จูเหล่าซานยืนอยู่ที่นั่น เงาร่างราวภูผาสูงชันทอดเงายาวบนพื้น หนวดเคราผมเผ้าของเขารุงรังราววัชพืช ใบหน้าดำคล้ำ กล้ามเนื้อสีทองแดงบึกบึนเหมือนหินผา บนมือคู่โตดังพัดมีนิ้วมือหนา เส้นเลือดหลังมือคล้ายจะระเบิดปริออก เขายืนอยู่ตรงนั้น มีท่าทีกล้าแกร่งไม่หวั่นไหว
เพียงเห็นจูเหล่าซานในหนแรก หลินสวินก็ใจสั่นสะท้าน รู้สึกกดดันยากจะบรรยาย
ราวกับจูเหล่าซานเป็นเทพสงครามที่เพิ่งออกมาจากสนามรบที่เต็มไปด้วยภูเขาศพทะเลเลือด ลมหายใจปนเลือดเหล็กของมือสังหารอันมีเอกลักษณ์นั้นซึมซาบเข้าไปถึงกระดูก ไม่สามารถปิดบังไว้ได้จริงๆ
แข็งแกร่งมาก!
อย่างน้อยต้องมีปราณระดับหยั่งสัจจะ!
หลินสวินประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าชายผู้เก่งกล้าที่มาเพื่อ ‘แทนคุณ’ จะเป็นผู้มีความสามารถแข็งแกร่งปานนี้
ขณะเดียวกับที่หลินสวินประเมินจูเหล่าซานนั้นเอง ฝ่ายหลังก็เงยหน้าขึ้น มองหลินสวินปราดหนึ่ง ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ ดวงตาสงบนิ่ง แต่เพียงมองครั้งเดียว กลับทำให้หลินสวินรู้สึกราวถูกหอกทิ่มแทงไปทั้งตัว
ยังดีที่ในชั่วพริบตานั้นจูเหล่าซานถอนสายตาออกมา พูดเสียงอู้อี้ว่า “ข้าชื่อจูเหล่าซาน เมื่อห้าร้อยเจ็ดสิบหกปีก่อน ในการบุกกองทัพมืดครั้งที่สิบเก้าของจักรวรรดิ ข้าเคยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก โชคดีท่านเต้าเฉินยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ ทำให้ข้ารอดชีวิตมาครั้งหนึ่ง”
เสียงต่ำทุ้มดังขึ้นกลางโถงใหญ่ “ตอนนั้นข้าเคยสาบานไว้ ชีวิตนี้ต้องแทนคุณท่านเต้าเฉินที่ช่วยชีวิตให้จงได้!” พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดทันที จมอยู่ในความเงียบ
พูดจบแล้วหรือ?
หลินสวินอึ้งไป รอครู่หนึ่ง เมื่อจูเหล่าซานไม่มีทีท่าจะพูดต่อ ก็อดถามไม่ได้ว่า “ท่านทวดข้าจากไปแล้ว ท่านมาช้าไปแล้วล่ะ”
จูเหล่าซานตอบเสียงต่ำ “ไม่ช้าไปหรอก เจ้าเป็นเหลนสายตรงของท่านเต้าเฉิน ข้าถือว่าเจ้าเป็นผู้มีบุญคุณ ต้องตอบแทนที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
พูดตามจริง มีผู้มากฝีมือเช่นนี้มาออกตัวแทนคุณเองเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับหลินสวิน ซึ่งในตอนนี้ขาดคนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขากลับไม่กล้าออกตัวรับคำเอง
“สิบกว่าปีก่อน ตระกูลหลินของข้าเคยเกิดเหตุนองเลือดขึ้น ส่งผลให้ท่านปู่ ท่านพ่อและคนในตระกูลถูกฆ่า ถ้าท่านอยากแทนคุณ เหตุใดจึงไม่ปรากฏตัวเสียตั้งแต่ตอนนั้น”
แววตาหลินสวินลุ่มลึก มองตรงไปยังจูเหล่าซาน
ทันใดนั้น หลินสวินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาของจูเหล่าซานฉายแววหวั่นไหวยากจะสังเกตเห็น ดูเจ็บปวด ดูโทษตัวเอง
แต่ฉับพลันจูเหล่าซานก็กลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้งแล้วพูดว่า “ตอนที่ข้าเพิ่งออกจากสนามรบกลับเข้ามาที่เมืองต้องห้าม ผู้ร้ายก็หายตัวไปแล้ว” เขาไม่อธิบายมากนัก ตัวเขาเหมือนหินผาเย็นชา ทำให้ผู้อื่นไม่อาจจับความรู้สึกในใจหรือความคิดของเขาได้
ทว่าเพียงครู่เดียวหลินสวินกลับเข้าใจ
หลังจากเกิดเหตุนองเลือดนั้น ทุกคนนึกว่าคนตระกูลหลินตายไปหมดแล้ว บวกกับศัตรูก็มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าอันลึกลับ สถานการณ์เช่นนี้ต่อให้จูเหล่าซานอยากทดแทนบุญคุณก็คงไม่มีทางทำได้
“ข้าเพิ่งกลับมาภูเขาชำระจิตเมื่อวาน แล้วท่านรู้ฐานะของข้าได้อย่างไร” หลินสวินถามขึ้นทันควัน
จูเหล่าซานพูดอย่างกระชับได้ใจความ “ข้าได้ยินจากปากลูกชายเทพเศรษฐี”
“สืออวี่หรือ”
หลินสวินตะลึงงัน ความสงสัยในใจบรรเทาลงไม่น้อย เขาคิดไว้ว่าจะหาโอกาสไปถามสืออวี่ ก็ได้รู้ที่มาที่ไปของจูเหล่าซานเองเสียแล้ว
เด็กหนุ่มพึมพำ “ท่านคิดว่าจะแทนคุณอย่างไร”
จูเหล่าซานเอ่ย “ข้าต่อสู้เป็นอย่างเดียว เจ้าให้ข้าเป็นผู้คุ้มภัยของเจ้าก็ได้ ยามข้าเห็นว่าได้แทนคุณจนหมดแล้ว ข้าจะจากไปเอง”
หลินสวินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ต้องให้ข้าเตรียมอะไรให้หรือไม่”
จูเหล่าซานตอบ “ข้าวหนึ่งชาม น้ำหนึ่งกระบวยก็พอแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งกับชีวิตเจ้า เพียงเมื่อเจ้าต้องการข้า ข้าจะปรากฏตัวเอง”
ในที่สุดหลินสวินก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ต้องการมาแทนคุณจริงๆ จึงห้ามใจไม่ให้รู้สึกขอบคุณมิได้
ท่านทวดที่ตนไม่เคยได้พบหน้าจากไปนานแล้ว แต่คุณงามความดีและอิทธิพลที่ทิ้งไว้ครานั้น กลับยืนยาวมาถึงบัดนี้ แค่คิดก็รู้ว่ากิตติศัพท์และชื่อเสียงของท่านทวดในตอนนั้นจะสูงส่งเพียงไหน!
ทว่าจูเหล่าซานยิ่งประหลาดคน บุญคุณครานั้นเพียงครั้งเดียว ก็จดจำฝังใจจนบัดนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณผู้อื่น ใครจะยึดถือไว้ได้อย่างเขา เมื่อตั้งสัตย์สาบานแล้วไม่คืนคำ นี่สิถึงเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง!
หลินจงไปส่งจูเหล่าซานออกจากโถง ไม่นานนักก็กลับมารายงานว่า “นายน้อย ข้าจัดที่พักไว้ให้เขาแล้วขอรับ”
หลินสวินส่งเสียงอืม พูดอย่างใคร่ครวญว่า “ลุงจง ท่านว่าคนคนนี้เป็นอย่างไร”
บ่าวชรานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วรีบตอบว่า “คนคนนี้เป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายมือสังหารเลือดเหล็ก เป็นผู้แข็งแกร่งที่ต่อสู้ในสนามรบนานปีแน่นอน ดูวาจาท่าทางก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตนะขอรับ”
หลินสวินถามคำถามที่คาดไม่ถึง “เช่นนั้นท่านเอาชนะเขาได้หรือไม่”
“นี่ก็…”
หลินจงอึ้งไป เหมือนถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัว พลันตอบอย่างอายๆ ว่า “นายน้อย ข้าเป็นคนรับใช้แก่ๆ ไปเทียบกับผู้แข็งแกร่งผู้นั้นคงมิได้หรอกขอรับ”
หลินสวินร้องอ๋อ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางพูดว่า “ลุงจง ขนาดข้ายังมองพลังที่แท้จริงของจูเหล่าซานผู้นั้นไม่ออก ท่านกลับไม่เพียงประเมินพลังของอีกฝ่ายได้ ทั้งยังระบุชัดเจนว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง ออกจะแปลกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์