้องเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ จนแทบหายใจไม่ออก มีเพียงเสียงขององครักษ์ที่ยังดังกังวานอยู่
“เดิมทีคิดว่าแม้เป้าหมายไม่ตาย เขาก็คงบาดเจ็บสาหัส กองกำลังจึงดำน้ำลงไปดู แต่ไม่คิดว่าผู้ฝึกปราณห้าสิบคนที่ดำน้ำลงไปจะถูกสังหารจนหมดสิ้น”
เพล้ง!
ฟังมาถึงตรงนี้ แก้วน้ำชาในมือของฉือฉางเหมยก็แหลกละเอียดกลายเป็นเศษผงร่วงกราวลงพื้นโดยที่นางไม่รู้ตัว สายตาของนางแน่นิ่ง ใบหน้างามเขียวครึ้ม หว่างคิ้วขมวดมุ่นด้วยโทสะ
ยอดฝีมือผู้ฝึกปราณสองพันกว่าคนกับอาวุธอย่างดี ทั้งยังมีเรือรบวีรชนม่วงอีกห้าลำ กองกำลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังสังหารเป้าหมายไม่ได้ ไม่ได้เรื่องจริงๆ!
ภายในห้องเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าสบตาฉือฉางเหมย พวกเขารู้ดีว่าฉือฉางเหมยใกล้จะโมโหจนสุดขีดแล้ว ในยามนี้หากพูดไม่เข้าหู คงจะถูกนางฆ่าไอด้ง่ายๆ
ฉือฉางเหมยใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นางเกลียดที่หลังจากสวี่เชียนจิ้งจากไปแล้ว ข่าวคราวที่มาจากทัพหน้าล้วนไม่เคยทำให้นางยินดีได้เลยสักครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่กองกำลังจำนวนมหาศาลขนาดสามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณได้ แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรเป้าหมายไม่สำเร็จ ผู้ใหญ่ในตระกูลจะมองนางเช่นไร คนอื่นๆ จะมองตระกูลฉืออย่างไร ขายหน้าที่สุด!
ฉือฉางเหมยแทบอยากจะพุ่งไปอยู่ทัพหน้าเสียเอง ไม่ช้านางก็สงบสติลง ความโกรธเป็นการแสดงออกว่าตัวเองไร้ความสามารถ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือทำความเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมด
“นอกจากพวกนี้ ยังมีข่าวอื่นอีกหรือไม่” ฉือฉางเหมยพยายามความคุมอารมณ์และน้ำเสียงของตน
“มีขอรับ จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าเป้าหมายน่าจะบรรลุปราณขั้นผสานดินแล้ว พลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากเป็นเท่าตัว”
องครักษ์หวาดหวั่น เกรงว่าฉือฉางเหมยจะบันดาลโทสะฆ่าคนตาย จึงตอบกลับด้วยความระมัดระวัง “นอกจากนี้ ทราบมาว่า ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่เพราะพวกเราไม่ลงแรง แต่เพราะว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป แม้พวกเราจะพยายามจนสุดความสามารถแล้วก็ยังทำไม่สำเร็จ”
ปั่ก!
แก้วชาลอยกระทบหัวองครักษ์อย่างแรงจนร่างของเขาซวนเซ มีเลือดไหลจากหน้าผาก
ไม่ใช่ฉือฉางเหมยลงมือ แต่เป็นบุตรหลานจากตระกูลใหญ่คนหนึ่งข่มโทสะไม่ไหว ตะคอกว่า “เพราะว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไปอย่างนั้นหรือ!? เหตุผลบ้าอะไรกัน”
“พอแล้ว”
ฉือฉางเหมยเอ่ยขึ้นสองคำ ชายที่ระบายโทสะเมื่อครู่แน่นิ่งไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก
“ทัพหน้าบอกมาอย่างนี้จริงๆ หรือ” ฉือฉางเหมยถาม
องครักษ์รับรองด้วยชีวิตว่าเป็นความจริง “ผู้บัญชาการใหญ่ทัพหน้าคือตู้ซิงชวน ข้ารู้จักเขาดี ในเมื่อเขาพูดอย่างนี้แล้วก็ย่อมเป็นความจริง”
ฉือฉางเหมยนวดหว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า “บอกตู้ซิงชวนว่าทำต่อไป รายงานครั้งหน้าข้าต้องการบันทึกจากเหยี่ยวสอดแนมทั้งหมด”
ตอนนี้ข้อมูลอาจจะไม่ใช่ความความจริง หากได้เห็นรายละเอียดกับตาถึงจะรู้ชัดว่าเป้าหมายแข็งแกร่งแค่ไหน
องครักษ์รับคำสั่งแล้วจากไป
บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ฉือฉางเหมยเม้มปากคล้ายกำลังคิดอะไร ใบหน้าคมสวยปกคลุมไปด้วยไอหมอกครึ้มที่มองไม่เห็น เหล่าผู้ช่วยที่มาจากตระกูลใหญ่ต่างมองหน้ากันไปมา ทนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหว
“มันเรียกว่าพลิกผันอะไรกัน นี่มันล้มเหลวอีกครั้งแล้วชัดๆ” ใครบางคนพึมพำ
ตาคมของฉือฉางเหมยปราดมองจนคนผู้นั้นตัวแข็งทื่อ อึกอักว่า “ขะ…ข้าแค่บ่นไปอย่างนั้นเอง”
“แค่บ่นหรือ ข้าว่าพวกเจ้าก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร เก่งแต่บ่นนั่นแหละ” ฉือฉางเหมยเอ่ยเสียงเย็น
ประโยคนั้นทำเอาเหล่าผู้ช่วยทั้งหลายนิ่งเป็นหุ่น สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์