ตอนที่ 3201 แปรมรรค – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3201 แปรมรรค จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 3201 แปรมรรค
หยวนจงอดมองเถียนรั่วจิ้งอีกครั้งไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราควรไปหาหลินสวินนั่นอย่างไร”
เถียนรั่วจิ้งเงียบไปครู่หนึ่งพลางกล่าว “สองวันก่อนเขาพาสำนักสวรรค์ยุทธ์จากไปพร้อมกัน ยามนี้ถ้าอยากเจอเขาอีกเกรงว่าแทบไม่มีความหวังเท่าไร”
นางคิดไปคิดมาแล้วกล่าว “แต่ข้าได้ยินว่าขอแค่เป็นผู้แปรมรรค ย่อมต้องทิ้งมหามรรคอันสมบูรณ์สายหนึ่งไว้บน ‘ศิลาเทพแปรมรรค’ ของสี่สำนักใหญ่จึงจากไปได้ หากหาหลินสวินนั่นไม่เจอจริงก็ได้แต่เฝ้ารออยู่ใกล้ศิลาเทพแปรมรรคแล้ว”
หยวนจงพยักหน้า เดิมคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากเถียนรั่วจิ้ง นับว่าไม่ถึงขั้นทำให้ผิดหวัง
เขาเหลือบมองคนข้างกายผู้หนึ่งพลางกล่าว “ผู้อาวุโสลู่ เจ้าส่งข่าววันนี้ไปหาผู้อาวุโสชั้นสูงจู๋เฉิง ด้วยสติปัญญาของเขาต้องรู้ว่าควรทำอย่างไรแน่”
“ขอรับ”
ชายผู้ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสลู่รับคำสั่ง
…
หอเซียน
ในฐานะหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ของโลกแปรมรรค หอเซียนครองอาณาเขตอยู่ในแดนลับแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายใต้เวิ้งฟ้าของโลกแปรมรรค
“หลินสวินถึงกับปรากฏตัวในขุมอำนาจชั้นรองแห่งหนึ่งทางตะวันออกที่ชื่อว่าสำนักสวรรค์ยุทธ์…”
จู๋เฉิงพึมพำ
เขาคืออันดับหนึ่งบนมรรคาอมตะของหอเซียน ทั้งเป็นผู้นำทูตชะตาสวรรค์เจ็ดคนของภาคีอีสาน ในโลกแปรมรรคนี้เรียกว่าเป็นบุคคลซึ่งเหมือนนายเหนือหัว
หลังจากรู้ข่าวตอนแรกจู๋เฉิงยังฮึกเหิมนัก
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ตามหาอย่างลำบากมาหนึ่งปีกว่าแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยของหลินสวิน
แต่เมื่ออ่านข่าวจบหัวคิ้วจู๋เฉิงกลับขมวดขึ้นมา
หลินสวินหนีไปแล้ว ถ้าตามหาต่อย่อมไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร!
‘ต้องเจอเขาก่อนแจ้งมรรคอมตะ มิฉะนั้นถ้ารอเขาแจ้งมรรคอมตะแล้ว คิดกำจัดเขาย่อมไม่ง่าย…’
ผ่านไปครู่ใหญ่จู๋เฉิงตัดสินใจ
“ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ส่งกำลังพลทั้งหมดของสี่สำนักใหญ่ ใช้กำลังพลของทุกขุมอำนาจทั่วหล้าไปตามจับหลินสวินเต็มกำลัง!”
…
วันนั้นหอเซียน เรือนเทพ ประตูมาร สำนักอสูรมารสี่สำนักใหญ่ออกเคลื่อนไหว ระดับอมตะแต่ละสำนักแทบยกขบวนมาทั้งหมด
วันนั้นขุมอำนาจชั้นหนึ่งสิบสองแห่งกับขุมอำนาจชั้นรองและชั้นสามที่กระจายอยู่ทุกอาณาเขตทั่วโลกแปรมรรคได้รับคำสั่งเช่นกัน ล้วนไม่กล้าละเลย ส่งกำลังพลของแต่ละฝ่ายออกไป ร่วมมือกับกำลังพลของสี่สำนักใหญ่ เริ่มภารกิจตามจับเหมือนวางตาข่ายดักทั่วหล้า โดยมีเขตตะวันออกที่สำนักสวรรค์ยุทธ์ตั้งอยู่เป็นศูนย์กลาง
การเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ทำให้ใต้หล้าตกอยู่ในความปั่นป่วน เปิดฉากความโกลาหลขึ้น
เพียงชั่วขณะเดียวเรื่องเกี่ยวกับหลินสวินก็เหมือนพายุ แพร่สะพัดและถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วหล้า กลายเป็นประเด็นน่าสนใจที่สุดของผู้ฝึกปราณในใต้หล้า
ในเขตตะวันออกบนทุ่งรกร้างนอกชานเมืองที่ยากจะพบร่องรอยคน พบเห็นผู้ฝึกปราณซึ่งเกาะกลุ่มเป็นขบวนได้ทั่วไป ล้วนมาเพื่อตามจับหลินสวิน
กำลังพลนั้นเรียกได้ว่าอลังการนัก!
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมืองสันติ
ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง หลินสวินกับชิงเหิงกำลังลิ้มรสชา
“สหายยุทธ์ นับวันสถานการณ์ยิ่งไม่เข้าทีแล้ว”
ชิงเหิงกดเสียงต่ำ สีหน้าจริงจัง
หลายวันนี้เขากับหลินสวินอยู่ในเมืองสันตินี้มาตลอด ทั้งรู้การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั่วหล้า
ก็เหมือนเวลานี้ แม้แต่ในเมืองสันติทุกหนแห่งยังวิจารณ์ถึงชื่อ ‘หลินสวิน’
“ผู้อ่อนแอซ่อนตัวในป่า ผู้แข็งแกร่งซ่อนตัวในเมือง คนส่วนใหญ่ในเมืองสันตินี้ล้วนเป็นคนธรรมดา ส่วนใหญ่ผู้ฝึกปราณพวกนั้นปราณต้อยต่ำ พวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่มีทางถูกคนสังเกตเห็นแน่”
หลินสวินจิบชาพลางยิ้มกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นข้าชอบชื่อของเมืองนี้”
ชิงเหิงยังกล่าวอย่างว้าวุ่นใจ “หากมีระดับอมตะเข้าเมืองนี้มาตามจับคงไม่ดีแล้ว”
หลินสวินยื่นม้วนหยกหนึ่งให้ “ในนี้บันทึกวิชาอัศจรรย์ไว้ สามารถปกปิดกลิ่นอายของตน ปิดฟ้าข้ามทะเลได้ ต่อให้เป็นระดับอมตะก็ยากมองออก”
ชิงเหิงรับม้วนหยกมา เห็นชัดว่าเป่าปากโล่งอก จากนั้นก็อดพูดไม่ได้ “สหายยุทธ์ หากพวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอด มิใช่ว่าจะถ่วงการฝึกปราณของเจ้าหรือ”
เมืองสันตินี้เป็นแค่เมืองเล็กซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีทั้งถ้ำสถิตและไอวิญญาณ ไม่อาจเติมเต็มการฝึกปราณระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิได้โดยสิ้นเชิง
สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิฝึกปราณ ย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของไอวิญญาณกลางฟ้าดิน การเคลื่อนไหวเช่นนั้นต้องดึงดูดความสนใจจากสายตามากมายแน่
ครึ่งเดือนมานี้ชิงเหิงไม่เคยเห็นหลินสวินฝึกปราณ เห็นชัดว่ารู้ว่าหากฝึกปราณจะดึงดูดความสนใจ
ต่อให้วางพลังผนึกบดบังไว้ก็ไม่เป็นผล
ด้วยเมืองสันตินี้ไม่มีไอวิญญาณ ยามผู้ฝึกปราณดูดซับหล่อหลอมพลังมหามรรคฟ้าดิน ย่อมก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวประหลาดของฟ้าดิน
โดยเฉพาะการฝึกปราณของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ การเคลื่อนไหวที่ชักนำมาจะยิ่งมาก!
ในสายตาระดับอมตะ อาศัยเพียงการเคลื่อนไหวยามฝึกปราณก็วิเคราะห์ข้อมูลมากมายได้
แต่หากไม่ฝึกปราณและซ่อนตัวในเมืองสันติไปตลอด ภายในเวลาอันสั้นบางทีอาจไม่ถูกคนค้นพบ แต่เมื่อนานเข้าคงยากรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่าง
นี่จึงจะเป็นปัญหาที่ทำให้ชิงเหิงกังวล
เมื่อเห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของชิงเหิง หลินสวินอดขำอย่างกลั้นไม่อยู่ กล่าวว่า “สหายยุทธ์คงไม่รู้ ข้าฝึกปราณอยู่ตลอด แค่เจ้าไม่รู้เท่านั้น”
“ฝึกปราณอยู่ตลอด?” ชิงเหิงอึ้งงัน
ชิงเหิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสะท้านไปทั้งตัว กล่าวว่า “จากไป? ไปไหน?”
หลินสวินยิ้มกล่าว “รวบรวมพลังเสริมความมั่นคงให้มรรคาบางส่วนก่อน ค่อยไปเยือนสี่สำนักใหญ่ รอจัดการศัตรูพวกนั้นแล้วค่อยจากไป”
ชิงเหิงสงสัยอยู่บ้าง “สหายยุทธ์ แต่ตอนนี้เจ้ามีมรรควิถีแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเท่านั้น หากไปทำเรื่องพวกนี้ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าจะเปิดเผยฐานะหรือ”
หลินสวินอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ผิดแล้ว มรรคาของข้าอนุมานถึงมรรคาอมตะ สิ่งที่ขาดตอนนี้… คือพลังที่คู่ควรกับมรรคาของตน”
ชิงเหิงงุนงงยิ่งกว่าเดิม อนุมานมรรคาถึงระดับอมตะแล้ว ทำไมพลังถึงยังอยู่ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ทำไมถึงยังขาดพลังอีก
หลินสวินพลันหยัดร่างขึ้น เดินออกไปนอกหอสุรา “จากนี้ไปพวกเราจะมีเมืองสันติเป็นจุดเริ่มต้น มุ่งหน้าไปเยือนหอเซียน พลังที่รวบรวมระหว่างทางน่าจะสามารถเติมเต็มความต้องการของมรรคาข้าได้…”
แม้ว่าชิงเหิงจะฟังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นหลินสวินเคลื่อนไหว เขาก็รีบตามไปเช่นกัน
ฮูม…
เขาพลันสังเกตเห็นว่าวิชาลับปกปิดกลิ่นอายบนตัวหลินสวินหายไปแล้ว มรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งตัวเผยออกมาในยามนี้
ถึงขั้นไม่ปกปิดกลิ่นอายอีก พุ่งทะลวงไปเหนือชั้นเมฆ!
“สหายยุทธ์ นี่เจ้า…” ชิงเหิงพลันหน้าเปลี่ยนสี
“แน่นอนว่าย่อมทำไปเพื่อรวบรวมพลัง สหายยุทธ์ตามหลังข้ามาก็พอ” หลินสวินสองมือไพล่หลัง เดินออกไปนอกเมือง
สีหน้าชิงเหิงพลันแปรเปลี่ยน แต่ยังลอบกัดฟันตามไป
เพิ่งเดินมาถึงนอกเมือง เสียงทลายอากาศพลันพุ่งมาแต่ไกล
ฟุ่บๆๆ!
ผู้ฝึกปราณที่ทั่วร่างแผ่พลังปราณระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งเคลื่อนแหวกอากาศมา ชั่วพริบตาก็พุ่งมาถึงนอกเมืองนี้
เห็นชัดว่าพวกเขาถูกกลิ่นอายมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิบนตัวหลินสวินดึงดูดมา
“เป็นเขา! ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ชิงเฟิง!”
จักรพรรดิคนหนึ่งตัวสั่น เผยความปิติยินดี
เจอตัวชิงเฟิงก็เท่ากับเจอผู้แปรมรรคหลินสวิน!
ผู้ฝึกปราณพวกนั้นล้วนเผยสีหน้ายินดี รู้สึกว่ายากจะเชื่ออยู่บ้าง
ตามหาอย่างลำบากมานาน แต่อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวอย่างผ่าเผยเช่นนี้ ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย!
ไม่ให้พวกเขารู้สึกผิดคาดได้อย่างไร
กลับเห็นหลินสวินยิ้มเช่นกัน เอ่ยปากเนิบช้า “ให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ส่งข่าวไปบอกคนอื่น มิฉะนั้นอีกเดี๋ยวถ้าอยากขอความช่วยเหลือคงไม่ทันแล้ว”
………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์