Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3192

สรุปบท ตอนที่ 3192 ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 3192 ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3192 ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3192 ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง

เมื่อเสียงแผ่วลง

สรรพสิ่งบนโลกพลันเปี่ยมพลังชีวิตและสีสันต่างออกไป ต้นไม้ใบหญ้าสิ่งมีชีวิตล้วนมีจิตวิญญาณ เผยท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์และลักษณ์อัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน

ทุกอย่างที่ไม่อาจระบุนั้นล้วนถูกให้คำนิยาม มีชื่อและคุณลักษณะของมัน ทั้งแฝงแก่นอัศจรรย์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เส้นใบและรากของต้นไม้ใบหญ้าล้วนปรากฏร่องรอยมหามรรค ในขนผิว สายเลือด กระดูกของสัตว์ต่างๆ ก็ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคที่ซ่อนเร้นและลึกลับ

ตอนท้ายสุดแม้แต่สรรพสิ่งอย่างก้อนหิน กรวดทราย ลมหมอก น้ำตก เปลวเพลิง สายลมเย็น… ก็ยังปรากฏรอยมรรคอัศจรรย์…

กระบวนการนี้สืบเนื่องนานถึงเจ็ดวัน

ถึงตอนท้ายหลินสวินยังไม่พอใจ มอบแก่นอัศจรรย์มหามรรคเช่นมรรคดีชั่ว หลักถูกผิดนานัปการที่ตนหยั่งถึงเมื่อก่อนแก่กฎระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกนี้โดยไร้ร่องรอย

เช่นนี้ถึงจะหล่อเลี้ยงหมื่นวิญญาณทั่วหล้า ทำให้หยั่งรู้นัยเร้นลับภายในนั้นได้โดยไร้สุ้มเสียง

‘เท่านี้น่าจะพอแล้ว… ตั้งแต่วันนี้ไปโลกนี้มีชื่อว่า ‘โลกเต้ายวน’ แล้วกัน’

บนหินเขียวหลินสวินยืนมือไพล่หลัง เวลานี้ในใจเขาพลันเกิดการรู้แจ้งมากมาย

กระบวนการกำหนดมรรคมีหรือจะไม่ใช่การสร้างอารยธรรมฝึกปราณอันสมบูรณ์

หมื่นวิญญาณบนโลกสัมผัสถึงมรรคสวรรค์ เด่นผงาดด้วยกลิ่นอายมหามรรค เมื่อเวลาล่วงเลยจะวิวัฒน์เป็นระบบการฝึกปราณน่าเหลือเชื่อนานัปการ จากนั้นจึงจะวิวัฒน์เป็นอารยธรรมฝึกปราณที่แท้จริง!

‘การกำหนดมรรคน่าอัศจรรย์เช่นนี้ สักวันหนึ่งหากข้าก่อมรรคที่ไม่เคยมีบนโลกได้ นั่นจะเป็นภาพน่าเหลือเชื่อระดับใด’

หลินสวินผุดความคิดขึ้นมาเป็นสายอย่างอดไม่ได้

ครู่ใหญ่เขาถึงเก็บความคิด กำลังเตรียมตัวจากไป แต่พลันสังเกตเห็นว่ากวางวิญญาณหิมะข้างหินเขียวตื่นขึ้นมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาใสสะอาดจ้องมองตน คล้ายสังเกตเห็นว่าตนจะจากไปแล้ว แววตาเจือความอาวรณ์รางๆ

เทียบกับแต่ก่อนเจ้าตัวน้อยนี้มีจิตวิญญาณโดดเด่นเฉพาะตัวเพิ่มขึ้นมา คล้ายตื่นจากความสับสนจนมีปัญญาอย่างแท้จริง

“เจ้าตัวน้อย ภายหน้าหากมีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าที่แหล่งสถานศุภโชค”

หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก

เขาหยั่งรู้พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกกำหนดมรรคแล้ว เข้าใจว่าโลกปริศนาที่ถูกตนกำหนดมรรคแห่งนี้ย่อมเหมือนโลกมหามรรคที่ถูกสร้างในโลกภัยพิบัติ ภายหน้าจะปรากฏในอารยธรรมยุคสมัยซึ่งก่อเกิดจากแหล่งสถานศุภโชค

กล่าวอีกนัยคือภายหน้าเมื่อหลินสวินออกจากแหล่งสถานอัศจรรย์ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชคก็จะสัมผัสถึง ‘โลกเต้ายวน’ ที่ตนกำหนดมรรคแห่งนี้

ส่วนจะเจอกวางวิญญาณหิมะนี้อีกหรือไม่ นั่นก็ต้องดูว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แล้ว…

กวางวิญญาณหิมะดูเหมือนรวบรวมความกล้ากระโดดขึ้นมา ใช้หัวถูขาของหลินสวินไปมา จากนั้นค่อยคุกเข่าหน้าทั้งคู่ โขกศีรษะลงกับพื้น ปากส่งเสียงร้องไม่หยุด

หลินสวินฟังเข้าใจแล้ว เจ้าตัวน้อยกำลังขอบคุณตน

“ไปตามหามหามรรคของตนเถอะ”

หลินสวินยิ้มร่าพลางโบกมือ

เงาร่างของเขาหายไปกลางอากาศ

ฟุ่บ!

บนยอดเขากำหนดมรรค เงาร่างหลินสวินปรากฏ พลันเห็นซย่าจื้อรออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว

“เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ” หลินสวินถาม

ซย่าจื้อพยักหน้าพลางกล่าวเสียงชัดกระจ่าง “ต่อจากนี้จะไปโลกแปรมรรคนั่น เจ้าต้องระวังตัวด้วย ข้าสงสัยว่าศัตรูพวกนั้นต้องไม่ยอมพลาดโอกาสจัดการเจ้าแน่”

“เจ้าก็ด้วย” หลินสวินลูบหัวของนาง

ซย่าจื้อเงยใบหน้าน้อยๆ ชี้หน้าผากตัวเอง

หลินสวินอึ้งงันก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เข้าใจทันที ช้อนใบหน้าเล็กงามผุดผ่องของซย่าจื้อขึ้น จุมพิตบนหน้าผากมนกระจ่างนั้นของนางเบาๆ

จากนั้นหลินสวินกะพริบตากล่าวเจ้าเล่ห์ “คราวนี้พอใจแล้วกระมัง”

ซย่าจื้อกล่าว “ไม่พอใจ เจ้ายังไม่มีลูกกับข้าเลย”

หลินสวิน “…”

กลับเห็นซย่าจื้อเผยรอยยิ้มสดใสซุกซนกล่าวว่า “ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น รอภายหน้าเจ้าแต่งข้าแล้ว ข้าค่อยพิจารณาว่าจะมีลูกกับเจ้าหรือไม่”

เมื่อสิ้นเสียงนางหันหลังเดินเข้าไปในประตูสวรรค์แล้วหายลับไป

หลินสวินอึ้งงัน ในใจรู้สึกแปลกประหลาด เกรงว่าซย่าจื้อคงไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อย่างน้อย… นางน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการมีบุตรซึ่งไม่อาจเอ่ยปากแล้ว…

จากนั้นหลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว ก้าวเท้าออกไป ประตูสวรรค์เปิดออก

วันนี้หลินสวินหยั่งถึงความอัศจรรย์ของบ่อเกิดแรกกำเนิด ลอยล่องออกจากโลกกำหนดมรรคไป

โลกชั้นที่แปดของแดนเทพสรรพวิญญาณมีนามว่า ‘โลกแปรมรรค’

ผู้ฝึกปราณที่เข้ามาโลกนี้ราวกับเข้าสู่หนทางเกิดใหม่ ล้วนถูกเรียกว่า ‘ผู้แปรมรรค’

สำนักสวรรค์ยุทธ์

สำนักฝึกปราณชั้นรองแห่งหนึ่งในโลกแปรมรรค ครองอาณาเขตอยู่บนเขาวิญญาณแสงเฟิงของโลกแปรมรรค

“เจ้าสำนัก ภายหน้าหากอาจารย์อาชิงเฟิงกล้าก่อเรื่องเช่นนี้อีก ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของข้า กักบริเวณเขาไว้ก็พอ!”

ในคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งบนเขาวิญญาณแสงเฟิง ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเหิงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวอย่างขัดใจ

ตรงหน้าเขาคือเตียงหลังหนึ่ง ผู้นอนอยู่บนเตียงคือผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์

ศิษย์พี่สองคนของเขา คนหนึ่งคือชิงเหิง อีกคนคือชิงเกิง มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

สองคนนี้ก็คือผู้มีมรรควิถีสูงสุดในสำนักสวรรค์ยุทธ์

ศิษย์หลานของชิงเฟิงก็คือฝูอวิ๋นจื่อเจ้าสำนักสวรรค์ยุทธ์ ครองมรรควิถีระดับจักรพรรดิด่านแปด ‘ขั้นประสานมรรค’

กล่าวได้ว่าอาศัยแค่ฐานะ ชิงเฟิงก็เรียกว่าเป็นหนึ่งในสามยอดบุคคลแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์

แต่พลังปราณของเขากลับอยู่แค่ระดับกระบวนแปรจุติ…

นี่ช่างน่าอึดอัด

อย่าว่าแต่สู้ศิษย์หลานของเขาไม่ได้ แม้แต่มรรควิถีของศิษย์รุ่นหลังส่วนใหญ่ในสำนักก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งสิ้น…

จนกระทั่งฐานะของชิงเฟิงในสำนักสวรรค์ยุทธ์เปลี่ยนเป็นพิเศษนัก ภายนอกทั้งสำนักล้วนเคารพผู้อาวุโสชั้นสูงอย่างเขา แต่ในเงามืดกลับมีคนนับไม่ถ้วนมองเขาเป็น ‘ความอัปยศของสำนัก’

กอปรกับชิงเฟิงมีนิสัยใจร้อน ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่มีมาดสง่างามในฐานะผู้อาวุโสของสำนักสักนิด กลับทำเรื่องไร้สาระซึ่งไม่สมฐานะบ่อยครั้ง หลายปีนี้ไม่รู้ว่าก่อเรื่องน่าขันไปเท่าไหร่

ถึงตอนนี้เมื่อศิษย์สำนักสวรรค์ยุทธ์หลายคนออกเดินทาง ถ้ามีคนพูดถึงชิงเฟิงจะรู้สึกอับอายและขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก

ก็เหมือนเรื่องเมื่อสามวันก่อน ชิงเฟิงแอบหนีออกจากสำนัก มุ่งหน้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์เพื่อเจอเถียนรั่วจิ้งแต่ถูกซัดสลบ ปัจจุบันยังถูกมองเป็นเรื่องน่าขัน แพร่สะพัดในสำนักมากมาย

นี่ทำให้สำนักสวรรค์ยุทธ์อับอายไม่หยุด

แม้แต่เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อยังรู้สึกว่าเงยหน้าไม่ขึ้น

เวลานี้หลินสวินสืบทอดความทรงจำของชิงเฟิง รู้ประสบการณ์ของเขา ในใจกลับรู้สึกต่างออกไป

นิสัยชิงเฟิงไม่ได้แย่ ทั้งไม่ใช่พวกโอหังวางโต

ในทางกลับกันเรื่องน่าขันที่เขาก่อ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติของเขา

เมื่อผู้อาวุโสชั้นสูงคนหนึ่งของสำนักมีพลังปราณต่ำต้อยแค่นี้ ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนไม่อาจเลี่ยงคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายได้ ทั้งถูกมองเป็นตัวตลกได้โดยง่าย

ก็เหมือนเรื่องที่ชิงเฟิงมุ่งหน้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์เมื่อสามวันก่อน สาเหตุอยู่ที่เก้าร้อยปีก่อน เขาชอบหญิงสาวนามเถียนรั่วจิ้งแห่งสำนักวิญญาณสวรรค์คนนั้น ลุ่มหลงนางไม่หยุด กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจลืมอีกฝ่ายได้

สำหรับชิงเฟิง เขาแค่อยากไปเจอเถียนรั่วจิ้ง ไม่ได้ต้องการไปก่อเรื่อง

แต่เถียนรั่วจิ้งตอนนี้เป็นบุคคลระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินานแล้ว ถูกมองเป็นบุคคลแห่งยุคที่มีหวังก้าวสู่มรรคาอมตะที่สุดในรอบพันปี ฐานะในสำนักวิญญาณสวรรค์โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเทียบกันแล้วแม้ว่าชิงเฟิงเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ แต่กลับมีมรรควิถีแค่ระดับกระบวนแปรจุติ ระหว่างเขากับเถียนรั่วจิ้งเหมือนอยู่กันคนละโลกนานแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือตั้งแต่ต้นจนจบเถียนรั่วจิ้งไม่เคยสนใจชิงเฟิงสักนิด ถึงขั้นว่าการเซ้าซี้ของชิงเฟิงช่วงหลายปีนี้ยังทำให้นางต่อต้านและรังเกียจอย่างมาก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ชิงเฟิงจะมีโอกาสเจออีกฝ่ายได้อย่างไร

สำนักวิญญาณสวรรค์ทั้งบนล่างล้วนเข้าใจฐานะและเบื้องลึกของชิงเฟิงดี ยิ่งไม่มีทางไว้หน้าเขา เมื่อชิงเฟิงพยายามบุกเข้าไปในประตูเขาของสำนักวิญญาณสวรรค์ ย่อมพบโศกนาฏกรรมเป็นธรรมดา…

………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์