Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3214

สรุปบท ตอนที่ 3214 ละครของไท่ชู: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 3214 ละครของไท่ชู จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 3214 ละครของไท่ชู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 3214 ละครของไท่ชู

ในฟ้าดินปานแรกกำเนิด

อีกาดำที่อยู่บนกิ่งไม้ลังเลครู่ใหญ่ สุดท้ายก็อดพูดไม่ได้ “เจ้าลัทธิ ท่านให้บรรพจารย์วานรเคลื่อนไหวยามนี้หรือ”

ส่วนลึกใต้ดิน เสียงของราชันไท่ชูดังขึ้น “อีกาน้อย เจ้าคิดว่าบรรพจารย์วานรเคลื่อนไหวตอนนี้จะชักนำตัวแปรมามากเท่าไร”

อีกาดำไตร่ตรองแล้วพูดว่า “สถานการณ์ของแดนเทพมากเร้นในตอนนี้ เคลื่อนไหวเพียงน้อยก็กระทบทั้งกระดาน จะต้องดึงดูดความสนใจของพวกเฉินซี จักจั่นทอง โพธิ เฉินหลินคงอย่างแน่นอน ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทนไม่ไหวเคลื่อนไหวตอนนี้หรือไม่ เช่นนี้บรรพจารย์วานรก็อันตรายแล้ว”

“ผิดแล้ว”

ราชันไท่ชูพูด “บรรพจารย์วานรเคลื่อนไหว จึงสามารถทำให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้ ส่วนบรรพจารย์วานร… ไม่เป็นอะไรหรอก นี่เป็นการจัดการของข้าอยู่แล้ว คู่ต่อสู้เหล่านั้นไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นยามหลินสวินไปถึงแดนเทพมากเร้นจะต้องถูกบรรพจารย์วานรพาคนปิดล้อมอย่างแน่นอน แหากพวกเขาเคลื่อนไหว นั่นก็ยิ่งดี”

อีกาดำเหมือนตระหนักอะไรได้ พูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าลัทธิ หรือท่านมีพลังพอจะหลุดพ้นแล้ว”

“นั่นต้องดูว่ายามตัวแปรอย่างหลินสวินมาถึง คุ้มค่าพอให้ข้าออกไปหรือไม่”

เสียงของราชันไท่ชูแฝงความลึกลับ “หากไม่คุ้ม เช่นนั้นความพยายามของข้าก็เสียเปล่าแล้ว”

ในใจอีกาดำสะท้าน กล่าวว่า “หรือเจ้าลัทธิวางหมากไว้นานแล้ว”

“ข้าถามเจ้า สำหรับเจ้า ในแดนเทพมากเร้นศักยภาพของพวกเรากับคู่ต่อสู้เหล่านั้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ”

“ตอนนี้ดูเหมือนกำลังสูสีกัน”

อีกาดำพูดเสียงเบา

ในแดนเทพมากเร้น ตอนนี้คนเดียวที่สามารถคุกคามราชันไท่ชูได้ก็คือเฉินซี

นอกนั้นทั้งโพธิ จักจั่นทอง เฉินหลินคงล้วนด้อยกว่าเล็กน้อย ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีมรรควิถีเพียงราชันไร้ขอบเขต

ทว่าฝั่งพวกเขามีเพียงนางกับบรรพจารย์วานรที่เป็นราชันไร้ขอบเขต ในขอบเขตนี้พวกเขาด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่บ้าง

แต่สำหรับอีกาดำ เพียงแค่เจ้าลัทธิคนเดียวก็สามารถคุกคามฝั่งตรงข้ามได้แล้ว แม้ตอนนี้เจ้าลัทธิถูกคุมขัง แต่ก็สามารถสยบอีกฝ่ายได้

ไม่เช่นนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเหตุใดพวกเฉินซี โพธิจึงไม่ลงมือเสียที

เหตุผลเพราะพวกเขายำเกรงตัวตนของเจ้าลัทธิ!

สำหรับระดับจอมมรรคไร้ขอบเขต ฝั่งพวกเขามีจอมมรรคชะตาสวรรค์ของเก้าภาคีไท่ชู มีบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน

ส่วนอีกฝั่งมีเพียงบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณสองคน

แน่นอนว่าในสายตาของอีกาดำ การประชันในแดนเทพมากเร้น คนระดับจอมมรรคไร้ขอบเขตไม่มีความสามารถเพียงพอแล้ว

“กำลังสูสีกันหรือ”

ราชันไท่ชูอดยิ้มไม่ได้ ในเสียงแฝงความนัยที่อธิบายไม่ถูก เหมือนกำลังหัวเราะเยาะ และเหมือนรู้สึกว่าความคิดนี้น่าขันมาก

ส่วนอีกาดำกลับตีความได้อีกชั้นจากเสียงหัวเราะ อดพูดไม่ได้ “เจ้าลัทธิ หรือท่านมีความมั่นใจว่าจะชนะแน่นอนแล้ว”

ราชันไท่ชูพูดเนิบๆ “ชนะแน่นอนหรือ พูดยาก สถานการณ์ที่เจ้าคิดว่ากำลังสูสีกัน แต่ในสายตาของพวกเฉินซี โพธิ ขอเพียงแค่ตัวแปรอย่างหลินสวินมา ก็สามารถทำให้พวกเราพ่ายแพ้อย่างราบคาบในการประชันหมากครั้งนี้ได้แล้ว”

“เช่นนั้นเจ้าลัทธิคิดเห็นอย่างไร” อีกาดำพูด

ราชันไท่ชูกล่าว “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งย่อมไม่พ่าย ตอนนี้เบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดของคู่ต่อสู้ข้าล้วนรู้แล้ว คนเดียวที่สามารถคุกคามข้าได้มีเพียงเฉินซีเท่านั้น”

เสียงเรื่อยเฉื่อยเหมือนกำลังอธิบายความเป็นจริงข้อหนึ่ง

ราชันไท่ชูเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อว่า “และสิ่งเดียวที่ไม่สามารถแน่ใจได้คือตัวแปรอย่างหลินสวิน แต่ตอนนี้บรรพจารย์วานรได้เปิดฉากเคลื่อนไหวแล้ว รอหลินสวินไปถึงอย่างแท้จริง ละครย่อมต้องเริ่มแสดง”

อีกาดำอยากถามมากว่า นี่เป็นละครอย่างไรกันแน่ แต่สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้

นางรู้ชัดว่าก่อนละครที่ว่านั่นจะเริ่มขึ้น เจ้าลัทธิไม่มีทางเปิดเผยความเร้นลับที่ซ่อนอยู่

“เฉินซี… เฉินซี…”

จู่ๆ ราชันไท่ชูก็พึมพำ “หากเจ้าอยากขัดขวาง เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว…”

ในใจอีกาดำสะท้าน เดาความเป็นไปได้หนึ่งออก การวางหมากของเจ้าลัทธิ แม้แต่คนชั้นเลิศอย่างเฉินซียังยากทำลาย!

“อีกาน้อย รอก่อนเถอะ รอตัวแปรอย่างหลินสวินมา รอการประชันหมากครั้งนี้จบลง ข้าจะไปแดนเทพอัศจรรย์กับเจ้าและบรรพจารย์วานร”

กลางฟ้าดินเสียงของราชันไท่ชูค่อยๆ แผ่วต่ำและหายไป ไม่มีความเคลื่อนไหวอีก

ในใจอีกาดำกลับกระเพื่อมขึ้นลงยากจะสงบ

……

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น

โลกโลกาสวรรค์

ในป่าเขียวขจีผืนหนึ่ง ธารน้ำไหลเชี่ยว

“ทางพิฆาตมรรคนั่น สิ่งที่พิฆาตคือมรรคแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต อันตรายหาใดเปรียบ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันก็มีเพียงไม่กี่คนที่ข้ามไปได้”

เฒ่าโดดเดี่ยวดื่มเหล้าพลางกล่าว “แต่ข้าเองก็ไม่เคยข้าม ไม่รู้ว่ายามก้าวขึ้นทางพิฆาตมรรคแล้วจะพบเจออันตรายเช่นไร”

ราชครูเอ่ยว่า “ข้ากลับเคยได้ยินว่าเมื่อข้ามทางพิฆาตมรรค มรรควิถีทั้งร่างจะกลายเป็นมรรควิถีแรกกำเนิดที่แท้จริง”

หลินสวินอึ้งงัน กล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

เบิกม่านแรกกำเนิด แรกพบโลกาสวรรค์

โลกาสวรรค์สามารถรองรับอารยธรรมและมหามรรค เช่นนี้จึงสามารถแปรหมื่นลักษณ์และหมื่นวิญญาณทั่วโลกได้

ส่วนพลังปราณกลับเป็นกระบวนการย้อนทวนต้นกำเนิดอย่างหนึ่ง

นิพพาน พลังลึกลับที่สามารถสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ ทำให้เกิดการวิวัฒน์แปรสภาพ!

เมื่อครอบครองพลังระดับนี้ก็เหมือนครอบครองวิธีดั่งหงส์เพลิงเกิดใหม่ ดักแด้กลายผีเสื้อ ทำให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงได้!

ส่วนมรรคแห่งชีวิต กลับถูกมองเป็นมรรคาที่สูงกว่ามรรคานิรันดร์ และเป็นมหามรรคที่พวกเฉินซี ไท่ชูเสาะหามาโดยตลอด

พลังนิพพานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแปรสภาพของชีวิต ย่อมดูน่าทึ่งมาก

และด้วยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนีจึงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว ว่าแก่นแท้ของมรรคแห่งนิพพานอยู่ที่คำว่า ‘เปลี่ยนแปลง’ สามารถสร้างมหามรรคขึ้นใหม่ และสามารถทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงแปรสภาพได้!

ตัวแปรเช่นนี้ย่อมครอบครองความเป็นไปได้ที่จะทำลายทุกสิ่งในอดีต ล้มล้างการรับรู้ทั้งหมดของโลก!

หลายวันนี้หลินสวินหยั่งรู้และอนุมานนัยเร้นลับนิพพานมาโดยตลอด และเคยลองผสาน ‘ต้นกำเนิดมอบวิญญาณ’ เข้าไปในนิพพาน

ต้นกำเนิดมอบวิญญาณสามารถฟูมฟักพลังพรสวรรค์นับไม่ถ้วน และพรสวรรค์ก็เกี่ยวข้องกับชีวิต เท่ากับเกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับของมรรคแห่งชีวิต

เมื่อนานมาแล้วราชันไท่ชูเคยเข้าสู่โลกมอบวิญญาณในประตูนิรันดร์ ทั้งยังเคยหยั่งรู้และครอบครองพลังแห่งการมอบวิญญาณ

และเพราะเหตุนี้ทำให้หลินสวินตัดสินได้ว่า ราชันไท่ชูได้แตะธรณีประตูของมรรคแห่งชีวิตแล้ว มรรควิถีของเขาไม่ใช่สิ่งที่ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์เทียบได้อีกต่อไป

และในทางกลับกัน หลินสวินที่ครอบครองนัยเร้นลับต้นกำเนิดมอบวิญญาณ อันที่จริงก็แตะบนธรณีประตูของมรรคแห่งชีวิตนานแล้วเช่นกัน!

อีกทั้งนัยเร้นลับนิพพานที่เขาครอบครองยังสามารถทำให้ชีวิตเกิดการนิพพานและเปลี่ยนแปลง นี่ไม่ต่างอะไรกับการครอบครองพลังมหามรรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิต!

เมื่อก่อนเพราะพลังปราณจำกัด ทำให้เขายากจะทำความเข้าใจความลึกลับแก่นแท้ของนิพพาน

แต่ตอนนี้เมื่อเขาก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ เมื่อเขาสัมผัสนัยเร้นลับส่วนหนึ่งของมรรคแห่งชีวิต ความเข้าใจที่มีต่อนัยเร้นลับนิพพานก็มีการพัฒนาอีกช่วงใหญ่!

อย่างเช่นในหลายวันมานี้ ยามเขาพยายามผสานนัยเร้นลับมอบวิญญาณเข้าไปในนัยเร้นลับนิพพาน นัยเร้นลับนิพพานที่เขาครอบครองสามารถผสานรวมนัยเร้นลับมอบวิญญาณได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย

และในกระบวนการผสาน พลังของนิพพานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ทำให้มรรควิถีทั้งร่างหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ยากจะอธิบาย ก็เหมือนการทำลายพันธนาการในจิตวิญญาณของตน ไม่ถูกระดับและมหามรรคผูกมัดอีกต่อไป

ขอเพียงนัยเร้นลับนิพพานแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง มรรควิถีและชีวิตของเขาก็จะแปรสภาพอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของหลินสวิน

เขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนเช่นนี้หมายถึงอะไร

เพราะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขั้นไร้ขอบเขตก็คือขอบเขตสูงสุดแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนในระดับขั้นนี้ ย่อมยบังไม่มีใครมากำหนดชื่อเรียก แม้แต่บันทึกและคำบอกเล่าก็ไม่มี!

พูดอีกอย่าง ทุกอย่างล้วนยังเป็นปริศนา

แต่หลินสวินกล้ามั่นใจว่า การเปลี่ยนแปลงละเอียดอ่อนนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิตแน่นอน!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์