ตอนที่ 3208 ขั้นสัมบูรณ์ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3208 ขั้นสัมบูรณ์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 3208 ขั้นสัมบูรณ์
ซย่าจื้อเงยหน้ากล่าว “ตอนมาโลกแปรมรรคเจ้าเคยบอกว่าต้องจำศีลเก็บตัวตลอด พยายามไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน”
หลินสวินอึ้งงัน กล่าวขบขัน “ดังนั้นเจ้าจึงติดอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณมาตลอดหรือ”
“ไม่ผิด”
ซย่าจื้อพยักหน้า จากนั้นค่อยมองเด็กหนุ่มมู่เสียนข้างกายปราดหนึ่ง “ก่อนมาที่นี่เขาไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้แปรมรรค แต่ข้าแปรมรรคามุ่งสู่นิรันดร์สมบูรณ์สายหนึ่งได้แล้ว”
หลินสวินชูนิ้วโป้งพลางกล่าวชม “ร้ายกาจ”
ซย่าจื้อแย้มยิ้มเบิกบานใจ
มู่เสียนที่อยู่ด้านข้างกลับประหม่าเป็นพิเศษ กายใจล้วนตกอยู่ในสภาพมึนงง
เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เคยก้าวออกจากชนบท
แต่ตอนนี้เขากลับมาถึงหอเซียน เจอยอดบุคคลราวเทพเซียนมากมาย ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกมึนงง
หลินสวินหรี่ตากล่าวเสียงอบอุ่นกับมู่เสียนทันที “เจ้าหนุ่ม อย่าคิดฟุ้งซ่าน ก้าวเดียวทะยานฟ้าก็ดี ฝันเลื่อนลอยก็ช่าง ขอเพียงจดจำขึ้นใจว่าเจ้าคือมู่เสียนก็พอ”
เสียงเจือพลังมหามรรคเสียดลึกถึงสภาวะจิตมู่เสียน ทำให้เขาได้สติเหมือนถูกไม้ฟาดทันที
ความคิดฟุ้งซ่านล้วนสลายหายไป ทั้งตัวนิ่งสงบผ่อนคลายลง
เขาหันไปมองซย่าจื้อที่อยู่ข้างกาย กล่าวอย่างรวบรวมความกล้า “ท่านพี่ แม้ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ แต่ภายหน้าข้าจะพยายามเข้าใจ”
ซย่าจื้อพยักหน้าน้อยๆ
หลินสวินที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด
เด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งก้าวเดียวทะยานฟ้าโดยไม่ตั้งใจ การเจอวาสนาเช่นนี้กล่าวได้ว่าโชคเคราะห์บรรจบ มีทั้งคุณและโทษ
แต่ขอเพียงจิตใจไม่ดับมอดก็พอแล้ว
เวลานี้หลินสวินนึกถึงชิงเฟิงขึ้นมา พรสวรรค์ของเขาไม่ถึงขั้นดีนัก แต่ตนกลับมีวิธีแปรมหามรรคเทียมฟ้าสายหนึ่งให้เขา
เรื่องนี้เป็นเพราะประสบการณ์ฝึกปราณและสติปัญญาของตนมีส่วนช่วย แต่กล่าวกันถึงที่สุดแล้ว ต่อให้คุณสมบัติของชิงเฟิงแย่แค่ไหนก็ยังมีความหวังไปครองอำนาจเหนือมหามรรคเช่นกัน!
มิฉะนั้นต่อให้ตนมีอภินิหารเย้ยฟ้าก็ทำทุกอย่างนี้ไม่ได้
‘จิตใจ ชีวิต พรสวรรค์ มหามรรค…’ ในหัวหลินสวินเกิดการรู้แจ้งราวมีอสนีบาตสายหนึ่งวาบผ่าน
ทุกชีวิตบนโลกนี้ล้วนมีพรสวรรค์ของตน ล้วนมีโอกาสก้าวบนมหามรรคเทียมฟ้าของตน!
อยากแจ้งมรรคไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งอ่อนแอหรือร้ายดีของพรสวรรค์ หากแต่อยู่ที่จิตใจ
จิตใจเหมือนแท่นบูชา ไม่ดับมอดไม่เสื่อมสูญ ย่อมคาดหวังมหามรรคได้!
ทำไมสิ่งมีชีวิตมากมายบนโลก ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนถึงก้าวสู่จุดสูงสุดบนวิถีมหามรรคได้น้อยนัก
หนึ่งคือถูกจำกัดด้วยข้อผูกมัดของ ‘ทรัพย์ สหาย วิชา สถานที่’
แต่แก่นสำคัญที่สุดอยู่ที่สภาวะจิต!
ความล้มเหลว ยากลำบาก หยิ่งผยอง ลำพองตน ขอเพียงเป็นเรื่องของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา โดยทั่วไปเมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงบนโลก ย่อมง่ายต่อการเกิดมารผจญในใจ
นี่ต่างหากแก่นสำคัญที่ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่บนโลกไม่อาจก้าวสู่จุดสูงสุดของมหามรรค!
‘อัจฉริยะแห่งยุคอะไร ท่าทีเย้ยฟ้าอะไร ขอเพียงจิตใจไม่ดับมอด ต่อให้เป็นมดปลวกตัวจ้อยก็มีโอกาสแจ้งมรรคเทียมฟ้า นี่อาจเป็นแก่นจริงแท้ของชีวิต…’
หลินสวินพึมพำในใจ
เมื่อเห็นการเกิดของพลังพรสวรรค์มากมายบนโลกมอบวิญญาณ ทั้งผ่านเรื่องราวบนโลกแปรมรรค ทำให้หลินสวินมีความเข้าใจต่อมรรคแห่งชีวิตขึ้นไปอีกขั้น
…
สิบวันต่อมา
ซย่าจื้อตื่นจากสมาธิ
พลังปราณทั้งตัวนางทะลวงจากระดับมหาสมุทรวิญญาณถึงระดับอมตะขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์แล้ว
นี่เป็นเรื่องธรรมดา นางแปรมหามรรคนิรันดร์สัมบูรณ์สายหนึ่งออกมาได้นานแล้ว ก่อนหน้านี้แค่จงใจอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณมาตลอดเท่านั้น
ทั้งประสบการณ์ของซย่าจื้อยังต่างจากคนอื่นด้วย
เดิมนางก็เคยผ่านการกลับชาติมาฝึกใหม่ โลกแปรมรรคนี้ก็แค่กลับชาติมาฝึกใหม่อีกครั้งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้นางจึงอาศัยจิตใจและสติปัญญาของนาง แปรมหามรรคเทียมฟ้าเช่นนี้ยามหยั่งรู้มหามรรคของโลกแปรมรรค
ทุกครั้งที่มรรควิถีของนางทะลวงระดับ ต่อให้ต่างจากมรรคาที่วิวัฒน์ออกมาก็ทำการปรับเปลี่ยนและแก้ไขในระดับนั้นได้
นี่ต่างจากหนทางแปรมรรคของหลินสวินโดยสิ้นเชิง
อย่างน้อยเมื่อเขาฝึกใหม่ก็ต้องยกระดับทีละขั้น ใช้พลังของระดับนั้นมาหยั่งรู้ระเบียบมรรควัฏจักรของโลกแปรมรรค ครั้นแล้วจึงแปรมรรคาที่สูงกว่าได้
สองวิธีนี้ต่างหนทางแต่มีเป้าหมายเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัย
“เตรียมพร้อมหรือยัง”
เมื่อเห็นซย่าจื้อลืมตาขึ้นมา หลินสวินยิ้มเอ่ยถาม
ซย่าจื้อพยักหน้าน้อยๆ
“เช่นนั้นวันนี้พวกเราจะออกจากโลกนี้ไป” หลินสวินพูดพลางเหลือบมองศิลาเทพแปรมรรคที่อยู่ข้างๆ “เชิญเจ้าก่อน”
ซย่าจื้อตรงไปข้างหน้า ยื่นมือกดลงบนศิลาเทพแปรมรรค
ตูม!
ศิลาเทพแปรมรรคดังกัมปนาท ตอบสนองกับมรรคาบนตัวซย่าจื้อ แผ่กลิ่นอายแรกกำเนิดพลุ่งพล่านเร้นลับแถบหนึ่งออกมา
นั่นคือพลังของผลมรรคแรกกำเนิด!
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ ประตูสวรรค์บานหนึ่งปรากฏกลางอากาศ จากนั้นตัว ‘มู่อวิ๋น’ ร่างจำแลงของซย่าจื้อมีหมอกแสงสายหนึ่งพุ่งออกมา โฉบหายเข้าไปในประตูสวรรค์
ส่วนตัวมู่อวิ๋นอ่อนยวบหมดสติลงกับพื้น
ต่างจากความหยามเหยียดที่พวกเขามีต่อหลินสวินตอนแรกโดยสิ้นเชิง
“กำลังสำคัญของพวกเราเก้าภาคี ปัจจุบันล้วนรวมตัวกันอยู่บนโลกโลกาสวรรค์ทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยคือหากจะจัดการเจ้าหลินสวินในแดนเทพสรรพวิญญาณ โลกโลกาสวรรค์คือโอกาสสุดท้าย”
ชิงหยางจื่อกล่าวเสียงขรึม
ในเก้าภาคีต่างมีทูตชะตาสวรรค์ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งคนหนึ่งนั่งบัญชาอยู่ในโลกโลกาสวรรค์ ทุกคนล้วนมีมรรควิถีที่เกือบจะทัดเทียมจอมมรรคไร้ขอบเขต
ขู่เหอครุ่นคิด “โลกโลกาสวรรค์… สิ่งที่สถานที่นั้นประชันกันคือการควบคุม ‘ต้นกำเนิดโลกาสวรรค์’ หากคว้าโอกาสได้ก็จะมีโอกาสกำจัดหลินสวิน”
“โอกาสหรือ”
เทียนซูยิ้มขื่นกล่าว “ไม่ขอปิดบังทุกท่าน ตอนนี้ข้าไม่กล้าหวังว่าจะกำจัดหลินสวินได้อีกแล้ว”
คนอื่นล้วนเงียบไป
หลังผ่านการโจมตีหลายครั้งเช่นนี้ ในใจพวกเขาต่างกลัดกลุ้มจริงๆ ไม่กล้ายืนยันว่ากำลังพลในโลกโลกาสวรรค์นั่นจะจัดการหลินสวินได้หรือไม่
“ไม่ว่าอย่างไรเมื่อหลินสวินเข้าสู่โลกโลกาสวรรค์ ต่อให้สุดท้ายไม่อาจจัดการเขาได้ก็ไม่อาจให้เขาบุกผ่านโลกนี้ไปโดยง่ายเด็ดขาด!”
เพ่ยถูกัดฟันกล่าว นัยน์ตาเปี่ยมแววคลุ้มคลั่ง เหมือนเป็นการเดิมพันทุ่มสุดตัว
…
โลกโลกาสวรรค์
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่เปี่ยมพลังต้นหนึ่ง
เฒ่าโดดเดี่ยวกำลังดื่มอย่างหนัก สีหน้าออกจะกระสับกระส่าย
ตรงหน้าราชครูส่ายหัวจนปัญญาอยู่บ้าง “รอมาหลายปีขนาดนี้ ทำไมถึงตอนนี้ยังข่มอารมณ์ไม่อยู่”
“ในเก้าโลกของแดนเทพสรรพวิญญาณ ทุกแห่งมีกำลังพลเก้าภาคีไท่ชูกระจายอยู่ เจ้าหลินสวินนั่นคิดจะบุกฝ่าออกมาเกรงว่าคงเจออันตรายนับไม่ถ้วน ไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร”
เฒ่าโดดเดี่ยวกล่าวไม่สบอารมณ์
ราชครูพลันเงียบไปค่อยกล่าว “เฒ่าชราพวกนั้นยังรออยู่ในแดนเทพมากเร้น นี่พอจะพิสูจน์ว่าสหายน้อยหลินยังไม่เกิดเรื่อง”
“ไม่เกิดเรื่องไม่ได้หมายความเขามาถึงโลกโลกาสวรรค์อย่างราบรื่น”
เฒ่าโดดเดี่ยวแค่นเสียงกล่าว
“หึๆ”
ราชครูหัวเราะขึ้นมา “ว่าไปแล้วข้ากลับนึกถึงคำทำนายที่เคยมอบให้สหายน้อยหลินยามอยู่จักรวรรดิจื่อเย่าเมื่อนานมาแล้ว หนทางข้างหน้าเขาอบอวลด้วยหมอกหนา บนหนทางที่จากมากลับเป็นภาพฟ้าถล่มดินทลาย ตอนนี้ดูท่าว่าจะเป็นจริงทั้งหมดแล้ว เจ้าลองดูมรรคาฝึกปราณของเขาจนถึงตอนนี้ เกือบทั้งหมดล้วนเป็นความปั่นป่วน อลหม่าน กลิ่นอายคาวเลือด นำมาซึ่งตัวแปรไม่รู้เท่าไร”
เฒ่าโดดเดี่ยวอึ้งงัน “เจ้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นดาวพิบัติหรือ”
“ไม่ ไม่ทำลายไม่ก่อเกิด ถึงเรียกว่าเป็นตัวแปรซึ่งไม่เคยมีมาก่อน”
ราชครูส่ายหัวกล่าว “จักจั่นทองมองออก เฒ่าโพธิก็มองออก เชื่อว่ายอดบุคคลอย่างเฉินซีกับไท่ชูก็คงมองออกนานแล้ว ตอนนี้ข้าแค่สงสัย หลังจากเขาไปถึงแดนเทพมากเร้นจะเปิดฉากตัวแปรอะไรอีก…”
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์