Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3175

ตอนที่ 3175 ย้อนทวนอดีต หนานเคอหวงเหลียง

โถงใหญ่เงียบสงัด ไอสังหารอบอวล

สายตาหลินสวินกวาดมองทุกคนพลางกล่าว “ทำไมถึงเหลือแค่พวกเจ้า”

ถูซานเหลิ่งเงียบไปสักครู่จึงกล่าว “ผู้ร่วมวิถีเหล่านั้นจากไปเพราะกลัวอานุภาพของสหายยุทธ์หลิน นี่เท่ากับยอมจำนนแล้ว วันหน้าหากสหายยุทธ์หลินเจอพวกเขา หวังว่าจะ… ยั้งมือไว้ไมตรี”

เขาพูดพลางยิ้มเจื่อนอย่างอดไม่ได้ “แน่นอน ข้ารู้ว่าไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสหายยุทธ์หลินให้ทำเช่นนี้ แต่จากมุมมองข้า ชีวิตนี้เกรงว่าพวกที่จากไปนั้นคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าอีกแล้ว”

หลินสวินครุ่นคิดพลางกล่าว “พวกเจ้าล่ะ ทำไมถึงไม่ไป”

ครั้งนี้ถูซานเหลิ่งไม่ลังเลสักนิด กล่าวอย่างเปิดเผย “พวกเราทำตามคำสั่ง ต้องเฝ้าโลกมืดมน”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

หลินสวินพยักหน้ากล่าวทันที “ถ้าสักวันหนึ่งราชันไท่ชูประสบเคราะห์ พวกเจ้าจะอยู่อย่างไร”

พวกถูซานเหลิ่งต่างอึ้งงัน เจ้าลัทธิจะแพ้หรือ

พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ด้วยความแข็งแกร่งของราชันไท่ชูหยั่งรากลงในใจผู้คนนานแล้ว แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะประสบเคราะห์!

“คิดถึงเรื่องนี้ให้ดีเถอะ”

หลินสวินพูดพลางหันหลังจากไป

ซย่าจื้อตามหลังเขาไปติดๆ

กระทั่งเงาร่างพวกเขาหายไป พวกถูซานเหลิ่งล้วนยากจะเชื่ออยู่บ้าง หลินสวิน… จากไปเช่นนี้หรือ

“เขาถึงกับปล่อยพวกเราไปหรือ”

ครู่ใหญ่จึงมีคนเอ่ยถาม หว่างคิ้วเจือความสงสัย ไม่อาจเชื่อได้

“บางทีในสายตาของเขา คนแก่อย่างพวกเราคงไม่ต่างอะไรกับกุ้งฝอยปลาน้อย ผู้อยู่ในสายตาเขาอาจมีแค่บุคคลระดับจอมมรรคไร้ขอบเขตขึ้นไป…”

มีคนเอ่ยเสียงขื่น

“จากคำพูดเมื่อครู่ของเขา สักวันหนึ่งเขาคิดจะไปจัดการเจ้าลัทธิหรือ”

มีคนสีหน้าปรวนแปร

“ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้พวกเราก็เอาชีวิตรอดมาได้ ยังนับว่าเป็น… เรื่องดีอย่างหนึ่งกระมัง”

มีคนพึมพำ

เวลานี้เอง…

ถูซานเหลิ่งที่เงียบมาครู่ใหญ่พลันโค้งตัว ประสานมือไปตรงประตูทางเข้าโถงใหญ่

แม้ไม่ได้เอ่ยคำ แต่ไม่ว่าใครต่างเข้าใจ ถูซานเหลิ่งกำลังขอบคุณหลินสวินที่ปรานีไม่สังหาร!

“ทำไมไม่ฆ่าพวกเขา”

กลางอากาศซย่าจื้อสงสัยอยู่บ้าง เมื่อก่อนหลินสวินฆ่าฟันเด็ดขาด ไม่เคยยั้งมือใจอ่อนเช่นนี้

“ไม้ล้มวานรเตลิด ต้นไม้ของพวกเขาคือราชันไท่ชู มีแค่เอาชนะคนผู้นี้จึงแก้ปัญหาได้ในคราเดียว มิฉะนั้นตอนนี้ต่อให้ฆ่าคนมากแค่ไหน แต่ขอแค่ราชันไท่ชูยังอยู่ก็มีข้ารับใช้ใหม่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “แน่นอนว่าสิ่งสำคัญกว่าคือข้าไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาต้องส่งข่าวให้ทูตชะตาสวรรค์คนอื่นในเก้าภาคีไท่ชูแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้การเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเรา ใครจะจัดการพวกเราก็ต้องชั่งน้ำหนักถึงผลที่ตามมาแล้ว”

“เหมือนการที่เจ้าไม่ฆ่าชายวัยกลางคนนั่นตอนอยู่เมืองหลวงอาณาจักรสมโภชโลกแปรปุถุชนหรือ”

“ใช่ การให้พวกเขารอดชีวิต กลับจะทำลายจิตต่อสู้ในกลุ่มพวกเขา ทำให้ฝ่ายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นซ่านเซ็น หากพวกเขาตายไปก็ไม่มีใครช่วยข้าส่งข่าวบอกศัตรูคนอื่นแล้ว”

หลินสวินกล่าว “แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือจัดการราชันไท่ชู ดังคำกล่าวว่าจับโจรต้องจับหัวหน้า ไม่กำจัดหัว ภัยพิบัติยังคงอยู่ชั่วกาล”

“แต่ตอนนี้เจ้าเอาชนะเขาได้แล้วหรือ” ซย่าจื้อถาม

หลินสวินส่ายหัวพูดเสียงเบา “ยังไม่ได้ แต่สิ่งที่ข้ามีคือโอกาสเปลี่ยนแปลงยกระดับ แต่เขาไม่มีแล้ว นี่ก็คือข้อได้เปรียบของข้า!”

“นี่หมายความว่าอย่างไร”

ซย่าจื้อไม่เข้าใจอยู่บ้าง

หลินสวินกล่าวอธิบายอย่างอดทน “เมื่อนานมาแล้วราชันไท่ชูก็มาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์เช่นกัน ตอนนั้นเขาย่อมเหมือนพวกเราตอนนี้ บุกผ่านประตูสวรรค์เก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณ ก้าวผ่านทางพิฆาตมรรค สุดท้ายไปถึงแดนเทพมากเร้นนั่น”

“เจ้าก็รู้ว่านอกจากแดนเทพมากเร้นแล้วยังมีแดนเทพอัศจรรย์อีก สถานที่นั้นยังถูกมองเป็นเขตผนึกอัศจรรย์ นับแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีใครกล้าเข้าไปในนั้นสักคน ไม่ว่าจะเป็นราชันไท่ชูหรือผู้อาวุโสเฉินซีคนนั้นล้วนเป็นเช่นนี้”

“เท่านี้ก็ตัดสินได้แล้วว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ มรรควิถีของยอดบุคคลอย่างไท่ชูกับเฉินซีย่อมติดอยู่ตรงคอขวดมาตลอด ไม่อาจก้าวหน้าอีก มิฉะนั้นด้วยความสามารถของพวกเขา เกรงว่าคงไปค้นหาปริศนาในเขตผนึกอัศจรรย์นานแล้ว”

ซย่าจื้อฟังถึงตรงนี้แล้วอดกล่าวไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าราชันไท่ชูนั่นถูกโซ่กระบี่ที่มือกระบี่คนนั้นทิ้งไว้กำราบอยู่หรอกหรือ”

“ใครจะรู้ว่าถูกกำราบจนไม่อาจหลุดพ้นจริง หรือเป็นภาพลวงที่เจตนาสร้างขึ้นมากันแน่”

หลินสวินกล่าว “ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ผู้อาวุโสเฉินซีก็อยู่ในแดนเทพมากเร้นมาตลอดไม่ใช่หรือ เขาต้องเหมือนไท่ชูแน่ ล้วนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นไร้ขอบเขตแล้ว หรือกล่าวได้ว่ายืนอยู่ตรงปลายทางของขั้นไร้ขอบเขตแล้ว ถึงขั้นว่าเท้าข้างหนึ่งก้าวออกจากมรรคานิรันดร์แล้ว”

“แต่บุคคลอย่างพวกเขากลับติดอยู่ในแดนเทพมากเร้นมานาน นี่ก็พิสูจน์ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ มรรควิถีของพวกเขาต้องไม่มีการเลื่อนขั้นและยกระดับแน่”

หลินสวินเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่ข้าต่างออกไป มรรควิถีของข้ายังมีช่องว่างพอจะยกระดับ โลกมืดมนตอนนี้เป็นแค่โลกชั้นที่สามของแดนเทพสรรพวิญญาณ ต่อจากนี้ยังมีโลกชั้นที่สี่ถึงที่เก้า ทั้งยังมีทางพิฆาตมรรคด้วย”

“เมื่อก่อนพวกเขาได้รับวาสนาสามารถยกระดับมรรควิถีของตน ข้าเองย่อมมีโอกาสได้รับเช่นกัน ขอเพียงข้ารอดชีวิตไปถึงแดนเทพมากเร้น เช่นนั้นข้าก็มีหวังไปยืนอยู่จุดเดียวกับพวกเขา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์