Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3213

ตอนที่ 3213 การเคลื่อนไหวของบรรพจารย์วานร

ภาพน่าตระหนกปรากฏ…

ในห้วงอากาศ โลกโลกาสวรรค์แห่งแล้วแห่งเล่าอุบัติ ไพศาลเจิดจรัสยิ่ง ต่างรองรับอารยธรรมแห่งหนึ่งและมหามรรคมากมาย ปรากฏหมื่นลักษณ์หมื่นวิญญาณ…

ราวกับรวมตัวจากโลกยุคสมัยมากมาย!

นี่ก็คือมรรคโลกาสวรรค์

ควบรวมไอโลกาสวรรค์แล้วกระตุ้นมหามรรคแห่งตนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สำแดงพลังชั้นเลิศที่รองรับอารยธรรมและมหามรรคออกมา

และการครอบครองอานุภาพระดับนี้ไม่ต่างจากราชันแห่งยุคสมัยแล้ว

ตอนนี้เมื่อทูตชะตาสวรรค์ห้าคนอย่างพวกตี้ฉางสู้สุดชีวิต โลกโลกาสวรรค์ห้าใบที่ปลดปล่อยออกมาก็เรียกได้ว่าน่ากลัวยิ่ง!

สำหรับพวกเขา การโจมตีนี้สามารถเปิดทางรอดสายหนึ่งให้พวกเขาหนีออกจากฟ้าดินแถบนี้ไปได้!

ใช่แล้ว เพียงเพื่อหนีเท่านั้น

แต่ครู่ต่อมา…

ตูม!

โลกโลกาสวรรค์ใบหนึ่งพังถล่ม ราวกับโลกยุคสมัยอันไพศาลแห่งหนึ่งเหี่ยวเฉาในชั่วขณะนี้ อารยธรรมและมหามรรคที่รองรับล้วนแตกสลาย พังทลายอย่างสิ้นเชิง

พรูด!

สิงอวิ๋นโจวกระอักเลือด ราวกับถูกฟ้าผ่า บาดเจ็บสาหัส

นี่คือโลกโลกาสวรรค์ของเขา เป็นสิ่งที่สะท้อนมรรควิถีของเขา กลับยังถูกซัดสะเทือนแตกสลายหมดสิ้นในชั่วขณะนี้ ทำให้มรรควิถีของเขาได้รับเสียหายรุนแรง

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

สิงอวิ๋นโจวเงยหน้าขึ้น ก็เห็นโลกโลกาสวรรค์ของพวกตี้ฉาง ตูเทียนหยวน ตานถู หลิวเหยาถูกโจมตีหนักหน่วงในยามนี้เช่นกัน

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

เสียงกึกก้องสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น โลกโลกาสวรรค์แห่งแล้วแห่งเล่าระเบิดออกราวกับฟองสบู่ ซัดละอองแสงพร่างพราวงดงามออกมา ม้วนตัวแล้วสลายไปดั่งกระแสน้ำ

ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของโลกโลกาสวรรค์ของหลินสวิน ล้วนถูกซัดแตกเป็นเสี่ยงภายในการโจมตีเดียว

ภาพเหตุการณ์นั้นราวกับโลกยุคสมัยมากมายถูกกระแทกแหลกละเอียดอย่างหนัก!

สิงอวิ๋นโจวอึ้งงันย่างสิ้นเชิงแล้ว

เมื่อหันมองดูพวกตี้ฉาง ตูเทียนหยวน ล้วนเงาร่างโซเซ กระอักเลือดไม่หยุด แต่ละคนบาดเจ็บหนักหน่วง กลิ่นอายทั้งร่างปั่นป่วน

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กรีดร้องไม่หยุด สภาวะจิตได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง

ใช้พลังของคนผู้เดียว ภายใต้การโจมตีเดียวก็ทำลายโลกโลกาสวรรค์ของพวกเขาห้าคนได้!

นี่น่ากลัวเกินไป ทำลายความเข้าใจของพวกเขาโดยสมบูรณ์

ราชครูยังอึ้งงันจนอ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้ สูดหายใจสะท้าน ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองสักนิด

“น่าตกใจมากใช่ไหม”

เฒ่าโดดเดี่ยวกล่าวกลั้วหัวเราะ เห็นท่าทีอึ้งงันของราชครู เขาก็นึกถึงท่าทางโง่งมอึ้งงันของตนยามหลินสวินกำราบพวกฉงซวีก่อนหน้านี้

“บอกให้ถอยนานแล้ว เหตุใดยังดื้อดึงอยู่อีก…”

พวกฉงซวี ปาเจวี๋ยเพิ่งหนีจากความตายมาได้ แต่หลังจากเห็นภาพนี้ก็อดสิ้นหวังไม่ได้ แต่ละคนราวสูญเสียบุพการี หมดหวังถึงขีดสุด

ตูม!

แสงมรรคทั่วฟ้าสลายตัว

ใต้ฟ้าเหลือเพียงเงาร่างหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศเพียงลำพัง มองลงมายังพวกทูตชะตาสวรรค์ที่บาดเจ็บเหล่านั้น กล่าวว่า “ยังจะลองอีกหรือไม่”

พวกตี้ฉางเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก มองไปยังหลินสวิน สีหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยความอึ้งงันและหวาดหวั่น

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่เพิ่งมาถึงโลกโลกาสวรรค์จะครอบครองมรรคโลกาสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร! ต่อให้ยามนี้ถูกโจมตีพ่ายแพ้แล้ว ในใจก็ยังเต็มไปด้วยความฉงนที่ยากจะอธิบาย

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

เห็นว่าไม่มีคนตอบ หลินสวินหมดความสนใจทันที “ช่างเถอะ ข้าจะส่งทุกท่านไปลงนรกเอง”

ตูม!

แสงมรรคทั่วฟ้าปรากฏ กลายเป็นโลกโลกาสวรรค์ที่ใหญ่จนบดบังฟ้าดิน ตอนนี้พวกตี้ฉางไร้แรงดิ้นรนแล้ว ทำได้เพียงมองตนเองถูกกลืนกินราวกับมดตัวจ้อยโดยไม่สามารถทำอะไรได้

ถึงตอนนี้ทูตชะตาสวรรค์ทั้งเก้าซึ่งอยู่ในโลกนี้ล้วนร่วงหล่น!

เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูที่อยู่ในไกลๆ สีหน้าเหม่อลอยระลอกหนึ่ง

พวกเขาสู้กับทูตชะตาสวรรค์เหล่านั้นมาไม่รู้กี่ปี หนีอย่างสะบักสะบอมทุกครั้ง และหลายครั้งที่พบเจออันตราย

แน่นอนว่าพวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของทูตชะตาสวรรค์เหล่านั้นเป็นอย่างดี

แต่พวกคนที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้กลับถูกหลินสวินสังหารหมดสิ้นในชั่วพริบตา นี่ทำให้เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูต่างรู้สึกเหมือนไม่สมจริง ราวกับกำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น

จู่ๆ เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งสอง พวกท่านรีบไปรักษาแผลเถอะ อย่าได้ปล่อยให้บาดแผลกลายเป็นภัยแฝง”

เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูเงยหน้ามองไปก็เห็นหลินสวินก้าวเดินมาจากห้วงอากาศแล้ว

สวมชุดสีขาวพระจันทร์ หล่อเหลาละโลกีย์ รูปลักษณ์ยังคงเหมือนยามเป็นเด็กหนุ่ม แต่ในสายตาของเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครู เด็กหนุ่มคนนี้… เป็นคนที่สามารถทำให้พวกเขาแหงนหน้ามองชื่นชมได้แล้ว!

……

แดนเทพมากเร้น

จอมมรรคชะตาสวรรค์ทั้งเก้าอย่างพวกเพ่ยถู ชิงหยางจื่อ ขู่เหอต่างเงียบงัน

บรรยากาศกดดันอย่างที่สุด

พวกเพ่ยถูตกใจ จากนั้นเผยสีหน้าตื่นเต้น แม้แต่บรรพจารย์วานรก็นั่งไม่ติด ในที่สุดก็เลือกจะลงมือแล้วหรือ

ระหว่างที่คิดพวกเขาก็เคลื่อนไหวแล้ว ตามบรรพจารย์วานรไปติดๆ

……

“บรรพจารย์วานรเคลื่อนไหวแล้ว”

โลกจำศีล จักจั่นสัมผัสบางอย่างได้ เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เคลื่อนไหวตอนนี้ใจร้อนเกินไปหน่อยแล้ว”

“บรรพจารย์วานรติดตามอยู่ข้างกายไท่ซูตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว เป็นทั้งข้ารับใช้ทั้งสหาย มรรคาของเขาผสานพลังแห่งความขุ่นใส หยินหยาง สองลักษณ์ไว้ด้วยกัน วิวัฒน์เป็นท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งยอดเอกอุสัมบูรณ์ สิ่งยากที่สุดคือมรรควิถีทั้งตัวเขาฝึกฝนมาอย่างยากลำบากด้วยตนเองทั้งหมด แม้แต่ไท่ชูยังไม่เคยให้ความช่วยเหลือเขามากนัก”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดเสียงเบา “สหายยุทธ์คงรู้ดี ในทุกยุคสมัยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกมรรคายอดเอกอุมีนับไม่ถ้วน แต่คนที่ไปถึงขั้นสัมบูรณ์บนมรรคานี้กลับมีเพียงบรรพจารย์วานรคนเดียวเท่านั้น”

จักจั่นทองยิ้มกล่าว “มรรคแห่งยอดเอกอุผสมผสานความแข็งแกร่งและนุ่มนวล รวมหยินหยาง หนึ่งนิ่งหนึ่งขยับ ล้วนสำแดงความมหัศจรรย์ไร้บกพร่องอันสมบูรณ์แบบ สหายยุทธ์คิดว่าการเคลื่อนไหวของบรรพจารย์วานรในครั้งนี้เตรียมพร้อมมานานแล้ว ไม่ได้กระทำด้วยความเร่งรีบเช่นนั้นหรือ”

“ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลกล่าว “หรือพูดได้ว่าทันทีที่บรรพจารย์วานรเคลื่อนไหวจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ไท่ชูอยากเห็นพอดี”

“ถ้าอย่างนั้นสหายยุทธ์ไม่คิดจะลงมือหรือ”

จักจั่นทองอึ้งไป

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลใคร่ครวญแล้วให้คำตอบหนึ่ง “ปล่อยไปตามธรรมชาติ”

……

“ท่านปู่ บรรพจารย์วานรเคลื่อนไหวแล้ว ในที่สุดเจ้าเฒ่านี่ก็หมดความอดทนแล้วหรือ”

โลกหงหลิง เฉินหลินคงตาเป็นประกาย

“ขนาดเจ้ายังรู้ความเคลื่อนไหวของเขา เขาจะไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการทำเช่นนี้ได้อย่างไร”

ในกระท่อมเสียงที่กระจ่างกังวานดังมา “อย่าร้อนใจ การกระทำนี้ของบรรพจารย์วานรทุกคนล้วนเห็นอยู่ในสายตา ไม่ว่าเขาจงใจคิดจะชิงลงมือก่อน หรือคิดจะวางแผนหลอกล่อก็ไม่สำคัญ ขอเพียงไท่ชูไม่เคลื่อนไหว การประลองหมากครั้งนี้ก็ยังไม่ถือว่าเริ่มขึ้น”

เฉินหลินคงเลิกคิ้วกล่าว “ท่านปู่ ในสายตาท่านมีเพียงไท่ชู แต่ข้ากลับเป็นห่วงสถานการณ์ของสหายน้อยหลิน ไม่สู้… ข้าไปที่แท่นมรรคมากเร้นนั่นสักรอบดีหรือไม่”

เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงในกระท่อมจะดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าไปดูสักหน่อยก็ดี”

เฉินหลินคงดีใจทันที หมุนตัวจากไป

เขาใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบมานานแล้ว

“จิตใจเช่นนี้ ยังเทียบจักจั่นทองและโพธิไม่ได้ แต่… ก็ไม่เป็นไร แต่ละคนล้วนมีมรรคของตน มีอุปนิสัยของตน มุ่งมั่นจะพัฒนาก็ดี มั่นคงราวกับภูเขาก็ช่าง ถึงอย่างไรพวกเขาก็แตกต่างกัน”

ในกระท่อมเงาร่างโดดเด่นสายหนึ่งจมสู่ภวังค์ความคิด

“กลับเป็นหลินสวินนี่ แม้ไม่เคยข้ามทางพิฆาตมรรค ตอนนี้มรรควิถีของเขาน่าจะโดดเด่นเหนือกว่าคนรุ่นก่อนแล้ว… ในจุดนี้เจ้าโพธินั่นช่างสมกับเป็นคนอาจหาญความคิดยาวไกล แม้จ่ายค่าตอบแทนไปมาก แต่ได้ผู้สืบทอดเช่นนี้มาคนหนึ่งก็สามารถทำให้เขาปลาบปลื้มและภาคภูมิใจได้แล้ว…”

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์