แต่ไม่ว่าจะเป็นชื่อเซวี่ยที่ดื่มอยู่หรือหยางหลิงที่หลับปุ๋ยอยู่ รวมทั้งผู้เฒ่าเตียวที่นั่งสมาธิอยู่ ต่างนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่าทีดูไม่แยแส แสดงให้เห็นชัดถึงความเย่อหยิ่ง เพราะอย่างไรที่นี่ก็คือภูเขาชำระจิตที่มีหลินสวินเป็นเจ้าถิ่น
แต่พวกเขายังเลือกที่จะแสดงออกว่า ‘ไม่เห็นอะไรในสายตาแบบนี้’ พูดได้คำเดียวว่าพวกเขาจงใจ!
จงใจสร้างบททดสอบให้หลินสวินชัดๆ!
ถ้าได้รับความเลื่อมใสจากพวกเขา พวกเขาย่อมเต็มใจอยู่ต่อ แต่ถ้าไม่ แม้พญาแร้งออกโรงก็รั้งพวกเขาไม่อยู่
หลินจงและเสี่ยวเคอเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ในขณะที่หลินจงดูกังวล แต่เสี่ยวเคอกลับทำทีกอดอกรอชมเรื่องสนุก
มีเพียงหลินสวินที่ยิ้มอย่างเบิกบาน เขาเงยหน้าขึ้นมองบนยอดภูเขาแล้วพูดเสียงกังวาน “จูเหล่าซาน เรื่องนี้ฝากเจ้าด้วย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ข้าต้องการแค่ให้พวกเขาอยู่ต่อด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง”
หลินสวินจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘เลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง’
จูเหล่าซานอย่างนั้นหรือ
เสี่ยวเคอและพญาแร้งอึ้งงันไปตามๆ กัน จากนั้นสายตาพลันดูแปลกประหลาดขึ้นมา เมื่อหลายวันก่อนตอนที่พวกเขากลับมาภูเขาชำระจิต ก็ได้รับรู้ที่มาของจูเหล่าซาน
เพียงแต่ไม่คิดว่าหลินสวินจะโยนปัญหานี้ให้จูเหล่าซานดื้อๆ!
ส่วนหลินจงตัวแข็งค้างไปทันที ในขณะเดียวกันก็หมดห่วงหลินสวิน แต่เปลี่ยนมากังวลแทนชื่อเซวี่ย หยางหลิงและผู้เฒ่าเตียวแทน
ในลาน นอกจากหลินสวินมีเพียงหลิงจงที่เคยเห็นความน่ากลัวของจูเหล่าซานกับตาของตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาย่อมรู้ดีว่าวิธีแก้ไขปัญหาของจูเหล่าซานมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ…เปิดศึก!
โครม!
หลินสวินพูดยังไม่ทันจบประโยค ชายร่างกำยำดุจภูผา ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบก็ปรากฏขึ้นบนลานแสดงยุทธ์
ไอสังหารกระหายเลือดอันน่าสยดสยองแพร่กระจายจากตัวของจูเหล่าซาน จนบรรยายรอบข้างทรุดตัวลงราวกับจะพังทลายลงในไม่ช้า
ณ พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นเหมือนทะเลแห่งซากศพโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนจูเหล่าซานก็ราวกับเทพผู้มีหน้าที่สังหารเพื่อสังเวยชีวิตพิชิตโลก
เก่งกาจเหลือเกิน!
เสี่ยวเคอและพญาแร้งหรี่ตาลงโดยพร้อมเพรียงกัน
และในบริเวณที่ไกลออกไป ชื่อเซวี่ยที่ดื่มเหล้าอยู่พลันตัวสั่นระริก สำลักเหล้าจนไอเสียงดังลั่น
ในขณะที่หยางหลิงที่หลับปุ๋ยอยู่ก็ตกใจจนลุกพรึ่บขึ้น
มีเพียงผู้เฒ่าเตียวที่นั่งสมาธิอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าอันเหี้ยมโหดที่เต็มไปด้วยรอยมีดขมึงทึง
ทันใดนั้นสายตาของทั้งสามพลันเคลื่อนไปมองจูเหล่าซานเป็นตาเดียวกัน ไม่สามารถวางมาดไม่เห็นอะไรในสายตาเหมือนเมื่อครู่นี้ได้อีก
“พวกเจ้าจะก้มหัวเอง หรือจะให้ข้ากดหัวพวกเจ้าลง?” จูเหล่าซานแค่นเสียงในลำคอ ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก
ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง ร่างกำยำแข็งแกร่งหาที่เปรียบไม่ได้ ผิวสีน้ำตาลทั้งร่างราวกับก้อนอิฐอันแข็งแรงยิ่งพาให้รู้สึกกดดัน
ทั้งชื่อเซวี่ย หยางหลิง และผู้เฒ่าเตียวต่างตะลึงจนทำหน้าไม่ถูก ราวกับไม่เคยคิดว่าหลินสวินจะใช้วิธีอัน ‘รุนแรงเรียบง่าย’ ขนาดนี้มาทำให้พวกเขายอมรับ
แบบนี้ต่างอะไรกับการโกง!
แต่กลับเห็นว่าหลินสวินไม่มีท่าทีว่าอึดอัดใจเลยสักนิด เพียงถอยไปอยู่ห่างๆ แล้วมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้นราวกับไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ฮูม!
เห็นพวกชื่อเซวี่ยเงียบไป ไอสังหารพลันพรวดพราดออกจากตัวจูเหล่าซานประหนึ่งน้ำทะลัก ราวกับพายุกระหน่ำ ท้องฟ้า พื้นดินแปรปรวนฉับพลัน
สีหน้าของชื่อเซวี่ย หยางหลิงและผู้เฒ่าเตียวพลันเปลี่ยนไป ในที่สุดก็ยอมปริปาก
“ช้าก่อน!”
“สหาย เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าใช่หรือไม่!”
“นี่คือวิธีต้อนรับแขกของภูเขาชำระจิตอย่างนั้นหรือ”
ไอสังหารที่แพร่กระจายอยู่รอบตัวจูเหล่าซานน่ากลัวมาก ทำเอาพวกเขาอกสั่นขวัญแขวน รู้ดีแก่ใจว่าหากลงมือ พวกเขาคงแหลกละเอียดคามือจูเหล่าซาน
“จะยอมหรือไม่ยอม เลือกมา” จูเหล่าซานเอ่ยเสียงเรียบ
สีหน้าของพวกเขาดูแย่มาก ต่างหันมองหลินสวินและพญาแร้งที่อยู่ถัดออกไปเป็นตาเดียวกัน
“จูเหล่าซาน ช้าก่อน” หลินสวินเอ่ยขึ้น ทำให้สีหน้าของพวกเขาพลันดูดีขึ้นไม่น้อย
หลินสวินหันขวับไปมองพญาแร้งอย่างผิดหวังพลางพูดว่า “พญาแร้งเนี่ยหรือยอดฝีมือที่ท่านเชิญมา? ข้าว่าก็เท่านั้นแหละ”
ไม่รอให้พญาแร้งได้ท้วงกลับ ชื่อเซวี่ยก็ชิงเย้ยหยันขึ้นก่อน “เด็กน้อย เจ้าจะไปรู้อะไร ความสามารถของเราใช่สิ่งที่เจ้าจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือ”
หลินสวินเลิกคิ้ว ในขณะที่ยิ้มพูด “เช่นนั้น…ให้จูเหล่าซานลงมือต่อเพื่อประเมินตัวเองดีหรือไม่”
สีหน้าของชื่อเซวี่ยแข็งทื่อไปทันตาเห็น รีบกล่าวอย่างลนลาน “เจ้า เจ้า…บังอาจมาขู่พวกเราอย่างนั้นหรือ”
อีกด้าน หยางหลิงพูดกับพญาแร้งด้วยน้ำเสียงที่ดูผิดหวังมากโข “คนแบบนี้เนี่ยนะที่จะให้พวกเราทำงานให้”
“สักแต่ใช้กำลังกดขี่กัน เด็กนี่ไม่มีความจริงใจเลย” ผู้เฒ่าเตียวเองก็พูดเสียงขรึม
พญาแร้งเพียงระบายยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าหลินสวินจะคลี่คลายสถานการณ์นี้อย่างไร
“ก่อนหน้านี้ข้าสุภาพด้วย พวกท่านกลับไม่คิดสนใจข้า ขณะนี้พอข้าหมายจะให้จูเหล่าซานออกโรง เพื่อแลกกับความเลื่อมใสยอมรับจากพวกท่าน พวกท่านก็กล่าวหาว่าข้าไม่จริงใจ”
หลินสวินทำทีถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ท่านทั้งสามช่างเอาใจยากนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์