สรุปเนื้อหา ตอนที่ 3207 ปากพาซวย – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 3207 ปากพาซวย ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 3207 ปากพาซวย
พวกคนที่อยู่กลางภูผาธาราใกล้เคียง ทั้งชราและเยาว์วัยล้วนเป็นผู้ฝึกปราณที่มุ่งหวังว่าจะกราบอาจารย์เข้าเป็นศิษย์ในหอเซียน ไม่ขาดแคลนพวกอัจฉริยะ ทั้งไม่ขาดพวกพื้นเพดีมีชื่อเสียง
แต่หอเซียนไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครๆ ก็สามารถเข้าไปได้ตามสะดวก
ถ้าอยากเข้าไปเป็นศิษย์ฝึกตนในนั้น จำเป็นต้อง ‘เสี่ยงดวง’ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นพันใช่ว่าจะมีผู้ทำสำเร็จสักคนเสมอไป
แต่เรื่องนี้ยังคงต้านผู้ฝึกปราณทั่วหล้าไม่อยู่ พยายามมุ่งหน้ามาลองเสี่ยงโชค
แต่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือบุคลิก เห็นชัดว่าเกิดมายากจน ทั้งพลังปราณยังต้อยต่ำอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาคิดเข้าสู่หอเซียน แน่นอนว่าย่อมดึงดูดคำหยอกล้อและเย้ยหยันมาไม่น้อย
ถึงขั้นมีคนหัวเราะร่ากล่าวอย่างมุ่งร้าย “หากคนอย่างพวกเขาเข้าสู่หอเซียนได้ ข้าเป็นวัวเป็นม้าให้พวกเขาก็ย่อมได้!”
ผู้พูดคือเด็กหนุ่มชาติกำเนิดสูงส่งคนหนึ่ง สวมชุดคลุมทอง รูปร่างงามสง่า เมื่อได้ยินคำพูดของเขา บริเวณใกล้เคียงมีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างอดไม่ได้
นี่ทำให้เด็กหนุ่มข้างกายหญิงสาวประหม่ายิ่งกว่าเดิม ใบหน้าแดงก่ำ เดือดดาลแต่ไม่กล้าเอ่ยวาจา ท่าทางอัดอั้นนั้นทำให้เด็กหนุ่มชุดทองหัวเราะลั่นอีกครั้ง
หญิงสาวคล้ายไม่รับรู้เรื่องพวกนี้ หรือกล่าวได้ว่าเหมือนไม่ได้ยิน ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่สนใจ
“คอยรอดีๆ”
หญิงสาวพูดพลางโฉบขึ้นไปบนฟ้า มุ่งเข้าไปใกล้เมฆมงคลสีขาวภายใต้เวิ้งฟ้าแถบนั้น
ภาพนี้ทำให้ทั่วลานเงียบกริบ
ทุกคนเบิกตากว้างยากจะเชื่อ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาคนนี้กล้ามาจากไหน ถึงกับมุ่งตรงไปยังทางเข้าหอเซียน
นางไม่กลัวโดนเฉดหัวออกมาหรือ
ต้องรู้ว่าที่ผ่านมาพวกชาติกำเนิดสูงส่งหรือพวกพรสวรรค์พลิกฟ้าล้วนมุ่งหน้าไปยังทางเข้าหอเซียน พยายามเรียกความสนใจจากผู้สูงศักดิ์ของหอเซียน
แต่ล้วนถูกขับไล่ออกมาโดยไม่มีข้อยกเว้น!
“ผู้ไม่รู้ย่อมไม่รู้จักกลัวดังคาด”
มีคนหัวเราะเบาๆ “แค่มองก็รู้ว่ามาจากสถานที่เล็กๆ ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์อะไร คิดจริงหรือว่าทางเข้าหอเซียนอยู่ตรงนั้นแล้วจะเคาะประตูเข้าไปได้ ไม่ดูเลยว่าพลังปราณและฐานะของตนเป็นอย่างไร!”
คนอื่นต่างหัวเราะขึ้นมา ราวกับเห็นภาพผู้หญิงคนนั้นถูกไล่ออกมาแล้ว
หน้าเมฆมงคลสีขาว
หญิงสาวยืนกลางอากาศ ยื่นมือไปเคาะโดยตรง
ฮูม…
เมฆมงคลม้วนซัดเผยบานประตูว่างเปล่า
เมื่อหญิงสาวกำลังเข้าไปใกล้ เสียงตวาดหนึ่งดังขึ้น “เจ้าเป็นใครถึงกล้าบุกรุกหอเซียนโดยพลการ”
แค่เสียงหนึ่งเท่านั้น แต่เปี่ยมความน่าเกรงขาม ทำให้ผู้ฝึกปราณกลางภูผาธาราแถบนี้ใจสะท้าน เงียบกริบดังจักจั่นเดือนหนาว แต่สายตาที่พวกเขามองผู้หญิงคนนั้นกลับเปี่ยมแววเย้ยหยันและเวทนา
นางกำลังจะประสบเคราะห์แล้ว!
เหนือความคาดหมายของทุกคน หญิงสาวกลับสีหน้านิ่งสงบ กล่าวโดยไม่มีความกลัวเลยสักนิด “ข้ามาหาหลินสวิน”
หลินสวิน!
ชื่อนี้ราวกับมีเวทมนตร์ประหลาด ทำให้ผู้คนใกล้เคียงใจกระตุกวูบ จากนั้นจึงสูดหายใจหนาวเยือก ผู้หญิงคนนี้ไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยหรือ กล้าเรียกชื่อผู้อาวุโสหลินสวินโดยตรงใกล้ทางเข้าหอเซียนนี้ด้วย!
บนพื้นดินในใจเด็กหนุ่มผู้เจียมตัวคนนั้นพลันตึงเครียด เหงื่อซึมเต็มมือเท้า เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวต้องยืนกรานมาที่นี่ ทั้งยังเรียกชื่อแซ่ของผู้อาวุโสหลินสวินโดยตรง นี่… นี่มันใจกล้าเกินไปแล้ว…
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหาใดเปรียบ
แต่ทุกคนไม่ได้เห็นภาพที่อยากเห็น หญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งไม่ถูกขับไล่ เสียงน่าเกรงขามที่ดังมาจากทางเข้าหอเซียนก่อนหน้านี้ก็ไม่ดังขึ้นอีก
เหตุการณ์ผิดปกตินั้นทำให้ทุกคนต่างแปลกใจสงสัยไม่หยุด
ไม่นาน…
ตูม!
ประตูทางเข้าหอเซียนมีแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน เงาร่างกำยำน่าเกรงขามหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ผมเผ้าหนวดเคราขาวโพลน กลิ่นอายอมตะหมุนวนรอบกาย
“สวรรค์ เป็นเจ้าสำนักหอเซียน!”
ชายชราคนหนึ่งร้องเสียงหลง จากนั้นค่อยรู้ตัวว่าเสียอาการ รีบหมอบคลานกับพื้น โขกศีรษะกล่าว “ผู้น้อยทายาทตระกูลอวี่แห่งเขาเหิงเหลียง คารวะผู้อาวุโส!”
เมื่อเห็นดังนี้คนอื่นกลางภูผาธาราแถบนั้นมีหรือจะไม่รู้ฐานะของร่างกำยำนั่น
ตึง! ตึง!
ในที่นั้นมีคนไม่น้อยคุกเข่าลงกับพื้น คารวะด้วยความเคารพ “คารวะผู้อาวุโส!”
ถึงตอนท้ายแม้แต่เด็กหนุ่มชุดทองกับคนอื่นก็คุกเข่า แต่ละคนสีหน้าเลื่อมใส ตื่นเต้น ถ่อมตน
ใครก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักผู้สูงส่งที่สุดในหอเซียน ถึงกับเผยร่องรอยออกมาในยามนี้!
เด็กหนุ่มผู้สำรวมระวังและประหม่านั่นเห็นดังนี้แล้วหวั่นใจ กำลังจะคุกเข่าตามฝูงชนโดยไม่รู้ตัว แต่เวลานี้เสียงของหญิงสาวนั่นกลับดังขึ้น
“หากเจ้าคุกเข่า จากนี้ไปจะไม่ใช่น้องชายข้า”
เสียงไพเราะบริสุทธิ์
เด็กหนุ่มอึ้งงันทันที ทำอะไรไม่ถูก
ฝูงชนซึ่งคุกเข่ากับพื้นล้วนตกตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
จากนั้นพวกเขาจึงพบว่าหญิงสาวที่ดูธรรมดาและยืนอยู่ตรงทางเข้าหอเซียนนั้นกลับยืนอยู่ตลอด ต่อให้เผชิญหน้ากับเจ้าสำนักหอเซียนก็ไม่มีท่าทีว่าจะก้มหัวคารวะสักนิด!
นี่…
“เมื่อครู่เจ้าหมอนั่นบอกว่าหากข้ากับมู่เสียนเข้าสู่หอเซียนได้ เขาจะยอมเป็นวัวเป็นม้าให้พวกเรา แต่ข้าว่าเขาละเมอเพ้อพก ข้าไม่ต้องการคนแบบนี้มาเป็นวัวเป็นม้า”
คำพูดนี้ทำให้เด็กหนุ่มชุดทองตกใจจนแทบทรุดตัวลงกับพื้น สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขามีหรือจะคาดคิดว่าพี่น้องซึ่งเห็นชัดว่าเกิดมายากจนคู่หนึ่ง ถึงกับมีความเป็นมายิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงทำให้เจ้าสำนักหอเซียนมาต้อนรับด้วยตัวเอง แม้แต่ผู้แปรมรรคหลินสวินยังออกมาด้วย!
เมื่อมองคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงอีกครั้ง แต่ละคนตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและตัวสั่น
ถึงตอนนี้พวกเขามีหรือจะไม่เข้าใจว่าภูมิหลังของพี่น้องคู่นั้นน่ากลัวมากแค่ไหน
เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังเคยหยอกล้อและเย้ยหยัน ต่างพากันตื่นตระหนกว้าวุ่นใจขึ้นมา
หลินสวินอึ้งงัน กวาดตาไปพลางอดยิ้มไม่ได้ “เขาไม่คู่ควรจริงๆ พวกเราไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา”
คราวนี้ซย่าจื้อจึงพยักหน้าน้อยๆ ก้าวตามหลินสวินเข้าไปในทางเข้าหอเซียนพร้อมมู่เสียน
แต่เจ้าสำนักหอเซียนสุ่ยฉางหลิวกลับอยู่ต่อ
รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนบนหน้าเขาหายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นน่าเกรงขามและเฉยชา สายตากวาดมองทุกคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นพลางกล่าวเย็นชา “เด็กๆ”
ตรงทางเข้าหอเซียนมีผู้สืบทอดหอเซียนสองคนพุ่งออกมา โค้งคำนับอย่างนอบน้อมทันที
“เล่าเรื่องซึ่งเกิดขึ้นที่นี่เมื่อครู่ออกมาให้ข้าฟังทั้งหมด” สุ่ยฉางหลิวกล่าว
ผู้สืบทอดหอเซียนสองคนนั้นพลันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากซย่าจื้อกับมู่เสียนปรากฏตัวที่นี่ออกมาจนหมด
เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดสุ่ยฉางหลิวเลิกคิ้วยิ้มหยันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ช่างเป็นพวกสวะมีตาแต่ไร้แววจริงๆ แม้แต่สหายของผู้อาวุโสหลินยังกล้าเย้ยหยัน ไม่อาจไม่พูดว่าคนอย่างพวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นวัวเป็นม้าให้พวกเขาจริงๆ!”
คำพูดนี้ทำให้เด็กหนุ่มชุดทองกับคนที่เคยเยาะเย้ยซย่าจื้อกับมู่เสียนอกสั่นขวัญหายราวถูกฟ้าผ่า
“จดความเป็นมาและชื่อของพวกเขาไว้ให้หมด จากนั้นค่อยเฉดหัวออกไป นับจากนี้ไปตระกูลและขุมอำนาจที่เกี่ยวกับคนพวกนี้ ห้ามเข้าใกล้หอเซียนแม้เพียงครึ่งก้าว”
สุ่ยฉางหลิวกล่าวคำพูดเย็นชานี้ไว้ก่อนหันหลังจากไป
ด้วยตำแหน่งเจ้าสำนักหอเซียนของเขา ย่อมคร้านจะไปเอาความกับเจ้าตัวจ้อยพวกนั้นด้วยตัวเอง ส่งมอบให้เหล่าผู้สืบทอดหอเซียนจัดการก็พอ
ผู้สืบทอดหอเซียนสองคนนั้นสบตากัน นัยน์ตามองผู้ฝึกปราณบนพื้นนั่น สีหน้าดูเย็นชาเป็นพิเศษ
เหล่าผู้ฝึกปราณในที่นั้นไม่ใช่แค่ใจสั่น แต่สิ้นหวังและพังทลาย คำพูดนั้นของสุ่ยฉางหลิวราวตัดสินโทษประหารแก่พวกเขาและขุมอำนาจเบื้องหลังแล้ว
ใครจะคิดว่าแค่หยอกล้อและเยาะเย้ยพี่น้องคู่นั้นคราหนึ่ง สุดท้ายกลับเจอมหันตภัยเช่นนี้
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าปากพาซวย
ขณะเดียวกันภายในแดนลับหอเซียน
หลินสวินมองซย่าจื้อที่รูปร่างหน้าตาธรรมดา อดกล่าวอย่างสงสัยไม่ได้ “ผ่านมานานสองปีแล้ว ทำไมพลังปราณเจ้ากลับติดอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณมาตลอด”
………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์