Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3101

สรุปบท ตอนที่ 3101 เก้าด่านนภาใหญ่: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 3101 เก้าด่านนภาใหญ่ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 3101 เก้าด่านนภาใหญ่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 3101 เก้าด่านนภาใหญ่

“เซียวเหอ ไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง”

สิงเจี้ยนสยาทอดสายตามองไป

เซียวเหอในชุดดำ รูปร่างสูงใหญ่กำยำเก็บกระบี่ยักษ์คู่ในมือ ก่อนยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่หรอก”

เขานิสัยนิ่งเงียบสงวนวาจา เป็นเช่นนี้เรื่อยมา

“พวกเราไปจากที่นี่ก่อน หาที่ปักหลักสักแห่ง”

สิงเจี้ยนสยากวาดตามองรอบๆ สัมผัสได้อย่างฉับไวว่าพื้นที่ใกล้เคียงมีกลิ่นอายน่าสะพรึงไม่น้อย เห็นชัดว่าถูกการต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดเข้ามา

“ได้”

คนอื่นๆ ล้วนพยักหน้า

กลางหุบเขาที่รายล้อมด้วยพยับหมอกลูกหนึ่ง

พวกหลินสวิน สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีนั่งอยู่บนพื้น

ระหว่างทางมุ่งหน้ามายังหุบเขา หลินสวินรู้ความเป็นมาของมารเฒ่าฉู่และอวิ๋นเซียงจื่อจากปากฟู่หนานหลีแล้ว

มารเฒ่าฉู่นามว่าฉู่ปู้จิ้ว เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้ง

อวิ๋นเซียงจื่อเป็นคู่บำเพ็ญของมารเฒ่าฉู่

สองสามีภรรยาคู่นี้ชื่อเสียงโด่งดังสุดขีดในทุกโลกยุคสมัยในทะเลโชคชะตา ไม่เพียงเพราะพลังต่อสู้ของทั้งคู่น่าสะพรึงยิ่ง แต่ยังเป็นเพราะความสามารถในการหลบหนีของพวกเขาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหล้าอีกด้วย

แม้จะเป็นพวกที่พลังต่อสู้กร้าวแกร่งเหนือพวกเขายังยากจะสกัดกั้นสังหารพวกเขาได้

พวกสิงเจี้ยนสยา จอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอผูกแค้นกับมารเฒ่าฉู่สองสามีภรรยาตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ความแค้นครั้งนี้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน

“ซานเฟิง ตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องให้ข้าฟังอีกหรือ”

สิงเจี้ยนสยาหันมองจอมมรรคซานเฟิง

จอมมรรคซานเฟิงนิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วยิ้มขื่นกล่าว “รู้แต่แรกแล้วว่าปิดเจ้าได้ไม่นานนักหรอก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านี่เพิ่งวันแรกที่มาถึงโลกบัวชะตา เซียวเหอก็ถูกศัตรูพวกนั้นหมายหัวแล้ว ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากรู้ข้าก็ไม่ปิดบังเจ้า”

กล่าวพลางเขาเล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้ฟัง

“ตั้งแต่ยามบัวชะตามหามรรคดอกแรกของยุคสมัยนี้ปรากฏขึ้นมา ข้า เหล่าไป๋เจ๋อ เหล่ามู่ และเซียวเหอก็เข้าร่วมด้วยกัน และเป็นตอนนั้นเองพวกเราถึงพบว่าศัตรูก่อนหน้านี้รวมกลุ่มเป็นพันธมิตรกัน”

“พันธมิตรหรือ” สิงเจี้ยนสยาหรี่ตา

“ใช่ พันธมิตรนี้นำโดยอิงเทียนเซิงแห่งยุคมาร รวมพลขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สิบเก้าคนรวมมารเฒ่าฉู่สองสามีภรรยาด้วย”

จอมมรรคซานเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในพันธมิตรนี้ส่วนใหญ่มีแค้นกับพวกเรา หลังจากพวกเราเข้าสู่โลกบัวชะตาเคยถูกโจมตีจากอีกฝ่ายมากกว่าหนึ่งครั้ง”

“ส่งผลให้ยามบัวชะตามหามรรคปรากฏในสามครั้งก่อน แม้พวกเราจะมีโอกาสเข้าร่วม แต่ทุกครั้งล้วนถูกพวกอิงเทียนเซิงขัดขวาง จำเป็นต้องหนีออกจากโลกบัวชะตานี้ก่อนล่วงหน้า”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “และในโลกบัวชะตาที่ปรากฏครั้งที่สี่ เหล่าไป๋เจ๋อกับเหล่ามู่ยิ่งถูกอีกฝ่ายซุ่มโจมตีขณะหลบหนี ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบร่วงหล่นอยู่ที่นี่ จนกระทั่งยามโลกบัวชะตาครั้งนี้ปรากฏ อาการบาดเจ็บของพวกเขาสองคนยังไม่หายดีย่อมไม่มีโอกาสเข้าร่วม”

ฟังถึงตรงนี้สีหน้าของสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีล้วนเปลี่ยนเป็นอึมครึม

ศัตรูเหล่านี้ถึงกับรวมกลุ่มเป็นพันธมิตรกัน ซ้ำยังโจมตีพวกจอมมรรคซานเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า นี่รังแกกันเกินไปชัดๆ!

“อันที่จริงเรื่องอย่างการจับกลุ่มเป็นพันธมิตร ในโลกบัวชะตาพบเห็นบ่อยไม่แปลกใหม่ เพราะอย่างไรยิ่งกำลังคนมากก็ยิ่งมีอานุภาพขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการต่อสู้แย่งชิงระหว่างขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ จำนวนคนมากน้อยมักเป็นกุญแจสำคัญ”

จอมมรรคซานเฟิงกล่าวเสียงเบา “อย่างพวกซินหู เหลยซ่งก็เป็นพันธมิตรกับเจ้าเฒ่าส่วนหนึ่งจากยุคสมัยอื่นนานแล้ว หาไม่ด้วยพลังของพวกเขามีหรือจะยึดครองโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ในการต่อสู้ครั้งก่อนได้”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดถามไม่ได้ว่า “พวกเขาเป็นพันธมิตรกับใครหรือ”

จอมมรรคซานเฟิงกล่าวว่า “เจ้าเฒ่ากลุ่มหนึ่งนำโดย ‘ตู้เฟิง’ แห่งยุคธรรม รวมถึงพวก ‘เวิงซิงไห่’ จากยุคพ่อมด”

สิงเจี้ยนสยากล่าวเสริมจากด้านข้างคล้ายกลัวว่าหลินสวินจะไม่รู้ความสัมพันธ์ในนั้น “อันที่จริงเดิมทีพวกซินหู เหลยซ่งก็มาจากยุคธรรมและยุคพ่อมด หรือกล่าวได้ว่าบรรพจารย์ซื่อแห่งลัทธิฌาน และบรรพจารย์เทียนอูแห่งลัทธิพ่อมด ก็ก้าวออกมาจากสองอารยธรรมยุคสมัยนั้น”

หลินสวินกระจ่าง

จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา…

‘เก้ายอดเคราะห์มรรค’ ที่ประสบในสายธารยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชคปีนั้น พิบัติเคราะห์แข็งแกร่งที่สุดเก้าชนิดที่พุ่งเป้าเล่นงานระดับนิรันดร์ก็ถือกำเนิดจากโลกเก้ายุคสมัย

และในเก้ายุคสมัยนี้ก็มียุควิถียุทธ์ ยุคธรรม ยุคพ่อมด เป็นต้น

อย่างพวกสิงเจี้ยนสยา จอมมรรคซานเฟิงก็มาจากยุควิถียุทธ์

อย่างซินหูมาจากยุคธรรม

เหลยซ่งมาจากยุคพ่อมด

ถึงขั้นที่ทูตชะตาสวรรค์อิงซานอิงที่พบเจอในปีนั้นก็มาจากยุคมรรค หนึ่งในเก้ายุคสมัยด้วยเช่นกัน

เมื่อสันนิษฐานเช่นนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ทันที ว่ามารเฒ่าฉู่และอวิ๋นเซียงจื่อที่เจอก่อนหน้านี้น่าจะมาจากยุคมารหนึ่งในเก้ายุคสมัย!

‘น่าสนใจ หรือว่าอารยธรรมยุคสมัยที่แข็งแกร่งที่สุดในสายธารยุคสมัยนั่นก็คือเก้ายุคนี้’

หลินสวินคิดถึงตรงนี้พลันค้นพบเรื่องหนึ่งทันที หลังจากอารยธรรมเก้ายุคสมัยนี้ล่มสลายก็ไม่ได้คงอยู่ในแหล่งสถานศุภโชค!

นี่เหมือนกับอารยธรรมเซียนยุทธ์ในยุคสมัยก่อน ล้วนมอดดับโดยสิ้นเชิงในการดับสิ้นของยุคสมัย ไม่เหมือนอารยธรรมยุคสมัยอื่นๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในแหล่งสถานศุภโชค

‘นี่หมายความว่าอายรธรรมยุคสมัยยิ่งใหญ่มากเท่าไร เคราะห์ของการดับสิ้นของยุคสมัยที่ต้องเผชิญก็ยิ่งน่ากลัวมเท่านั้น และยิ่งหายสาบสูญโดยสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดายมากเท่านั้นใช่หรือไม่’

หลินสวินรู้สึกรางๆ ว่าน่าจะเป็นเช่นนี้

“สถานการณ์อันตรายขนาดนี้แล้ว ในโลกบัวชะตาครั้งก่อนเจ้ายังไปลอบโจมตีพวกซินหู ไม่รักชีวิตชัดๆ”

สิงเจี้ยนสยาถอนใจเบาๆ ดูคลายกล่าวโทษ แต่ที่จริงในใจก็อบอุ่นเช่นกัน

“ข้าไม่ได้ลอบโจมตีคนเดียว แต่เป็นข้าและพวกเซียวเหอ เหล่าไป๋เจ๋อลอบโจมตีพร้อมกัน”

พื้นที่ใจกลางในโลกบัวชะตามี ‘แท่นมรรคบัวชะตา’ ตั้งอยู่แท่นหนึ่ง ใครสามารถครอบครองแท่นมรรคบัวชะตาเป็นเวลาหนึ่งวัน คนผู้นั้นก็สามารถชิงโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์นั่นได้ และกลายเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้าย

และรอบแท่นมรรคบัวชะตามี ‘ด่านนภา’ กระจายอยู่เก้าแห่ง

ด่านนภาแต่ละแห่งก็เหมือนปราการเก่าแก่สูงตระหง่านแห่งหนึ่ง มีเพียงยึดครองด่านนภาหนึ่งแห่งเท่านั้นจึงจะมีโอกาสไปครอบครองแท่นมรรคบัวชะตา

ช่วงที่ผ่านมาทุกครั้งยามการต่อสู้ปะทุขึ้น ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละฝ่ายล้วนจะไปช่วงชิงด่านนภาโดยไม่สนใจทุกสิ่ง

ที่ทำไปก็เพื่อจะได้มีโอกาสไปยึดครองแท่นมรรคบัวชะตา!

ส่วนผู้ฝึกปราณนอกเก้าด่านนภาใหญ่ แม้จะมีฝีมือเทียมฟ้าก็ไม่มีโอกาสไปแย่งชิงแท่นมรรคบัวชะตา

และเพราะเป็นเช่นนี้ เก้าด่านนภานั่นจึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่นองเลือดที่อำมหิตที่สุดในโลกบัวชะตา

“พวกเราไม่มีโอกาสใดๆ ไปยึดด่านนภาสักแห่งได้ ต่อให้ยึดมาได้ก็จะถูกผู้อื่นแย่งไปได้ทุกเมื่อ สถานที่แห่งนั้น… ไม่ใช่ที่ที่พวกเราจะเข้าไปสอดมือได้สักนิด”

จอมมรรคซานเฟิงถอนใจเบาๆ

เขาเคยเข้าร่วมการต่อสู้ในโลกบัวชะตาหลายครั้ง มีหรือจะไม่รู้ว่าการแย่งชิงเก้าด่านนภาใหญ่อันตรายเพียงใด

แม้แต่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ยังต้องเผชิญอันตรายถึงชีวิต!

แววตาสิงเจี้ยนสยาวาววับ “พวกเราแค่ไปท้าทายเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อช่วงชิงแท่นมรรคบัวชะตานั่นจริงๆ เสียหน่อย”

“ท้าท้ายหรือ”

จอมมรรคซานเฟิงอึ้งไป

“ไม่ผิด”

สิงเจี้ยนสยาพยักหน้า

หลินสวินฟังถึงตรงนี้ก็เข้าใจความคิดของสิงเจี้ยนสยาขึ้นมารางๆ แล้ว

ในเก้าด่านนภาใหญ่ ไม่ว่าผู้ครอบครองด่านนภาคนใดก็ตามล้วนสามารถควบคุมพลังกฎระเบียบของด่านนภานั้นๆ ได้ กลายเป็นเจ้าของด่านนภาแห่งนั้น

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพบเจอการช่วงชิงจากผู้ฝึกปราณคนอื่น

วิธีช่วงชิงก็ง่ายดายยิ่ง

นอกด่านนภาแต่ละแห่งล้วนตั้งป้ายศิลาไว้สองแผ่น แผ่นหนึ่งสลักว่า ‘ตัดสินเป็นตาย’ อีกแผ่นสลักว่า ‘ตัดสินแพ้ชนะ’

ศิลาสองแผ่นนี้ถูกเรียกว่า ‘ศิลาสังเวียนมหามรรค’

ผู้ที่หมายช่วงชิงด่านนภา เพียงแค่ต้องเคาะศิลาสังเวียนมหามรรคด้วยพลังมหามรรคของตนก็สามารถเริ่มท้าทายได้

ส่วนผู้ครอบครองด่านนภาจำเป็นต้องรับคำท้าภายในสามสิบลมหายใจหลังจากเสียงศิลาสังเวียนมหามรรคดังขึ้น!

เมื่อผ่านไปสามสิบลมหายใจ หากไม่รับคำท้า ผู้ครอบครองด่านนภาก็จะสูญเสียการควบคุมกฎระเบียบด่านนภาและถูกขับไล่ออกมา

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์