เมื่อได้ยินหลินสวินวิจารณ์เช่นนี้ หลินต้าหงก็อดยิ้มขื่นไม่ได้ หลินสวินก็แข็งกร้าวนัก เอะอะก็เรียกขาน ‘จูเหล่าซาน’ แต่ที่นี่คืออาณาเขตตระกูลหลินแห่งแสงอุดรนะ!
เขาไม่กังวลว่าจะชักนำเภทภัยมาสู่ตนเลยหรือไง
หลินสวินไม่กังวลใจจริงๆ ตอนนี้สถานการณ์ของเขาย่ำแย่พออยู่แล้ว ถ้าวางตัวขี้ขลาดอีกก็รังแต่จะทำให้ถูกกลั่นแกล้งรุนแรงยิ่งขึ้น
ถ้าครั้งนี้เขาสามารถโน้มน้าวให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรสนับสนุนได้ ย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง ถ้าทำไม่ได้ หลินสวินก็ไม่สนใจแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็ล้วนเป็นปฏิปักษ์กับธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุอยู่แล้ว กับแสงอุดรก็ไม่ต่างอะไรกัน
แน่ล่ะ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
หลินสวินหวังยิ่งกว่าว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะไม่บีบคั้นให้ตนอึดอัดจนเกินไป
ยังดีที่ระหว่างทางต่อมาไม่ได้พบกับเรื่องราวยุ่งยากอีก ไม่นานนักด้วยการนำทางของหลินต้าหง หลินสวินก็มาถึงลานฝึกยุทธ์อย่างราบรื่น
นี่เป็นลานประลองใหญ่โต กินพื้นที่กว้างขวางยิ่ง พื้นลานปูทับด้วยหินเหล็กกล้าแข็งแรง ทั้งประดับประดาด้วยรอยสลักวิญญาณ ไม่ธรรมดา
ขณะนี้บริเวณลานฝึกยุทธ์นั้นคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนหนาแน่น ทั้งชายทั้งหญิง ทั้งแก่ทั้งเด็ก กะคร่าวๆ แล้วมีหลักพัน!
หลินสวินพลันตกตะลึง “เหตุใดคนเยอะขนาดนี้
หลินต้าหงกล่าวอธิบาย “คนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจริงๆ มีเพียงหลักร้อย ที่เหลือโดยมากเป็นญาติสายนอกกับญาติต่างสกุล”
เด็กหนุ่มร้องอ้อ จิตใจยังคงสับสน ตระกูลหลินสายตรงถ้าไม่ถูกสังหารไปตอนนั้น คนในตระกูลคงมีมากขึ้นไปอีก
“รีบดูสิ เจ้าเด็กนั่นคงเป็นหลินสวิน!”
“หึ! ท่านลุงต้าเชียนบอกว่าเจ้าเด็กนี่เพิ่งไปรังแกผู้อื่นมา ขนาดท่านลุงต้าเชียนยังไม่เคารพ ก้าวร้าวเสียจริง”
“เขากล้ามารึนี่ เฮอะ! ไม่รู้เรื่องอะไรเลยทำใจกล้าได้ล่ะสิ!”
“ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าเป่ยกวงไปเห็นอะไรในตัวเจ้าเด็กนี่จริงๆ ทั้งยังจัดการประลองของพี่เสวี่ยเฟิงกับมันขึ้น ยกยอมันมากไปแล้ว!”
ครานี้กลุ่มคนที่กระจายอยู่บริเวณลานฝึกยุทธ์ก็ล้วนได้เห็นหลินสวินแล้ว พลันเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ขึ้น
เพียงได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เต็มไปด้วยความดูถูก ขัดเคือง โกรธเกรี้ยวและเหยียดหยาม ก็รู้ว่าคนในตระกูลส่วนมากไม่พอใจที่หลินสวินมาเยือนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรในครั้งนี้
หลินสวินแม้คาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาก็ยังประหลาดใจอยู่บ้าง
“หลินสวิน ขอเจ้าอภัยให้เถิด อย่าได้โมโหไปเลย ถ้าก่อปัญหาใหญ่โตเข้า ต่อให้ผู้เฒ่าเป่ยกวงผู้นั้นออกหน้าก็ไร้ประโยชน์”
หลินต้าหงเอ่ยเสียงเบา มีน้ำเสียงขอร้องอยู่ในที เขาคงถูกวิธีการแข็งกร้าวที่หลินสวินใช้ก่อนหน้านี้ทำให้ตกใจกลัว เกรงว่าหลินสวินจะบันดาลโทสะขึ้นมาอีก
“อืม ไม่ทำหรอก” หลินสวินยิ้มให้อย่างใจเย็น
แต่ยิ่งเขาทำเช่นนี้ ใจหลินต้าหงยิ่งสับสน อดยิ้มขื่นไม่ได้ เจ้าเด็กนี่…ไม่รู้ไปได้ความกล้าขนาดนี้มาจากไหน
ยังดี ไม่นานนักก็มีคนมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้หลินต้าหง
นั่นคือชายวัยกลางคนสวมชุดสีม่วง ผมเผ้าหนวดเคราดำขลับ ดวงตาลึกล้ำราวน้ำลึก ท่าทางสงบนิ่งสง่างาม
เขาเดินก้าวใหญ่มาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน เหลือบมองจูเหล่าซานกับหลินจง แล้วจึงมองไปทางหลินสวินพลางพูดว่า “หลินสวินรึ?”
หลินต้าหงที่อยู่ด้านข้างรีบแนะนำ “หลินสวิน ท่านผู้นี้ก็คือหลินไหวหย่วน หัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร เป็นท่านลุงของเจ้า”
“คาราวะท่านลุง” หลินสวินกุมมือคารวะ
“อืม ในเมื่อมาแล้วก็หมายความว่าเจ้าเตรียมตัวพร้อมประลอง ในตอนนี้เจ้าสามารถรอที่ลานฝึกยุทธ์ได้ อีกสักครู่เสวี่ยเฟิงก็มาแล้ว” หลินไหวหย่วนยังเคร่งขรึมผ่าเผยดังเดิม ไม่ยินดียินร้าย ทำให้ผู้อื่นอ่านความรู้สึกในใจเขาไม่ออก
“ได้ขอรับ” หลินสวินพยักหน้ารับ
หลินไหวหย่วนเมื่อเห็นหลินสวินตอบรับอย่างเต็มใจ กลับตะลึงไป ดวงตาอดจับจ้องเขาไม่ได้ กล่าวว่า “ทำตามความสามารถของตน ถ้ารับไม่ไว้ จะออกปากยอมแพ้ก็ย่อมได้ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรแห่งนี้ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าหรอก”
หลินสวินยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณท่านลุงอย่างยิ่งที่กล่าวเตือน”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินประพฤติตนอย่างมีมารยาท ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกไป
“ไปเถอะ” หลินไหวหย่วนไม่พูดอะไรอีก
จากนั้นหลินสวินส่งสัญญาณให้หลินจงกับจูเหล่าซานรออยู่ด้านข้างฝั่งหนึ่ง ส่วนเขาเดินไปทางลานฝึกยุทธ์เพียงลำพัง
ฝูงชนที่รออยู่บริเวณลานฝึกยุทธ์เห็นเช่นนี้ก็พลันเดือดดาล ส่งเสียงอึกทึกครึกโครม
“รีบมาดูสิ เจ้าเด็กนี่ยังกล้าตอบรับคำท้าประลอง!”
“หึ! นี่สิถึงเรียกว่าผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่หวั่นกลัว ถ้าเขารู้ถึงความเก่งกาจของเสวี่ยเฟิง น่ากลัวจะเสียใจที่เต็มใจรับคำท้าเช่นนี้”
“เหอะๆ แต่อย่างนี้ก็ดี เจ้าเด็กนี่อ้างตนว่าเป็นผู้ถือครองภูเขาชำระจิต ทำให้ข้าไม่พอใจนัก ถ้าเสวี่ยเฟิงสั่งสอนมันได้อย่างโหดเหี้ยม นั่นคงดีเหลือเกิน”
เสียงเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันดูถูกเซ็งแซ่ขึ้นไม่หยุดหย่อน
ท่ามกลางเสียงอื้ออึงนั้น เงาร่างสูงสง่าของหลินสวินเดินออกมาโดยลำพัง สีหน้าราบเรียบ ท่าทางสงบนิ่งราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดทั้งสิ้น
เมื่อมาถึงกลางลานฝึกยุทธ์ หลินสวินก็หยุดเดินอย่างเงียบเชียบ นิ่งพิจารณาสติ ราวนักพรตชราเข้าฌาน
ท่าทางสงบนิ่งนี้ทำให้คนจำนวนมากอดแปลกใจไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นเป็นคนหนุ่มคนอื่น เกรงว่าจิตใจว้าวุ่นไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์