สือจั่นและฉางจื่อเหิงที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ ต่างยิ้มเยาะ สายตาฉายความเคียดแค้นเต็มประดา
เป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณกลับถูกบังคับให้คุกเข่ากับพื้น พวกเขารู้สึกอับอายเป็นที่สุด
แต่จู่ๆ หลินสวินกลับระบายยิ้ม “พวกเจ้าเดาไม่ผิด เหตุผลทั้งปวงที่ข้าอ้างมาก เพราะไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเจ้าตอนนี้”
ได้ยินเช่นนี้ พวกเซียวเฟิ่งหรูยิ่งดูย่ามใจ
ทว่าคำพูดต่อจากนั้นของหลินสวินกลับทำเอาสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ
“ยกเว้นโทษตาย หาใช่จะพ้นโทษ เพียงทำลายพลังปราณของพวกเจ้าเพื่อเป็นการลงโทษก็เห็นจะพอแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ แม้แต่หลินต้าหงเองยังหัวใจกระเพื่อมไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว แบบนี้เรียกว่าลงโทษเสียที่ไหน มันโหดร้ายยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
ผู้ฝึกปราณสูญเสียพลังปราณ หาใช่เพียงกลายเป็นคนพิการ แต่จะสูญเสียพลังในการดำรงชีวิต สถานภาพทั้งหมดที่มี รวมถึงเกียรติยศด้วยเช่นกัน!
ช่างเป็นการตอบโต้ที่น่ากลัวยิ่งนัก
ลองคิดดูว่าถ้าพวกเซียวเฟิ่งหรูถูกทำลายพลังปราณ พวกเขาจะยังมีที่ยืนในกลุ่มอำนาจสามตระกูลหลินสายรองอีกหรือ
ยิ่งมีอำนาจมาก การแข่งขันยิ่งโหดร้ายทารุณ ในฐานะผู้ดูแลต่างสกุลเรียกได้ว่ามีเกียรติเหนือใคร แต่ถ้าถูกทำลายพลังปราณ ทั้งฐานะ สถานภาพ รวมทั้งผลประโยชน์ทุกอย่างที่ได้รับก็จะถูกช่วงชิง!
ถึงตอนนั้น ผู้มีอำนาจคนไหนจะอยากเลี้ยงคนไร้ค่าพวกนี้ไว้
พวกเซียวเฟิ่งหรูเองก็ตระหนักถึงข้อนี้ ยามนี้ต่างมีท่าทางตื่นตกใจ อกสั่นขวัญแขวน ไหวหวั่นอย่างถึงที่สุด
“ไม่! เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้! หากเจ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับทั้งสามตระกูล ถึงตอนนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะมีจุดจบที่ดี!” เซียวเฟิ่งหรูกรีดร้อง
“หลินสวิน ข้าไม่ได้มาเพื่อสร้างความลำบากใจให้เจ้า แต่มาตามคำสั่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เจ้า…เจ้าอย่าคิดมาเอาคืนกับข้าเชียว” สือจั่นกลับลนลาน พลันเสียงสั่นใช้ไม้อ่อนเข้าสู้
ฉางจื่อเหิงกลัวจนใบหน้าไร้ซึ่งสีเลือดไปแล้ว ทำหน้าไม่ถูก ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
เทียบสภาพของพวกเขาในตอนนี้กับความเย่อหยิ่งที่ผ่านมาแล้ว หลินต้าหงอดรู้สึกดีใจไม่ได้ โชคดีที่ตัวเองเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์แต่แรก ไม่เคยเข้าไปพัวพันกับวังวนความวุ่นวายนี้ มิเช่นนั้น…
หลินต้าหงตัวสั่น ไม่กล้าคิดต่อ
หลินสวินยิ้ม เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเวทนาของทั้งสามแล้ว ในใจรู้สึกชิงชังอย่างบอกไม่ถูก
“จูเหล่าซาน ลงมือเถิด”
หลินสวินยกมือขึ้นโบก
“เจ้ากล้า…!”
“ข้าไม่ยอมเจ้าแน่!”
พวกเซียวเฟิ่งหรูใจเสียไม่เหลือสภาพราวกับเสียสติไปแล้ว พลันพุ่งตัวขึ้นโดยมีเป้าหมายคือหลินสวิน คิดจะทำให้จูเหล่าซานพะวักพะวน
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะลงมือ จิตสังหารที่ปกคลุมรอบๆ พวกเขาอย่างหนาแน่นก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น!
เสียงโครมครืนลั่นดัง พวกเขารับรู้ได้เพียงว่าข้อกระดูกทั่วทั้งร่างกายแทบจะแตกหัก ร่างกายพลันสะเทือนจนลงไปกองกับพื้น อย่าว่าแต่โต้ตอบ แค่เพียงกระดิกนิ้วยังไม่สามารถทำได้
ทันใดนั้น ในที่สุดจูเหล่าซานที่ยืนเงียบเป็นอิฐหินก็ขยับตัว เขาสะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำสามสายม้วนตัวออกมาและแทรกเข้าร่างพวกเซียวเฟิ่งหรู
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
สีหน้าของพวกเซียวเฟิ่งหรูพลันซีดเซียว ก่อนจะกระอักเลือดออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่พลังในตัวพวกเขากำลังสูญสิ้นอย่างรวดเร็วราวกับลูกหนังที่ถูกทิ่มทะลุจนคลายลม
เพียงพริบตาสายตาของพวกเขาก็หม่นแสงและดูล่องลอย ผิวหนังทั่วเรือนร่างสูญเสียความเรียบเนียน เหี่ยวเฉาราวกับคนแก่อายุนับร้อยปี
นี่คือจุดจบของการถูกทำลายพลังปราณ!
หลินต้าหงเองก็อึ้งงันไปกับภาพที่เห็น หัวใจเต้นระทึก หลินสวินดูสงบนิ่งมาโดยตลอด จนพาให้คนสงสัยว่าเขาใจกว้างเป็นมิตร
แต่ตอนนี้หลินต้าหงรู้ซึ้งแล้ว ว่าหลินสวินโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่าที่เขาคิด!
ด้านเซียวเฟิ่งหรู สือจั่น ฉางจื่อเหิงยามนี้ก็ราวกับวิญญาณสาบสูญ ทรุดกองกับพื้น สีหน้าดูหม่นแสงอย่างที่สุด
จากผู้ฝึกปราณผู้สูงส่งต้องกลายมาเป็นคนพิการ พวกเขารับไม่ได้จริงๆ
ต้องสูญเสียก่อน ถึงจะรู้คุณค่า น่าเสียดายที่เมื่อตระหนักได้ก็สายไปแล้ว
แต่หลินสวินยังคงพูดพร้อมรอยยิ้ม “กลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าว่าข้าก็ให้ทางเลือกพวกเขาสองทางเช่นกัน”
“ทางแรก ยอมจำนนต่อข้าเสีย แล้วคายสมบัติที่ปล้นไปจากภูเขาชำระจิตออกมา เห็นแก่ที่เป็นตระกูลเดียวกัน ข้าจะไม่เอาผิด”
“ทางที่สอง หากพวกเขาไม่ยอม ข้าจะถือเสียว่าพวกเขาเป็นกบฏต่อตระกูลหลิน จะปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นศัตรู สะสางชำระความในตระกูลหลิน!”
หลินสวินตริตรองอยู่ครู่ ก่อนเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าให้เวลาพวกเขาคิดเรื่องนี้สามปี อีกสามปีข้างหน้าหากพวกเขายังตัดสินใจไม่ได้ ข้าจะเป็นคนเลือกให้พวกเขาเอง!”
พูดจบ เขาก็โบกมือ “ลุงจง ส่งพวกเขาออกไป”
หลินจงลงมือตามคำสั่งทันที ยื่นมือไปหิ้วปีกทั้งสามที่หมดสภาพอยู่บนพื้นออกจากตำหนักชำระจิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์