หลังจากหลินจงแสดงอิทธิฤทธิ์อันชวนผวาของพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ ศัตรูหลายชีวิตที่เฝ้ารออยู่ก็ถอยทัพไปอย่างไม่ลังเล
ทำให้หลินสวินอดผิดหวังไม่ได้
เขาล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเสิ่นจิงหลุนผู้ที่ได้อันดับสามในการทดสอบระดับอาณาจักร ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งนครต้องห้ามและถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทั่นฮวาม้าขาว’ จะเก่งกาจสักเพียงใด
หลินจงไม่ได้ตามไป ด้วยเกรงว่าศัตรูจะล่อเสือเข้าถ้ำ
พอเขากลับมาอีกที ทวนเงินในมือก็หายไปแล้ว กลับเป็นข้ารับใช้หลินจงที่หลังค่อมสัตย์ซื่อคนเดิม
หลินสวินอ้าปากจะถาม แต่ถูกหลินจงชิงพูดขึ้นก่อน “นายน้อย หากในอนาคตมีโอกาส ข้าน้อยจะบอกเหตุผลที่แท้จริง”
หลินสวินรับคำในลำคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเหมือนยังไม่ตายใจ “ลุงจง ต่อไปหากข้าขอให้ท่านช่วยลงมือ ท่านจะยินยอมหรือไม่”
หลินจงถอนหายใจ ก่อนจะฝืนยิ้มพูด “นายน้อย ข้าน้อยมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของนายน้อย เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ควรลงมือก็ย่อมต้องลงมือ”
หยุดไปครู่ เขาจึงพูดเสียงขรึมต่อ “แต่ข้าน้อยไม่มีวันลงมือกับคนของตระกูลหลินกันเองเด็ดขาด เรื่องนี้ข้าน้อยเคยรับปากกับนายท่านเอาไว้”
หลินสวินมองหลินจงด้วยสายตาลึกซึ้ง ยิ้มกล่าว “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
หลังจากกลับถึงภูเขาชำระจิต หลินสวินก็เอาสามแสนเหรียญนั่นไปให้พญาแร้งจัดแจงบริหารเงินก้อนโตนี้ต่อไป
ส่วนหลินสวินไปนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งบนยอดเขาเพียงลำพัง
ในระยะที่ไกลสุดสายตา ทะเลเมฆลอยเคลียคลอจันทราที่โปรยแสงสว่างสู่พื้นดิน สายลมพัดโชยเรียกให้ต้นสนที่อยู่ตามแนวหน้าผาโยกย้ายเสียดสีส่งเสียงดังแว่วมาเป็นระลอก
หลินสวินในชุดสีจันทร์นวล ผมดำขลับมัดลวกๆ ไว้หลังศีรษะ ใบหน้าคมสันโดดเด่นใต้แสงจันทร์ ดูนิ่งสงบมากเป็นพิเศษ
อีกยี่สิบกว่าวันเขาก็ต้องไปเยือนตระกูลหลินแห่งแสงอุดร เพื่อประลองกับหลินเสวี่ยเฟิง บุตรหลานผู้ถูกเลือกที่โดดเด่นที่สุดคนนั้นด้วยตัวเองแล้ว
ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายคงบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ความแตกต่างนั้นชัดเจนมาก แม้ตอนนี้หลินสวินจะอยู่ในขั้นผสานฟ้า แต่ก็ยังห่างจากหลินเสวี่ยเฟิงไปอีกหนึ่งระดับใหญ่ๆ
ห่างเพียงเอื้อมมือ แต่กลับราวฟ้ากับเหว หลินสวินเคยสู้กับฉือฉางเฟิงมาแล้วจึงรู้ความเก่งกาจของระดับมหาสมุทรวิญญาณเป็นอย่างดี
แต่เขาจะแพ้การประลองครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ด้วยเหตุนี้เขาจำเป็นต้องทุ่มเทให้กับการพัฒนาความสามารถเป็นอันดับแรก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการประลองในครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง
หลินสวินนั่งครุ่นคิดอยู่บริเวณข้างหน้าผาอยู่นาน สุดท้ายก็ระบายยิ้ม คว้าเหล้าขึ้นมานั่งดื่มเพียงลำพัง
…
นับตั้งแต่วันนั้น หลินสวินก็เก็บตัวอยู่บนยอดภูเขาชำระจิตเพียงลำพัง
กลางวันชมเมฆ พลบค่ำก็เข้านอน
บางทีก็ฝึกดาบ โดยใช้ต้นไม้ใหญ่ ก้อนหิน น้ำตกเป็นเป้า คมดาบฟาดฟันท่ามกลางแสงจันทร์ ก้อนเมฆ และสายลม
จากนั้นเขาก็นั่งกอดเข่าราวกับจักจั่นผู้หงอยเหงา ชมดาวเชยเมฆ ดื่มด่ำกับภูเขาสายน้ำอันไพโรจน์
นั่งทีก็หลายวันติด โดยไม่สนฟ้าสนดิน ไม่หลบแดดหลบฝน ไม่รู้วันรู้คืน สับสนมึนงง เลอะเลือนไปไกล ดูพิลึกอย่างคนทึ่ม
บางทีเขาก็นั่งตัวตรงขัดสมาธิฝึกฝนจากภายใน นิ่งราวกับภูเขา หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทำความเข้าใจหลักการความเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน
นี่คือการฝึกปราณ
ละทิ้งกิเลส ตัดความคิดทางโลก หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จดจ่ออยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง
ในสายตาคือความงามบนโลก คือความแน่นอนไม่ได้ของเวลาที่ไหลผ่าน คือความเปลี่ยนแปลงที่เกินจะคาดเดา คือสายรุ้งที่วาดผ่านกลางอากาศ คือวิถีของแสงที่เรี่ยไรและสีสันอันหลากหลายที่ส่องสะท้อนออกจากน้ำค้างในยามเช้า…
ภายในใจนิ่งสงบ พร้อมเปิดรับทุกสิ่ง!
เมื่อกายใจเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดิน ความตระหนักรู้ก็จะบังเกิด!
สิ่งที่ขั้นผสานฟ้าแห่งระดับจิตผสานวิญญาณจะตระหนักได้ คือหลักการของฟ้าดิน ความเปลี่ยนแปลงอย่างหาที่แน่นอนไม่ได้
เสียงที่ไพเราะที่สุดคือความเงียบ ภาพที่งดงามที่สุดคือความว่างเปล่า
ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป หลินสวินไปมาอย่างอิสระเพียงลำพัง สันโดษอยู่ในโลกส่วนตัว ตัดขาดจากโลกภายนอก
บางทีก็นั่งขัดสมาธิ บางทีก็ฝึกดาบ บางทีก็สำรวจภูเขาแม่น้ำ บางทีก็รินดื่มสุรา บางทีก็เหม่อลอย
ผมเผ้าของเขาค่อยๆ ยาวลงมา สภาพดูอดสู กลางหว่างคิ้วเคลือบแฝงแววทุกข์ยากของชีวิต ดูไม่เหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่กลายเป็นเหมือนชายที่มากประสบการณ์
ณ ตอนนี้ไม่มีใครหรือเรื่องอะไรรบกวนหลินสวินได้
แต่หลินจง เสี่ยวเคอและพญาแร้งต่างลอบเฝ้ามองทุกอิริยาบถของหลินสวินอยู่ห่างๆ
พวกเขารู้ตั้งแต่วันแรกว่าหลินสวินกำลังฝึกยุทธ์ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขากำลังรู้แจ้ง!
ใช่ รู้แจ้ง
สัจธรรมนั้นลึกล้ำลึกซึ้ง เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกไปได้ในระดับหนึ่ง ก็เริ่มสัมผัสกับฟ้าดินจากภายในสู่ภายนอก ตระหนักได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติ
สัจธรรมที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าอย่างหลินสวินจะหยั่งถึงก็คือลักษณ์ฟ้าดิน มีเพียงสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินเท่านั้น เมื่อบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว จึงจะกลายเป็นยอดฝีมือที่ควบคุมและเข้าถึงฟ้าดินได้อย่างลึกซึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์