Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3102

สรุปบท ตอนที่ 3102 ออกโจมตี: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3102 ออกโจมตี – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3102 ออกโจมตี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 3102 ออกโจมตี

ผู้ที่มุ่งหน้ามาท้าทาย เลือกเคาะศิลาสังเวียนมหามรรคที่สลักว่า ‘ตัดสินเป็นตาย’ ก็ต้องต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายจึงจะสิ้นสุด

หากเลือกศิลาสังเวียนมหามรรค ‘ตัดสินแพ้ชนะ’ แค่ต้องรู้ผลแพ้ชนะก็พอ

ในช่วงที่ผ่านมาผู้ท้าทายด่านนภาส่วนใหญ่ล้วนเลือก ‘ตัดสินแพ้ชนะ’

มีเพียงพวกที่แค้นกันฝังลึกเท่านั้นจึงจะเลือก ‘ตัดสินเป็นตาย’

แต่สุดท้ายนี่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย

เพื่อเอาชีวิตรอด หรือเพื่อช่วงชิงโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ก็ไม่ขาดศัตรูคู่อาฆาตที่เลือก ‘ตัดสินแพ้ชนะ’

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือเจ้าของด่านนภาครองข้อได้เปรียบยิ่งใหญ่ที่สุด คือสามารถเลือกต่อสู้เองหรือให้พวกพ้องข้างกายคนอื่นๆ ออกมาสู้ก็ได้

ขณะเดียวกันพลังกฎระเบียบที่เจ้าของด่านนภาครอบครองสามารถรับรองได้ว่า ยามการท้าทายทั้งหมดเกิดขึ้นและสิ้นสุดล้วนไม่ต้องห่วงว่าจะถูกผู้อื่นลอบโจมตี

และนี่ก็หมายความว่ามีเพียงผู้ที่เฝ้าด่านนภาแห่งหนึ่งไว้ได้เท่านั้นจึงจะมีโอกาสไปแย่งชิงแท่นมรรคบัวชะตา ส่วนคนอื่นๆ แม้แต่ด่านนภายังเข้าไม่ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสไปแย่งชิงแท่นมรรคบัวชะตา

“เจ้าตั้งใจจะท้าทายอย่างไร”

จอมมรรคซานเฟิงเอ่ยปากถาม

สิงเจี้ยนสยาทอดสายตามองหลินสวิน “ตอนนี้สหายน้อยหลินต้องการการต่อสู้และเข่นฆ่าจากศัตรูที่คู่ควรอย่างเร่งด่วน มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะทำให้เขาทะลวงมรรควิถีในตัว ก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขตได้สำเร็จ ดังนั้นข้าจึงวางเป้าหมายไว้ที่เก้าด่านนภาใหญ่ สำหรับสหายน้อยหลิน ที่นั่นเป็นสถานที่ต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

เมื่อได้ยินแม้แต่เซียวเหอที่นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจายังอดไม่ไหวกล่าวว่า “ทะลวงขั้นหรือ”

นี่เป็นถึงทะเลโชคชะตา!

เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพไม่มีทางปรากฏที่นี่ได้สักนิด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะเอ่ยถึงการแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตได้อย่างไร

จอมมรรคซานเฟิงก็แคลงใจไม่หยุดเช่นกัน

สิงเจี้ยนสยายิ้มกล่าว “ข้าลืมบอกเจ้าสองคนไป สหายน้อยหลินเคยแจ้งมรรคที่สายธารยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชค มรรควิถีในตัวเขาหลุดพ้นการสับเปลี่ยนยุคสมัยนานแล้ว เหยียบย่างมรรคาสูงสุดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ได้รับอิทธิพลจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอีกต่อไป”

จอมมรรคซานเฟิงสูดหายใจสะท้าน “หรือก็คือ แม้แต่การแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตเขาก็ยังแตกต่างจากเฒ่าชราอย่างพวกเราโดยสิ้นเชิงหรือ”

“ถูกต้อง” สิงเจี้ยนสยาพยักหน้า

ยามนี้เซียวเหออึ้งค้าง เผยแววยากจะเชื่อออกมา “หนึ่งบัวดอกนั้นที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดถึงปรากฏตัวแล้วจริงๆ หรือ”

เห็นชัดว่าเขาก็เคยได้ยินข่าวลือ ‘หนึ่งบัวหมื่นกาล’ เช่นกัน

“หากสหายน้อยหลินสามารถแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตได้…”

ฟู่หนานหลีแววตาวาววับ “นั่นต้องมีพลังต่อสู้น่าสะพรึงปานใด”

เห็นชัดว่าเขาตื่นเต้นยิ่ง

ลองคิดๆ ดู หลินสวินในขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ยังสามารถใช้พลังในตัวรั้งขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สามคนได้!

ทั้งสามารถสังหารพวกร้ายกาจอย่างจื่อเชออู๋จี้ที่พลังต่อสู้ด้อยกว่าซินหูเล็กน้อยได้

สามารถสังหารชางหลงเยวี่ยและผานอู่ฝูเซิงได้!

ถึงขั้นที่แม้แต่การโจมตีสละชีพของซินหูยังถูกเขาต้านเอาไว้ได้

ภายใต้สถานการณ์ที่หากหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต มรรควิถีในตัวเลื่อนขึ้นหนึ่งขั้นใหญ่ พลังต่อสู้ของเขาจะเปลี่ยนแปลงถึงขั้นน่าเหลือเชื่อปานใด

และถึงตอนนั้นพวกเฒ่าชราที่โลกวิญญาณยุทธ์เหล่านั้นมีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

ที่น่ากลัวที่สุดคือหลินสวินยังมีห้าร่างแยกมหามรรค ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคนเดียวก็สามารถเทียบได้กับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ปลายยอดถึงหกคน!

นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ฟู่หนานหลีตื่นเต้น

และเวลานี้ฟู่หนานหลีจึงเข้าใจจุดประสงค์ของสิงเจี้ยนสยา

ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขา ไม่มีทางไปต้านทานกับฝั่งศัตรูพวกนั้นได้สักนิด

แต่ขอเพียงหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต สถานการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง!

“เหล่าฟู่ เจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องรับรองได้ว่าสหายน้อยหลินจะแจ้งมรรคสำเร็จ นี่ก็หมายความว่าแม้พวกเราจะมุ่งหน้าไปเก้าด่านนภาใหญ่ ก็ต้องทำให้แน่ใจว่าสหายน้อยหลินจะไม่ถูกผู้อื่นทำร้าย”

สิงเจี้ยนสยากล่าวอย่างใจเย็น

ฟู่หนานหลีสะท้าน พยักหน้าน้อยๆ

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ในเมื่อเป็นการท้าทาย ไม่สู้พวกเราเลือกด่านนภาที่ถูกศัตรูยึดครองสักแห่ง”

หลินสวินพลันเอ่ยปาก “เช่นนี้จะได้ถือโอกาสจัดการคู่ต่อสู้ส่วนหนึ่งด้วย”

“เจ้า… หรือว่าตั้งใจจะ ‘ตัดสินเป็นตาย’”

พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีล้วนตกใจกับความคิดของหลินสวิน

“ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดวางใจ ข้าไม่ได้บุ่มบ่าม ถึงตอนนั้นดำเนินการตามโอกาสก็พอ หากเจอพวกที่ไม่มีทางเอาชนะได้จริงๆ มีหรือข้าจะเอาชีวิตไปเสี่ยง”

หลินสวินยิ้มกล่าว

พวกสิงเจี้ยนสยาถึงค่อยลอบถอนหายใจโล่งอก

“ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนบอกเองว่าขอเพียงพวกเรารอดชีวิต ภายหน้ายังมีโอกาสแก้แค้นและชิงโอกาสอีกมาก ดังนั้นเจ้าไม่มีทางบุ่มบ่ามเด็ดขาด”

สิงเจี้ยนสยากล่าวเคร่งขรึม

นี่คือความห่วงใยและใส่ใจจากใจจริง

แน่นอนว่าหลินสวินย่อมรับรู้ได้ ในใจเขาอุ่นซ่าน กล่าวว่า “ผู้อาวุโสแค่วางใจก็พอ”

ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศระลอกหนึ่งลอยมาแต่ไกล ก็เห็นเงาร่างของกู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ย และเสวี่ยเย่สามคนเคลื่อนที่มาด้วยกัน

เมื่อเห็นทั้งสามคนปลอดภัยดี สิงเจี้ยนสยาถอนหายใจโล่งอก หยัดตัวลุกขึ้นแล้วกล่าว “คนมาครบแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”

เก้าด่านนภาใหญ่มีชื่อเรียกต่างกันออกไป

แต่ในโลกบัวชะตาแห่งนี้อย่าว่าแต่ขั้นสรรสร้าง แม้กระทั่งขั้นไร้ขอบเขตเล็กทั่วไปก็ยังไม่น่ามองพอ

ขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินปรากฏตัวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่อยากดึงดูดสายตาผู้คนยังยาก

ความรู้สึกนั้นก็เหมือนเห็นมดปลวกตัวหนึ่งบุกเข้าสู่ฟ้าดินของมังกรเทพ ไม่ต้องพูดถึงว่าน่าประหลาดใจแค่ไหน

ทว่าไม่นานหลินสวินก็ถูกมองข้าม

นี่เหมือนสิ่งที่เขาประสบยามเพิ่งเข้าสู่โลกบัวชะตา ไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา และการมองข้ามอันที่จริงก็เป็นการดูถูกอย่างร้ายแรงที่สุด

“สหายยุทธ์ซานเฟิง รีบออกไปโดยด่วน อย่ามัวโอ้เอ้อยู่ที่นี่ ด่านนภาสี่ลักษณ์แห่งนี้ถูกพวกอิงเทียนเซิงยึดครองแล้ว หากให้พวกเขาจับได้ ต้องพุ่งออกมาจัดการพวกเจ้าแน่แท้”

ก่อนจะมาถึงด่านนภาสี่ลักษณ์ของจริงก็มีชายชราชุดคลุมเงินคนหนึ่งส่งเสียงร้องเตือน บอกให้พวกจอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอรู้ตัว

สายตาที่คนอื่นๆ ในที่นี้มองทางพวกหลินสวินเจือแววแปลกไป

ในโลกบัวชะตาแห่งนี้ ความแค้นระหว่างพวกอิงเทียนเซิงและพวกจอมมรรคซานเฟิงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันทั่วนานแล้ว

แต่ตอนนี้ พวกจอมมรรคซานเฟิงกลับเป็นฝ่ายปรากฏตัวที่นี่เอง จะไม่ให้คนคิดเตลิดเปิดเปิงได้อย่างไร

“ขอบคุณที่เตือน แต่ครั้งนี้พวกเราก็มาเพราะเฒ่าสารเลวอย่างพวกอิงเทียนเซิงโดยเฉพาะอยู่แล้ว”

จอมมรรคซานเฟิงเอ่ยปากราบเรียบ

ประโยคเดียวเรียกเสียงฮือฮาระลอกหนึ่งขึ้นในที่นี้ พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนมองหน้ากันไปมา นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกจอมมรรคซานเฟิงตั้งใจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ตัดสินเป็นตายกับพวกอิงเทียนเซิงหรือ

“ไม่รู้จักเป็นตาย!”

ทันใดนั้น บนด่านนภาสี่ลักษณ์สูงตระหง่านพันจั้งเต็มบริเวณไกลโพ้นก็ปรากฏเงาร่างกลุ่มหนึ่งขึ้น แต่ละคนส่องประกายเจิดจ้า อานุภาพน่าสะพรึง

และผู้ที่เอ่ยปาก เป็นมารเฒ่าฉู่ฉู่ปู้จิ้ว

เขากอดสองมือไว้ตรงอก สายตาเจือแววเย็นเยียบอย่างล้อเลียน มองหยันพวกหลินสวินที่อยู่ไกลๆ แล้วกล่าว “แค่เจ้าเฒ่าอย่างพวกเจ้า ยังพาเจ้าตัวจ้อยขั้นสรรสร้างมาด้วยคนหนึ่ง ช่าง…คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ!”

กลุ่มคนข้างตัวมารเฒ่าฉู่ล้วนหัวเราะขึ้นมา สายตาบ้างก็เลือดเย็น บ้างก็เหยียดแคลน บ้างก็ไอสังหารไหลเวียน หรือไม่ก็ไม่เอาเป็นธุระ…

“ถือโอกาสตอนที่พวกเรายังไม่เดือดดาล รีบไสไปซะ! หาไม่ จะฆ่าพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!”

ชายชุดคลุมทองหน้าตาหยาบกร้าน ผิวดำคล้ำ นัยน์ตาดุจดวงอาทิตย์สีดวงคนหนึ่งตะโกนลั่น เสียงราวฟ้าคำราม สะท้อนโครมครามก้องฟ้าดิน

นี่ไม่เพียงไม่เกรงใจสักนิดที่ไหน แต่กำลังหมิ่นเกียรติพวกหลินสวินชัดๆ

“เฒ่าสารเลวพวกนี้คงไม่คิดว่าพวกมาทำเพื่อเฝ้าด่านนภาสี่ลักษณ์ เลยไม่กล้าบุกออกไปจัดการพวกเขาหรอกกระมัง”

ชายชุดผ้าป่านราวเด็กหนุ่ม ผิวสีขาวเนียนคนหนึ่งเอ่ยกล่าวอย่างเนิบนาบ

“สู้เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ให้ข้าพาสหายยุทธ์ส่วนหนึ่งไปสังหารพวกเขาก่อน และถือว่าเชือดไก่ให้ลิงดู เคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์ด้วย เลี่ยงไม่ให้ต่อจากนี้ยังมีคนมุ่งหน้ามาท้าทายชิงด่านนภาสี่ลักษณ์อย่างไม่กลัวตายอีก”

ประโยคนี้ทำให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่กระจายอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงล้วนสีหน้าขรึมลง ไม่น่าดูอยู่บ้าง

มีหรือพวกเขาจะฟังไม่ออก คำพูดของชายชุดผ้าป่านดูเหมือนพุ่งเป้าใส่พวกจอมมรรคซานเฟิง อันที่จริงตักเตือนและข่มขู่พวกเขาอยู่

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์