หลินจงหัวใจกระเพื่อมไหว แต่พอสังเกตอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบกลิ่นอายเฉพาะของระดับมหาสมุทรวิญญาณบนตัวหลินสวิน
ทำให้เขาอึ้งไม่น้อย
ตอนนี้ปราณบนร่างของนายน้อยทรงพลังมาก ร่างกายราวกับหุบเหวขนาดใหญ่ที่มีพายุหมุนวน ไม่เหมือนกลิ่นอายที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าจะมีได้
ทั้งที่เป็นเช่นนี้ แต่นายน้อยกลับเหมือนยังไม่บรรลุ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
วงพายุที่พัดโหมอยู่ภายในนัยน์ตา ลึกล้ำและสงบลงอีกครั้ง พร้อมกับพลังรอบตัวของหลินสวินที่ค่อยๆ ผ่อนลงเช่นเดียวกัน
เขาลุกขึ้นยืนบนขอบหน้าผาอย่างผ่าเผย ผมยาวยุ่งเหยิงพลิ้วไปตามสายลมที่พัดโชย ดูโดดเด่นเป็นสง่า
หลินสวินหยิบมีดศึกออกมาสะบัดไม่กี่ครั้ง ผมยาวและหนวดเคราที่ราวกับหญ้ารกถูกตัดขาด ก่อนจะใช้เชือกเส้นหนึ่งมัดผมส่วนที่เหลือขึ้นกลางศีรษะลวกๆ
พอมองนายน้อยอีกครั้ง กลับพบว่าท่าทางของเขาดูไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด แม้กระทั่งความทุกข์ระทมบนหว่างคิ้วยังถูกความสดใสเข้ามาแทนที่
“นายน้อย สรุปว่าท่านทะลวงขั้นหรือยัง?” หลินจงอดถามไม่ได้
หลินสวินชะงักงัน ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบ ข้ายังสังเกตลักษณ์แห่งฟ้าดินไม่พอ รอยามจำเป็นค่อยก้าวข้ามทะลวงขั้นตอนนั้นก็ไม่สาย”
น้ำเสียงเรียบเฉยแต่เปี่ยมไปด้วยความสุขุมและมั่นใจ ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว การจะบรรลุทะลวงขั้นนั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเล็กน้อยไร้กังวล
หลินจงรู้สึกแปลกๆ นายน้อยที่อยู่ตรงหน้าดูไม่ต่างไปจากเดิม แต่หลินจงมักรู้สึกว่าในช่วงยี่สิบกว่าวันที่เก็บตัวฝึก นายน้อยเหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป
ดูมั่นคงขึ้น สุขุมขึ้น และคาดเดาได้ยากขึ้น
“ลุงจง ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าช่วงนี้เกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง” หลินสวินเดินไปตามทางเล็กคดเคี้ยวที่ทอดยาวจากขอบหน้าผาอย่างผ่อนคลาย
“นายน้อย ระหว่างนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นไม่น้อยเลยจริงๆ…” หลินจงรีบขนาบข้างตามไป พร้อมอธิบายเรื่องต่างๆ
จวบจนกระทั่งกลับไปถึงห้องหนังสือบนชั้นสองของตำหนักชำระจิต หลินสวินก็ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
การที่งานประมูลของอัครการค้าจบลงอย่างราบรื่นเป็นเรื่องดีสำหรับหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย รอเมื่อไปเยือนอัครการค้าครั้งหน้า ก็จะได้รู้แล้วว่าสมบัติพวกนั้นของตนประมูลออกไปด้วยราคาเท่าไหร่
ส่วนเรื่องอีเนี่ยนภิกษุอาณาจักรวงจันทราประลองกับดรุณจ้าวกระบี่เซี่ยอวี้ถัง หลินสวินไม่ได้สนใจนัก
แต่พอได้ยินว่าฝีมืออีเนี่ยนสูสีกับเซี่ยอวี้ถังจนไม่อาจประเมินแพ้ชนะ นี่ถือว่าเหนือความคาดหมายของหลินสวินอยู่บ้าง
เท่าที่เขารู้มาอาณาจักรวงจันทราเป็นอาณาจักรเล็กๆ ห่างจากจักรวรรดิไปทางตะวันตกหมื่นกว่าลี้ ถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกปราณของภิกษุ
ถ้าพูดถึงอำนาจโดยรวมของอาณาจักร ยังด้อยกว่าจักรวรรดิจื่อเย่าอยู่มาก ในความทรงจำของผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ อาณาจักรวงจันทราเป็นเพียงแค่อาณาจักรอันคับแคบที่ไม่มีความน่าสนใจใดๆ
แต่การปรากฏตัวของอีเนี่ยนได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อาณาจักรภายนอกจักรวรรดิก็มีผู้ประสบความสำเร็จที่โดดเด่นมากเช่นเดียวกัน
สิ่งที่หลินสวินสนใจจริงๆ ก็คือการทดสอบระดับอาณาจักรที่จบไปตั้งนานแล้วต่างหาก
ในบรรดาอันดับหนึ่งถึงสามของการทดสอบระดับอาณาจักรในครั้งนี้ มีสองคนที่หลินสวินเคยเจอมาแล้ว อย่างไป๋หลิงซี หลานสาวคนโตของจิ้งไห่โหว หลินสวินเคยได้รู้จักกับไป๋หลิงซีผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘หญิงงามจากสวรรค์’ ตอนฝึกปราณอยู่ที่ค่ายกระหายเลือด
เขารู้ถึงขั้นจำได้แม่นว่าไป๋หลิงซีมีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘ดารานิรันดร์’ แต่กำเนิด
พรสวรรค์วิญญาณที่ลึกลับชนิดนี้ถือว่าหาได้ยาก
ตามการแบ่งคุณลักษณะพรสวรรค์ในจักรวรรดิ ‘ดารานิรันดร์’ ถูกจัดคร่าวๆ ว่าอยู่ในระดับสี่
แม้จะเป็นเพียงแค่ระดับสี่ แต่สามารถมีคุณลักษณะพรสวรรค์นี้ได้ก็ถือว่าเป็นเลิศเหนือผู้ฝึกปราณจำนวนมากแล้ว!
เหตุผลก็เพราะว่า ทั่วทั้งจักรวรรดินี้ผู้ฝึกปราณที่มีคุณลักษณะพรสวรรค์มีน้อยมาก เรียกได้ว่าหนึ่งในหมื่น ล้ำค่าและหายากเป็นที่สุด
อีกทั้งตอนที่ไป๋หลิงซีบรรลุสู่ขั้นผสานใจได้สร้างบ่อพลังวิญญาณเหนือกว่าระดับหนึ่งได้สำเร็จ!
เรื่องนี้เป็นความลับที่ไป๋หลิงซีบอกหลินสวินแค่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าความสามารถและเส้นสนกลในของไป๋หลิงซีน่าเกรงขามมากเพียงใด
แต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า ในการทดสอบระดับอาณาจักรครั้งนี้ไป๋หลิงซีจะคว้าอันดับสามมาได้!
ในช่วงสองปีที่ออกจากค่ายกระหายเลือด พลังปราณของไป๋หลิงซีก้าวกระโดดสู่ระดับที่สูงขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนอันดับสองอย่างฉือฉางเฟิงก็ทำเอาหลินสวินขมวดคิ้วทันที เขาจำได้ว่าเจ้านั่นเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถคว้าอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักรไปได้ เห็นได้ว่าเด็กนั่นมีดีมากพอที่จะผยองจริงๆ
คนที่หลินสวินไม่คุ้นเคยเลยแน่นอนว่าคืออันดับหนึ่งอย่างซ่งอี้ เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกที่สุดยอดเพียงใด ถึงได้ชนะบุคคลระดับฉือฉางเฟิงและไป๋หลิงซี ช่างน่าตื่นตะลึงมาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้หลินสวินทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ บนโลกนี้ไม่เคยขาดนางมารและวีรบุรุษที่โดดเด่นในแต่ละยุคสมัย เหนือฟ้ายังมีฟ้า คำนี้ช่างจริงแท้แน่นอน
“นายน้อย ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรายงานท่าน แม่นางเสี่ยวเคอสืบจนได้ความแล้วว่า เหตุการณ์ลอบทำร้ายเราในคืนที่กลับจากอัครการค้าเป็นฝีมือของธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ สามตระกูลรองตระกูลหลิน” หลินจงที่อยู่ข้างๆ เอ่ย
“ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะที่เป็นแกนนำนั่น ได้รับฉายาว่ามารเฒ่าฉวี่ เป็นปีศาจเฒ่าที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ในจักรวรรดิ ชำนาญในเคล็ดวิชาเสาะหาและช่วงชิงวิญญาณที่สุด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์