“ข้าเป็นนักหลอมอาวุธ ข้า…” หยางหลิงเอ่ยขึ้น
หลินสวินยิ้มพูดตัดบทขึ้นมาโดยที่อีกฝ่ายพูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ “บนภูเขาชำระจิตมีสถานที่ซึ่งจัดไว้สำหรับหลอมอาวุธวิญญาณโดยเฉพาะ แน่นอนว่าการที่ท่านเป็นนักหลอมอาวุธไม่ใช่นักสลักวิญญาณ ย่อมมีความสำคัญกว่าสำหรับข้า”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยเสียงขรึม “เอาอย่างนี้ ข้าสามารถสนองความต้องการทุกประการในการหลอมอาวุธของท่านเหมือนอย่างที่รับปากชื่อเซวี่ย”
นักหลอมอาวุธย่อมแตกต่างกับนักสลักวิญญาณ
นักหลอมอาวุธที่ได้มาตรฐานย่อมต้องเป็นช่างหลอมด้วย สามารถหลอมวัตถุดิบวิญญาณสารพัดชนิดมาเป็นโครงฐานอาวุธวิญญาณได้
แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่โครงฐานเท่านั้น
ถ้าอยากได้อาวุธวิญญาณที่แท้จริง ต้องให้นักสลักวิญญาณมาช่วย
โดยทั่วไป ประโยชน์สูงสุดของนักหลอมอาวุธไม่ใช่การสร้างโครงฐานของอาวุธวิญญาณ แต่เป็นการซ่อมแซมอาวุธวิญญาณ!
นี่เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก แม้เป็นอาวุธวิญญาณแต่ก็ชำรุดได้ เมื่อชำรุดก็ต้องการนักหลอมอาวุธเข้ามาช่วยซ่อมแซม
แม้ว่านักหลอมอาวุธไม่มีความรู้เรื่องการสลักลายวิญญาณ แต่พวกเขากลับสามารถซ่อมแซมอาวุธตามลายวิญญาณที่สลักอยู่บนอาวุธ!
ถ้าเทียบระหว่างนักสลักวิญญาณ นักหลอมอาวุธ และช่างหลอม นักสลักวิญญาณย่อมได้รับความนิยมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
นักสลักวิญญาณที่ดีมีมาตรฐาน สามารถเป็นได้ทั้งนักหลอมอาวุธและช่างหลอม เหมือนกับหลินสวินในตอนนี้
ส่วนนักหลอมอาวุธก็ทดแทนตำแหน่งช่างหลอมได้ แต่ไม่สามารถสลักรอยสลักวิญญาณได้ เมื่อเทียบกันแล้วจึงด้อยกว่านักสลักวิญญาณไปขั้นหนึ่ง
สำหรับช่างหลอม ไม่เพียงด้อยกว่านักสลักวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็ด้อยกว่านักหลอมอาวุธขั้นหนึ่งด้วย แต่ก็ใช่ว่าช่างหลอมจะไม่สำคัญ
โดยทั่วไปแล้วช่างหลอมไม่เพียงสามารถหลอมวัตถุดิบต่างๆ มาสร้างเป็นอาวุธวิญญาณได้ แต่ยังสามารถหลอมลูกกลอนโอสถวิญญาณได้ด้วย
ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของช่างหลอม
สรุปแล้ว ถ้าเปรียบนักหลอมอาวุธว่าเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง นักสลักวิญญาณก็คือจิตวิญญาณของกระบี่ ในขณะที่ช่างหลอมคือช่างฝีมือผู้หลอมกระบี่
“เจ้า…รับปากทั้งหมดเลยหรือ?”
หยางหลิงตะลึงงัน เขายังไม่ทันยื่นข้อเสนอของตัวเองด้วยซ้ำ หลินสวินก็ตอบกลับมาอย่างที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว
“ไม่ผิด”
หลินสวินพยักหน้า พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเรียกเจ้าจิ๊บจิ๊บออกมาจากฝ่ามือแล้วพูดว่า “เจ้านี่เป็นสัตว์วิญญาณของข้า เป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมโดยกำเนิด ภายในร่างกายมี ‘ลูกไฟทองทลายดารา’ ระดับฟ้า ต่อไปให้เจ้าจิ๊บจิ๊บคอยช่วยท่านในการฝึกอาวุธ”
“จิ๊บจิ๊บ~”
เจ้าจิ๊บจิ๊บตัวกลมอ่อนนุ่มเบิกดวงตาอันไร้เดียงสาขึ้นพร้อมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เหมือนเจ้าหนูผู้อยากรู้อยากเห็น
สายตาของคนรอบข้างเผยความตะลึงทันที ลูกไฟทองทลายดารา! เจ้าสัตว์วิญญาณผู้น่ารักน่าชังนี่เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?
ส่วนหยางหลิงตัวแข็งค้างอยู่กับที่ สูดหายใจเข้าพร้อมพูดด้วยความดีใจอันท่วมท้น “ลูกไฟทองทลายดาราอย่างนั้นหรือ สวรรค์! สุดยอดที่สุด!”
เขาที่รูปร่างกำยำ ตัวอ้วนท้วน ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับดีใจจนยิ้มไม่หุบ กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก
สำหรับนักหลอมอาวุธแล้ว ถ้าได้ความช่วยเหลือจาก ‘ปรมาจารย์แห่งการหลอม’ โดยกำเนิด ก็เพียงพอที่จะช่วยให้การหลอมอาวุธของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว!
เห็นดังนั้นหลินสวินรู้ทันทีว่าตัวเองทำให้อีกฝ่าย ‘ยอมจำนน’ เพิ่มอีกคนแล้ว
เขาเคลื่อนสายตาไปมองผู้เฒ่าเตียว
คราวนี้ผู้เฒ่าเตียวชิงพูดขึ้นพร้อมสายตาที่ทอประกาย “ข้าไม่เหมือนพวกเขาทั้งสอง ถ้าจะเรียกให้ถูก ข้าเป็นนักสลักวิญญาณที่เชี่ยวชาญในการวางค่ายกล”
หลินสวินหัวใจเต้นระทึก นักสลักวิญญาณที่เชี่ยวชาญในด้านการวางค่ายกล! เป็นผู้มีความสามารถที่หายากอีกคน!
นักสลักวิญญาณเป็นคำเรียกอันแสนจะกว้างขวาง
เท่าที่หลินสวินรู้มา นักสลักวิญญาณแบ่งออกเป็นอีกมากมายหลากหลายแขนง แค่ด้านการหลอมอาวุธวิญญาณก็แบ่งได้หลายประเภท
เช่นนักสลักวิญญาณบางคนชำนาญการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณในสนามรบ บางคนชำนาญการสร้างชุดเกราะต่างๆ และบางคนก็ชำนาญการวางค่ายกล
คำว่าวางค่ายกลนี้เป็นการจัดวางค่ายกลรอยสลักวิญญาณบนเรือรบ ป้อมปราการ ชีพจรวิญญาณ ทางเข้าภูเขา คฤหาสน์และอื่นๆ
มีทั้งค่ายกลสังหาร ค่ายกลป้องกัน ค่ายกลปิดล้อม ค่ายกลลวงตาจิตเป็นต้น
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะในเส้นทางของการสลักวิญญาณนั้นกว้างขวางและลึกซึ้งมาก ใช้เวลาทั้งชีวิตยังยากจะหยั่งถึงความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการสลักวิญญาณ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเลือกเส้นทางที่เหมาะสมให้กับตัวเองย่อมเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด คำที่เรียกว่าผู้ชำนาญเฉพาะทางก็เป็นเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะยกหน้าที่ในการวางค่ายกลทั้งหมดในภูเขาชำระจิตให้ท่าน!”
หลินสวินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าถ้าท่านเจอปัญหาอันใด ก็สามารถมาหารือกับข้าได้”
ผู้เฒ่าเตียวตะลึงในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัย “หารือกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เขาอดผิดหวังไม่ได้ เดิมคิดว่าหลินสวินจะให้อะไรที่เหนือความคาดหมายเหมือนที่ให้ชื่อเซวี่ยและหยางหลิง แต่ไม่คิดว่าจะได้เพียงคำมั่นสัญญาแบบนี้
ครั้งนี้ไม่รอให้หลินสวินได้อธิบาย เสี่ยวเคอที่ยืนกอดอกเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ผู้เฒ่าเตียว ความรู้ความสามารถในเส้นทางการสลักวิญญาณของหลินสวินเหนือความคาดหมายของท่านอย่างแน่นอน”
คราวนี้อย่าว่าแต่ผู้เฒ่าเตียวที่ไม่เชื่อ แม้แต่พวกชื่อเซวี่ย หยางหลิง หลินจงต่างก็ตะลึงไปตามๆ กัน ไม่อาจจินตนาการได้ว่าหลินสวินจะเป็นนักสลักวิญญาณด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์