Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 343

สรุปบท ตอนที่ 343: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 343 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 343 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านอาพอใจกับความคิดของข้าหรือไม่” หลินสวินถาม

หลินต้าหงยิ้มเจื่อน ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่แน่ใจ แต่ถ้าบอกว่าไม่พอใจ นั่นคงเป็นคำพูดที่ขัดต่อใจแน่นอน”

หลินสวินเอ่ยคล้ายครุ่นคิด “แล้วท่านอาคิดว่าอย่างไร”

หลินต้าหงเอ่ยตามตรง “ไม่ติดใจอันใด การกระทำก่อนหน้านี้ของเจ้าได้ผ่านด่านข้าแล้ว กับบางเรื่องข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีกต่อไป”

เขาหยุดไปครู่ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด “ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่อต้านการสืบทอดอำนาจตระกูลหลินของเจ้า คิดว่าเจ้าคงรู้เหตุผลดี เจ้ายังเด็กและขาดประสบการณ์ ยากจะได้รับการยอมรับจากทุกคน”

หลินสวินพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

สีหน้าของหลินต้าหงทวีความอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย ก่อนพูดต่อ “แต่สุดท้ายเป็นผู้อาวุโสเป่ยกวงของเจ้าออกหน้า เพื่อให้โอกาสเจ้าสักครั้ง!”

ผู้อาวุโสเป่ยกวง!

คำเรียกนี้หมายถึงผู้อาวุโสของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร…หลินเป่ยกวง เป็นน้องชายคนที่ห้าของหลินเฟยถิงท่านปู่ของหลินสวิน และอาห้าของหลินเหวินจิ้งบิดาของหลินสวิน

สำหรับตระกูลหลินแห่งแสงอุดรตอนนี้ แม้หลินเป่ยกวงจะปลีกวิเวกและยกอำนาจให้หลินไหวหย่วน แต่หากเขาออกหน้า ย่อมไม่มีใครกล้าต่อต้าน!

เรื่องทั้งหมดเหนือความคาดหมายของหลินสวิน ไม่คิดว่าท่านปู่ห้าผู้ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาจะหยิบยื่นโอกาสให้ตนเอง

นี่ทำให้เขารู้ว่าท่ามกลางสายรองทั้งสี่ของตระกูลหลิน ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ปฏิเสธการครอบครองภูเขาชำระจิตและสืบทอดอำนาจของเขา!

เหมือนกับท่าทีที่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเผยออกมา ควรค่าที่ตนต้องให้ความสำคัญและไขว่คว้ามา

“โอกาสอันใดหรือขอรับ” หลินสวินเอ่ยอย่างแปลกใจ

หลินต้าหงสูดหายใจเข้าก่อนพูดว่า “ง่ายมาก หนึ่งเดือนหลังจากนี้ ให้เจ้าไปประลองกับหลินเสวี่ยเฟิง ญาติผู้พี่ของเจ้า ที่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรด้วยตัวเอง”

“หากชนะ ผู้อาวุโสเป่ยกวงจะมาพบเจ้าด้วยตัวเอง”

“หากแพ้…”

พูดถึงตรงนี้ หลินเต้าหงเริ่มลังเล

หลินสวินหรี่ตาพูดพร้อมรอยยิ้ม “หากแพ้ ข้าก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรใช่หรือไม่”

หลินต้าหงพยักหน้าพร้อมยิ้มขื่น “นี่คือทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้อาวุโสเป่ยกวงสามารถทำได้ แม้ท่านจะมีฐานะอำนาจสูง หากก็จำต้องคำนึงถึงผู้คนในวงศ์ตระกูล”

เด็กหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “แม้ข้าต่อต้านการทดสอบเช่นนี้ และเดิมทีก็ไม่คิดว่าคุณสมบัติในการสืบทอดภูเขาชำระจิตของข้าจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่ในเมื่อเป็นการจัดการของท่านปู่ห้า หากข้าปฏิเสธ ก็เห็นจะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเกินไป”

“เช่นนั้นเจ้ารับปากแล้วกระมัง” หลินต้าหงตื่นเต้น

หลินสวินพยักหน้า “ข้าไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับคนในตระกูลรอง หากเรื่องนี้สามารถแก้ไขปมขัดแย้งของทุกฝ่ายได้ ข้าก็ยินดียิ่งนัก”

พูดถึงตรงนี้ หลินสวินพลันพูดว่า “หลินเสวี่ยเฟิงผู้นี้เป็นใครหรือขอรับ”

ครั้นได้ยินดังนั้น หลินต้าหงจึงแนะนำหลินเสวี่ยเฟิงรอบหนึ่ง

หลินเสวี่ยเฟิงผู้นี้ก็คือลูกชายของหลินไหวหย่วน หัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนปัจจุบัน ตามลำดับอาวุโสนับว่าเป็นญาติผู้พี่ของหลินสวิน

คนผู้นี้อายุเพิ่งจะสิบแปด มีพรสวรรค์ เฉลียวฉลาดไหวพริบเป็นเลิศ เมื่อเข้าถึงขั้นผสานใจแห่งระดับจิตผสานวิญญาณตอนอายุสิบหก เขาได้กลั่นเกลาและหล่อหลอม ‘ภูผาธาราหมอกพิรุณ’ บ่อพลังวิญญาณชั้นสูงออกมา สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ถูกเลือกที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาหนุ่มสาวของวงศ์ตระกูล!

และยามนี้หลินเสวี่ยเฟิงอยู่ในขั้นผสานฟ้าแล้ว ความสามารถยิ่งลึกล้ำยากคาดเดา

‘อายุสิบหก ได้ครอบครองบ่อพลังวิญญาณชั้นสูงแล้ว พออายุสิบแปดพลังปราณก็ไต่ถึงขั้นผสานฟ้า…ดูท่าทาง ความสามารถของหลินเสวี่ยเฟิงผู้นี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง ถึงขั้นที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกศิษย์ที่สำเร็จวิชาจากค่ายกระหายเลือดเลย…’ หลินสวินใคร่ครวญ

ก่อนหน้านี้เขาก็คิดแล้วว่า ในเมื่อตระกูลหลินแห่งแสงอุดรหยิบยื่น ‘โอกาส’ แบบนี้ให้เขา ย่อมไม่มีทางยอมให้เขาผ่านไปได้ง่ายๆ

ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะส่งยอดฝีมือเยาว์วัยอย่างหลินเสวี่ยเฟิงออกมา

สำหรับหลินสวินแล้ว นี่กลับยิ่งทำให้เขาโล่งใจ เพราะในระดับจิตผสานวิญญาณนี้ เขาไม่กลัวใครทั้งนั้น!

แต่หลินต้าหงกลับพูดต่อ “ข้าว่าเจ้าอย่าประมาทไป ช่วงที่ผ่านมาเสวี่ยเฟิงปลีกตัวฝึกวิชาสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณตลอด คาดว่าอีกไม่เกินเจ็ดวันคงเข้าสู่ขั้นต้นได้ ถึงตอนนั้น…”

แววตาของหลินสวินฉายความเคร่งขรึมทันที

ที่แท้ ‘ไม้ตาย’ ของอีกฝ่ายก็คือสิ่งนี้!

ให้คนหนุ่มชั้นยอดที่เพิ่งทะลวงเข้าระดับมหาสมุทรวิญญาณมาสู้กับเขา นี่มันออกจะรังแกกันไปหน่อยแล้ว

ระหว่างระดับมหาสมุทรวิญญาณกับขั้นผสานดินในระดับจิตผสานวิญญาณ ไม่ได้ห่างกันเพียงสองขั้นตามชื่อเรียกเท่านั้น แต่ห่างกันระดับใหญ่ๆ เลยเชียว!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณมีฝีมือระดับสูงในการเคลื่อนไหวกลางอากาศ เรียกวายุหยุดพิรุณ ไม่เพียงสามารถแผ่พลังทำร้ายคนกลางอากาศ ยังสามารถใช้พลังจากฟ้าดินได้!

ส่วนผู้ฝึกปราณระดับจิตผสานวิญญาณขั้นผสานดิน ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว!

เห็นหลินสวินเงียบไป หลินต้าหงก็หัวใจกระตุกวูบ ก่อนพูดอย่างลำบากใจ “การประลองครั้งนี้แม้จะลำบาก แต่ผู้อาวุโสเป่ยกวงกล่าวว่า การจะสืบทอดอำนาจของวงศ์ตระกูลมีหรือจะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ว่านี่หาใช่การกลั่นแกล้งเจ้า ขอเพียงเจ้ายืนหยัดได้มากกว่าร้อยกระบวนท่า ก็ถือว่าผ่านแล้ว”

หลินสวินรับคำในลำคอ ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ พาให้หลินต้าหงยิ่งรู้สึกประหม่า

แม้แต่หลินต้าหงเองยังรับรู้ได้ถึงความยากของการประลองในแต่ละครั้ง แต่ก็จนปัญญา ด้วยนี่ถือเป็นความต้องการของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร

แต่หลินสวินกลับพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ข้าพอจะเข้าใจ แต่ว่าท้ายที่สุดนี้ยังมีข้อสงสัยข้อหนึ่ง”

เขาอดถามไม่ได้ “นายน้อย ท่าน…ไม่คิดจะเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักรจริงๆ หรือ”

หลินสวินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้ข้ากำลังตกที่นั่งลำบาก จะมีกะจิตกะใจและเวลาที่ไหนไปสนใจเรื่องพรรค์นั้น ไม่เข้าร่วมก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

หลินจงดูไม่จำยอม “นายน้อย นี่มันการทดสอบระดับอาณาจักรเชียวนะ! ท่าน…ลองไตร่ตรองดูอีกทีดีหรือไม่”

เด็กหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม “ลุงจง ปีนี้ข้าเพิ่งสิบห้า พลาดการทดสอบระดับอาณาจักรเพียงครั้งเดียวจะเป็นไรไป รอให้จัดการเรื่องภูเขาชำระจิตให้อยู่ตัวก่อนค่อยเข้าร่วมก็ยังไม่สาย”

สีหน้าของหลินจงเผยความผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก เหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็เงียบไป สุดท้ายเพียงถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะหมุนตัวออกไป

ครั้นมองหลินจงจนลับสายตาไป หลินสวินเองก็อดถอนหายใจไม่ได้ มีหรือที่เขาจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักร?

ทว่าความจริงโหดร้ายเกินไป จนเขาจำต้องถอนตัว!

“จูเหล่าซาน ครั้งนี้ขอบคุณท่านมาก จบเรื่องแล้ว ท่านกลับไปพักเถอะ” จู่ๆ หลินสวินก็พูดขึ้น ในขณะที่สายตากวาดมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นตั้งแต่ต้น

จูเหล่าซานพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะก้าวเท้ายาวเดินออกไป เพียงแต่ตอนที่เดินออกจากโถงเขากลับพูดขึ้นมาว่า “ฝืนไปหาใช่เรื่องดี ยอมจำนนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป”

เสียงลุ่มลึกกึกก้องอยู่ในโถงอันโล่งกว้าง ส่วนจูเหล่าซานได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

หลินสวินอึ้งงัน ก่อนจะเผยรอยยิ้ม จูเหล่าซานคนนี้ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นคนนิ่งขรึมทึ่มทื่อขนาดนั้น

เขาบิดขี้เกียจจนสุดตัว ก่อนหมุนตัวเดินขึ้นห้องฝึกชั้นสามของตำหนักไป

วันๆ เพียงแค่จัดการปัญหาต่างๆ ก็เสียเวลาและพลังของเขาไปมาก หลินสวินจำต้องใช้ทุกเวลาที่มีกับการฝึก

ยิ่งไปกว่านั้น คู่ประลองที่เขาต้องเผชิญในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เป็นถึงผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักร ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ถูกเลือกที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาหนุ่มสาวของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร

ที่สำคัญที่สุดคือ ถึงตอนนั้นพลังปราณของคนคนนั้นคงอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว!

ด้วยเหตุนี้ หลินสวินจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากถอนรากโสมหิมะหยกเข้าปากไปหนึ่งเส้น หลินสวินก็สงบจิตใจเริ่มนั่งสมาธิ

ไม่นานทั่วร่างของเขาก็มีหมอกสีขาวเข้ามาปกคลุม ราวกับภาพลวงตาอันรางเลือน

ขณะเดียวกัน ณ ตระกูลหลินแห่งธารประจิม

บรรยากาศภายในโถงประชุมใหญ่ของตระกูลกลับตึงเครียดอย่างถึงที่สุด แม้แต่ผู้คุ้มกันทั้งสองที่เฝ้าอยู่หน้าโถงยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อกสั่นขวัญแขวน

ผู้ดูแลต่างสกุลทั้งสาม เซียวเฟิ่งหรู สือจั่น และฉางจื่อเหิงที่ถูกทำลายพลังปราณต่างล้มทรุดอยู่บนพื้น สีหน้าดูย่ำแย่ ตัวสั่นเทา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์