ตอนที่ 3102 ออกโจมตี
ผู้ที่มุ่งหน้ามาท้าทาย เลือกเคาะศิลาสังเวียนมหามรรคที่สลักว่า ‘ตัดสินเป็นตาย’ ก็ต้องต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายจึงจะสิ้นสุด
หากเลือกศิลาสังเวียนมหามรรค ‘ตัดสินแพ้ชนะ’ แค่ต้องรู้ผลแพ้ชนะก็พอ
ในช่วงที่ผ่านมาผู้ท้าทายด่านนภาส่วนใหญ่ล้วนเลือก ‘ตัดสินแพ้ชนะ’
มีเพียงพวกที่แค้นกันฝังลึกเท่านั้นจึงจะเลือก ‘ตัดสินเป็นตาย’
แต่สุดท้ายนี่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย
เพื่อเอาชีวิตรอด หรือเพื่อช่วงชิงโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ก็ไม่ขาดศัตรูคู่อาฆาตที่เลือก ‘ตัดสินแพ้ชนะ’
สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือเจ้าของด่านนภาครองข้อได้เปรียบยิ่งใหญ่ที่สุด คือสามารถเลือกต่อสู้เองหรือให้พวกพ้องข้างกายคนอื่นๆ ออกมาสู้ก็ได้
ขณะเดียวกันพลังกฎระเบียบที่เจ้าของด่านนภาครอบครองสามารถรับรองได้ว่า ยามการท้าทายทั้งหมดเกิดขึ้นและสิ้นสุดล้วนไม่ต้องห่วงว่าจะถูกผู้อื่นลอบโจมตี
และนี่ก็หมายความว่ามีเพียงผู้ที่เฝ้าด่านนภาแห่งหนึ่งไว้ได้เท่านั้นจึงจะมีโอกาสไปแย่งชิงแท่นมรรคบัวชะตา ส่วนคนอื่นๆ แม้แต่ด่านนภายังเข้าไม่ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสไปแย่งชิงแท่นมรรคบัวชะตา
“เจ้าตั้งใจจะท้าทายอย่างไร”
จอมมรรคซานเฟิงเอ่ยปากถาม
สิงเจี้ยนสยาทอดสายตามองหลินสวิน “ตอนนี้สหายน้อยหลินต้องการการต่อสู้และเข่นฆ่าจากศัตรูที่คู่ควรอย่างเร่งด่วน มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะทำให้เขาทะลวงมรรควิถีในตัว ก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขตได้สำเร็จ ดังนั้นข้าจึงวางเป้าหมายไว้ที่เก้าด่านนภาใหญ่ สำหรับสหายน้อยหลิน ที่นั่นเป็นสถานที่ต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”
เมื่อได้ยินแม้แต่เซียวเหอที่นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจายังอดไม่ไหวกล่าวว่า “ทะลวงขั้นหรือ”
นี่เป็นถึงทะเลโชคชะตา!
เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพไม่มีทางปรากฏที่นี่ได้สักนิด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะเอ่ยถึงการแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตได้อย่างไร
จอมมรรคซานเฟิงก็แคลงใจไม่หยุดเช่นกัน
สิงเจี้ยนสยายิ้มกล่าว “ข้าลืมบอกเจ้าสองคนไป สหายน้อยหลินเคยแจ้งมรรคที่สายธารยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชค มรรควิถีในตัวเขาหลุดพ้นการสับเปลี่ยนยุคสมัยนานแล้ว เหยียบย่างมรรคาสูงสุดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ได้รับอิทธิพลจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอีกต่อไป”
จอมมรรคซานเฟิงสูดหายใจสะท้าน “หรือก็คือ แม้แต่การแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตเขาก็ยังแตกต่างจากเฒ่าชราอย่างพวกเราโดยสิ้นเชิงหรือ”
“ถูกต้อง” สิงเจี้ยนสยาพยักหน้า
ยามนี้เซียวเหออึ้งค้าง เผยแววยากจะเชื่อออกมา “หนึ่งบัวดอกนั้นที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดถึงปรากฏตัวแล้วจริงๆ หรือ”
เห็นชัดว่าเขาก็เคยได้ยินข่าวลือ ‘หนึ่งบัวหมื่นกาล’ เช่นกัน
“หากสหายน้อยหลินสามารถแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตได้…”
ฟู่หนานหลีแววตาวาววับ “นั่นต้องมีพลังต่อสู้น่าสะพรึงปานใด”
เห็นชัดว่าเขาตื่นเต้นยิ่ง
ลองคิดๆ ดู หลินสวินในขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ยังสามารถใช้พลังในตัวรั้งขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคนได้!
ทั้งสามารถสังหารพวกร้ายกาจอย่างจื่อเชออู๋จี้ที่พลังต่อสู้ด้อยกว่าซินหูเล็กน้อยได้
สามารถสังหารชางหลงเยวี่ยและผานอู่ฝูเซิงได้!
ถึงขั้นที่แม้แต่การโจมตีสละชีพของซินหูยังถูกเขาต้านเอาไว้ได้
ภายใต้สถานการณ์ที่หากหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต มรรควิถีในตัวเลื่อนขึ้นหนึ่งขั้นใหญ่ พลังต่อสู้ของเขาจะเปลี่ยนแปลงถึงขั้นน่าเหลือเชื่อปานใด
และถึงตอนนั้นพวกเฒ่าชราที่โลกวิญญาณยุทธ์เหล่านั้นมีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ที่น่ากลัวที่สุดคือหลินสวินยังมีห้าร่างแยกมหามรรค ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคนเดียวก็สามารถเทียบได้กับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ปลายยอดถึงหกคน!
นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ฟู่หนานหลีตื่นเต้น
และเวลานี้ฟู่หนานหลีจึงเข้าใจจุดประสงค์ของสิงเจี้ยนสยา
ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขา ไม่มีทางไปต้านทานกับฝั่งศัตรูพวกนั้นได้สักนิด
แต่ขอเพียงหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต สถานการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง!
“เหล่าฟู่ เจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องรับรองได้ว่าสหายน้อยหลินจะแจ้งมรรคสำเร็จ นี่ก็หมายความว่าแม้พวกเราจะมุ่งหน้าไปเก้าด่านนภาใหญ่ ก็ต้องทำให้แน่ใจว่าสหายน้อยหลินจะไม่ถูกผู้อื่นทำร้าย”
สิงเจี้ยนสยากล่าวอย่างใจเย็น
ฟู่หนานหลีสะท้าน พยักหน้าน้อยๆ
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ในเมื่อเป็นการท้าทาย ไม่สู้พวกเราเลือกด่านนภาที่ถูกศัตรูยึดครองสักแห่ง”
หลินสวินพลันเอ่ยปาก “เช่นนี้จะได้ถือโอกาสจัดการคู่ต่อสู้ส่วนหนึ่งด้วย”
“เจ้า… หรือว่าตั้งใจจะ ‘ตัดสินเป็นตาย’”
พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีล้วนตกใจกับความคิดของหลินสวิน
“ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดวางใจ ข้าไม่ได้บุ่มบ่าม ถึงตอนนั้นดำเนินการตามโอกาสก็พอ หากเจอพวกที่ไม่มีทางเอาชนะได้จริงๆ มีหรือข้าจะเอาชีวิตไปเสี่ยง”
หลินสวินยิ้มกล่าว
พวกสิงเจี้ยนสยาถึงค่อยลอบถอนหายใจโล่งอก
“ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนบอกเองว่าขอเพียงพวกเรารอดชีวิต ภายหน้ายังมีโอกาสแก้แค้นและชิงโอกาสอีกมาก ดังนั้นเจ้าไม่มีทางบุ่มบ่ามเด็ดขาด”
สิงเจี้ยนสยากล่าวเคร่งขรึม
นี่คือความห่วงใยและใส่ใจจากใจจริง
แน่นอนว่าหลินสวินย่อมรับรู้ได้ ในใจเขาอุ่นซ่าน กล่าวว่า “ผู้อาวุโสแค่วางใจก็พอ”
ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศระลอกหนึ่งลอยมาแต่ไกล ก็เห็นเงาร่างของกู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ย และเสวี่ยเย่สามคนเคลื่อนที่มาด้วยกัน
เมื่อเห็นทั้งสามคนปลอดภัยดี สิงเจี้ยนสยาถอนหายใจโล่งอก หยัดตัวลุกขึ้นแล้วกล่าว “คนมาครบแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”
…
เก้าด่านนภาใหญ่มีชื่อเรียกต่างกันออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์