Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 351

สรุปบท ตอนที่ 351: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 351 – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 351 ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตามนัด
โดย
ProjectZyphon
นายน้อยบรรลุแล้วอย่างนั้นหรือ?

หลินจงหัวใจกระเพื่อมไหว แต่พอสังเกตอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบกลิ่นอายเฉพาะของระดับมหาสมุทรวิญญาณบนตัวหลินสวิน

ทำให้เขาอึ้งไม่น้อย

ตอนนี้ปราณบนร่างของนายน้อยทรงพลังมาก ร่างกายราวกับหุบเหวขนาดใหญ่ที่มีพายุหมุนวน ไม่เหมือนกลิ่นอายที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าจะมีได้

ทั้งที่เป็นเช่นนี้ แต่นายน้อยกลับเหมือนยังไม่บรรลุ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

วงพายุที่พัดโหมอยู่ภายในนัยน์ตา ลึกล้ำและสงบลงอีกครั้ง พร้อมกับพลังรอบตัวของหลินสวินที่ค่อยๆ ผ่อนลงเช่นเดียวกัน

เขาลุกขึ้นยืนบนขอบหน้าผาอย่างผ่าเผย ผมยาวยุ่งเหยิงพลิ้วไปตามสายลมที่พัดโชย ดูโดดเด่นเป็นสง่า

หลินสวินหยิบมีดศึกออกมาสะบัดไม่กี่ครั้ง ผมยาวและหนวดเคราที่ราวกับหญ้ารกถูกตัดขาด ก่อนจะใช้เชือกเส้นหนึ่งมัดผมส่วนที่เหลือขึ้นกลางศีรษะลวกๆ

พอมองนายน้อยอีกครั้ง กลับพบว่าท่าทางของเขาดูไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด แม้กระทั่งความทุกข์ระทมบนหว่างคิ้วยังถูกความสดใสเข้ามาแทนที่

“นายน้อย สรุปว่าท่านทะลวงขั้นหรือยัง?” หลินจงอดถามไม่ได้

หลินสวินชะงักงัน ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบ ข้ายังสังเกตลักษณ์แห่งฟ้าดินไม่พอ รอยามจำเป็นค่อยก้าวข้ามทะลวงขั้นตอนนั้นก็ไม่สาย”

น้ำเสียงเรียบเฉยแต่เปี่ยมไปด้วยความสุขุมและมั่นใจ ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว การจะบรรลุทะลวงขั้นนั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเล็กน้อยไร้กังวล

หลินจงรู้สึกแปลกๆ นายน้อยที่อยู่ตรงหน้าดูไม่ต่างไปจากเดิม แต่หลินจงมักรู้สึกว่าในช่วงยี่สิบกว่าวันที่เก็บตัวฝึก นายน้อยเหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป

ดูมั่นคงขึ้น สุขุมขึ้น และคาดเดาได้ยากขึ้น

“ลุงจง ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าช่วงนี้เกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง” หลินสวินเดินไปตามทางเล็กคดเคี้ยวที่ทอดยาวจากขอบหน้าผาอย่างผ่อนคลาย

“นายน้อย ระหว่างนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นไม่น้อยเลยจริงๆ…” หลินจงรีบขนาบข้างตามไป พร้อมอธิบายเรื่องต่างๆ

จวบจนกระทั่งกลับไปถึงห้องหนังสือบนชั้นสองของตำหนักชำระจิต หลินสวินก็ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

การที่งานประมูลของอัครการค้าจบลงอย่างราบรื่นเป็นเรื่องดีสำหรับหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย รอเมื่อไปเยือนอัครการค้าครั้งหน้า ก็จะได้รู้แล้วว่าสมบัติพวกนั้นของตนประมูลออกไปด้วยราคาเท่าไหร่

ส่วนเรื่องอีเนี่ยนภิกษุอาณาจักรวงจันทราประลองกับดรุณจ้าวกระบี่เซี่ยอวี้ถัง หลินสวินไม่ได้สนใจนัก

แต่พอได้ยินว่าฝีมืออีเนี่ยนสูสีกับเซี่ยอวี้ถังจนไม่อาจประเมินแพ้ชนะ นี่ถือว่าเหนือความคาดหมายของหลินสวินอยู่บ้าง

เท่าที่เขารู้มาอาณาจักรวงจันทราเป็นอาณาจักรเล็กๆ ห่างจากจักรวรรดิไปทางตะวันตกหมื่นกว่าลี้ ถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกปราณของภิกษุ

ถ้าพูดถึงอำนาจโดยรวมของอาณาจักร ยังด้อยกว่าจักรวรรดิจื่อเย่าอยู่มาก ในความทรงจำของผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ อาณาจักรวงจันทราเป็นเพียงแค่อาณาจักรอันคับแคบที่ไม่มีความน่าสนใจใดๆ

แต่การปรากฏตัวของอีเนี่ยนได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อาณาจักรภายนอกจักรวรรดิก็มีผู้ประสบความสำเร็จที่โดดเด่นมากเช่นเดียวกัน

สิ่งที่หลินสวินสนใจจริงๆ ก็คือการทดสอบระดับอาณาจักรที่จบไปตั้งนานแล้วต่างหาก

ในบรรดาอันดับหนึ่งถึงสามของการทดสอบระดับอาณาจักรในครั้งนี้ มีสองคนที่หลินสวินเคยเจอมาแล้ว อย่างไป๋หลิงซี หลานสาวคนโตของจิ้งไห่โหว หลินสวินเคยได้รู้จักกับไป๋หลิงซีผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘หญิงงามจากสวรรค์’ ตอนฝึกปราณอยู่ที่ค่ายกระหายเลือด

เขารู้ถึงขั้นจำได้แม่นว่าไป๋หลิงซีมีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘ดารานิรันดร์’ แต่กำเนิด

พรสวรรค์วิญญาณที่ลึกลับชนิดนี้ถือว่าหาได้ยาก

ตามการแบ่งคุณลักษณะพรสวรรค์ในจักรวรรดิ ‘ดารานิรันดร์’ ถูกจัดคร่าวๆ ว่าอยู่ในระดับสี่

แม้จะเป็นเพียงแค่ระดับสี่ แต่สามารถมีคุณลักษณะพรสวรรค์นี้ได้ก็ถือว่าเป็นเลิศเหนือผู้ฝึกปราณจำนวนมากแล้ว!

เหตุผลก็เพราะว่า ทั่วทั้งจักรวรรดินี้ผู้ฝึกปราณที่มีคุณลักษณะพรสวรรค์มีน้อยมาก เรียกได้ว่าหนึ่งในหมื่น ล้ำค่าและหายากเป็นที่สุด

อีกทั้งตอนที่ไป๋หลิงซีบรรลุสู่ขั้นผสานใจได้สร้างบ่อพลังวิญญาณเหนือกว่าระดับหนึ่งได้สำเร็จ!

เรื่องนี้เป็นความลับที่ไป๋หลิงซีบอกหลินสวินแค่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าความสามารถและเส้นสนกลในของไป๋หลิงซีน่าเกรงขามมากเพียงใด

แต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า ในการทดสอบระดับอาณาจักรครั้งนี้ไป๋หลิงซีจะคว้าอันดับสามมาได้!

ในช่วงสองปีที่ออกจากค่ายกระหายเลือด พลังปราณของไป๋หลิงซีก้าวกระโดดสู่ระดับที่สูงขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนอันดับสองอย่างฉือฉางเฟิงก็ทำเอาหลินสวินขมวดคิ้วทันที เขาจำได้ว่าเจ้านั่นเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถคว้าอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักรไปได้ เห็นได้ว่าเด็กนั่นมีดีมากพอที่จะผยองจริงๆ

คนที่หลินสวินไม่คุ้นเคยเลยแน่นอนว่าคืออันดับหนึ่งอย่างซ่งอี้ เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกที่สุดยอดเพียงใด ถึงได้ชนะบุคคลระดับฉือฉางเฟิงและไป๋หลิงซี ช่างน่าตื่นตะลึงมาก

ด้วยเหตุนี้ทำให้หลินสวินทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ บนโลกนี้ไม่เคยขาดนางมารและวีรบุรุษที่โดดเด่นในแต่ละยุคสมัย เหนือฟ้ายังมีฟ้า คำนี้ช่างจริงแท้แน่นอน

“นายน้อย ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรายงานท่าน แม่นางเสี่ยวเคอสืบจนได้ความแล้วว่า เหตุการณ์ลอบทำร้ายเราในคืนที่กลับจากอัครการค้าเป็นฝีมือของธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ สามตระกูลรองตระกูลหลิน” หลินจงที่อยู่ข้างๆ เอ่ย

“ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะที่เป็นแกนนำนั่น ได้รับฉายาว่ามารเฒ่าฉวี่ เป็นปีศาจเฒ่าที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ในจักรวรรดิ ชำนาญในเคล็ดวิชาเสาะหาและช่วงชิงวิญญาณที่สุด”

แม้ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้จะต่ำมาก แต่หลินสวินต้องป้องกันไว้ก่อน

ตอนนี้มีจูเหล่าซานและผู้ที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทั่นฮวาม้าขาว’ ติดตามไปด้วย หลินสวินมั่นใจว่า แม้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะมีความคิดไม่ซื่อกับตน ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือแน่

“นายน้อย นี่คือข้อมูลล่าสุดของหลินเสวี่ยเฟิง”

หลินจงยื่นกระดาษใบหนึ่งให้หลินสวิน

เนื้อหาความว่า หลินเสวี่ยเฟิง อายุสิบแปด บุตรชายของหลินไหวหย่วนหัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ยามบรรลุสู่ขั้นผสานใจได้สร้างบ่อพลังวิญญาณ ‘ภูผาธาราหมอกพิรุณ’ ออกมา ถูกยกให้เป็นหัวหอกที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาหนุ่มสาวยุคใหม่ของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร

พลังปราณ ณ ตอนนี้อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ

ในการทดสอบระดับอาณาจักรปีนี้ หลินเสวี่ยเฟิงผ่านการทดสอบอย่างง่ายดายและอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบเก้า เป็นหนึ่งในสองลูกหลานตระกูลรองของตระกูลหลินที่ผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรในครั้งนี้

อ่านถึงตรงนี้ หลินสวินพลันถามอย่างฉงนใจ “นอกจากหลินเสวี่ยเฟิง ยังมีลูกหลานอีกคนของตระกูลรองในตระกูลหลินผ่านการทดสอบด้วยหรือ”

“อีกคนคือลูกหลานของตระกูลหลินแห่งคานเมฆา นามว่าหลินชิงหลัน มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของนายน้อย ปีนี้อายุสิบแปด เป็นแม่นางน้อยที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ได้อันดับที่เจ็ดสิบสองของการทดสอบระดับอาณาจักรในครั้งนี้ นางถูกสำนักศึกษามฤคมรกตเรียกตัวไปเหมือนกับหลินเสวี่ยเฟิง จะได้เข้าไปฝึกที่สำนักศึกษามฤคมรกตในเดือนสามของปีหน้า” หลินจงเปรย

หลินสวินขานรับในลำคอ ยิ้มพูด “ตระกูลหลินตกต่ำถึงเพียงนี้ แต่คนในตระกูลยังสามารถผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรได้ ถือว่าเหนือความคาดหมายของข้า”

หลินจงถอนหายใจ “นายน้อย หากท่านเต้าเฉินยังอยู่ ลูกหลานในวงศ์ตระกูลย่อมสามารถคว้าสิบอันดับแรกได้ และยังเป็นไปได้ที่จะเข้าไปช่วงชิงอันดับหนึ่ง คราวนั้น…นายท่านคว้าอันดับสองของการทดสอบระดับอาณาจักร เป็นรองแค่นายหญิงเท่านั้น!”

เด็กหนุ่มชะงัก เมื่อได้ยินเรื่องของบิดามารดาที่ตัวเองไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอ ในใจก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

ครู่หนึ่งเขาจึงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “รอให้ถึงการทดสอบระดับอาณาจักรในปีหน้า ข้าจะลองดูบ้าง อย่างน้อยคงได้อันดับที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตได้บ้าง!”

หลินจงเองก็ยิ้ม แววตาเผยความมั่นหมาย “ปีหน้านายน้อยต้องบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้วแน่ ด้วยพื้นฐานและความสามารถระดับนายน้อย ย่อมติดหนึ่งในห้าอย่างแน่นอน!”

วิธีพูดเช่นนี้ของเขาเป็นการพูดเผื่อเอาไว้ ทว่าตามความคิดของเขา หลินสวินเป็นลูกชายของหลินเหวินจิ้งและลั่วชิงสวิน คนรุ่นหลังย่อมเก่งกาจกว่าคนรุ่นก่อนอยู่แล้ว!

นั่นก็หมายความว่าปีนั้นที่ลั่วชิงสวินคว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบระดับอาณาจักร ส่วนหลินเหวินจิ้งเป็นอันดับสอง อย่างนั้นหลินสวินก็ต้องเป็นที่หนึ่งถึงจะถูก

แน่นอนว่านี่คือความคิดของหลินจง เขาไม่กล้าพูดพล่อยๆ จนทำให้หลินสวินรู้สึกกดดัน

ยามนี้เองจู่เหล่าซานที่ควบคุมเกี้ยวงดงามหรูหราพลันเอ่ยปากขึ้นสั้นๆ กระชับได้ใจความ

“ถึงแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์