“คิดจะไปงั้นหรือ ง่ายดายเช่นนี้เสียที่ไหน จูเหล่าซาน จัดการเขาให้ข้า!”
เสียงดังกึกก้องทรงอำนาจ พลันก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วลานประลอง
หรือเจ้าเด็กหลินสวินคนนี้ท่าจะบ้าไปแล้ว
ฮวาชิงหลินถอยกลับไปแล้ว เขากลับไม่คิดวางมือดังเดิมเช่นนี้ หรือต้องการสู้ชี้เป็นชี้ตายกับตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลฮวาในเวลานี้จริงๆ
บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
“เจ้านี่ คิดอะไรอยู่กันแน่” พวกสืออวี่ หนิงเหมิงต่างไม่เข้าใจ ตื่นตระหนกกับท่าทีใจกล้าของหลินสวิน
“เจ้าเด็กนี่ ใจมันหาที่ตาย!” พวกหลินเทียนหลงต่างงุนงง แล้วยิ้มหยัน พวกเขาหวังใจยิ่งให้หลินสวินทำเช่นนี้ ดีที่สุดคือให้ตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลฮวาหมายหัวให้ตายไปเลย
“เจ้าหนูนี่ ไว้หน้าให้ก็ไม่เอา!”
ฮวาชิงหลินพลันหยุดเดิน สีหน้าสุภาพปรากฏจิตสังหารที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้
โครม!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น จูเหล่าซานเคลื่อนไหวโดยไม่มีความลังเลใจใด พุ่งเข้าสังหารฮวาชิงหลิน
ราวกับเขาไม่สนใจสิ่งใดอยู่แล้ว เชื่อฟังเพียงคำสั่งหลินสวิน ต่อให้หลินสวินสั่งให้เขาไปตาย ก็จะไม่ขมวดคิ้วแม้สักนิด
เวลานี้ขนาดจ้าวไท่ไหลเจ้าของสังเวียนสวรรค์ยุทธ์ก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตะลึงงันอยู่เช่นนั้น
ใช่แล้ว เขาไม่คิดจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มหลินสวินผู้นี้จะโหดเหี้ยมร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ ท่าทางราวไม่สนใจสิ่งใดเกินจากที่เขาคาดการณ์ไว้โดยสิ้นเชิง
“ก่อเรื่องกันมากแล้ว พอเสียทีเถอะ!”
ไม่ทันที่ฮวาชิงหลินกับจูเหล่าซานจะเข้าต่อสู้กัน กลับมีสายรุ้งเส้นหนึ่งบินมาจากท้องฟ้าอย่างเหนือความคาดหมาย
นั่นเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง!
ตัวกระบี่คดงอดังกิ่งเหมย ทั้งเล่มขมุกขมัว เต็มไปด้วยรอยสนิมพร่างพร้อย
กระบี่ปรากฏขึ้นเหมือนตกลงมาจากฟากฟ้า
กระบี่ลดลงปักเข้าที่กลางลานประลอง ระหว่างฮวาชิงหลินกับจูเหล่าซานพอดี
ชั่วเสี้ยวลมหายใจ ทั้งสองคนต่างหยุดเท้า
แทบจะในเวลานั้นเอง เสียงสูงวัยดังแว่วขึ้น สะท้อนออกไปสี่ด้านแปดทิศ ผู้คนไม่อาจรู้ได้ว่าเปล่งออกมาจากที่ใด
ถึงกระนั้นฝูงชนในลานประลองเมื่อได้ยินเสียงนี้เข้า ใจก็เกิดความเกรงกลัว วิญญาณสั่นระรัว ไม่กล้าเอ่ยปากอีก
บรรยากาศกลับแปรเปลี่ยนเป็นเงียบสนิทหาใดเปรียบในทันใด!
เมื่อมองกระบี่ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ่งเหมยเต็มไปด้วยสนิมนี้ สีหน้าของฮวาชิงหลินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับทั้งตกใจและไม่ยินยอม
ส่วนจูเหล่าซานในเวลานี้ก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นอีก
ราวกับกระบี่นี้มีเวทมนต์น่าสะพรึงกลัว เป็นตัวแทนของอำนาจไร้รูปร่าง ทำให้ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอย่างฮวาชิงหลินและจูเหล่าซานต่างหวาดกลัวหาใดเปรียบ
คนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโสที่อยู่ในที่นั้นบางคนต่างหน้าเปลี่ยนสีเหมือนรู้ที่มาของกระบี่นี้ พากันตกอยู่ในความเงียบงัน
ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักกระบี่นี้นั้น เมื่อได้เห็นภาพนี้เข้าก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหา ตกใจระคนสงสัย
หลินสวินเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของกระบี่นี้เช่นเดียวกัน แต่เขาพอคาดเดาอะไรในใจได้แล้ว ดวงตาสีดำลุ่มลึกตกอยู่ในห้วงความคิด
ก่อนหน้านี้ที่เขาให้จูเหล่าซานลงมือโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้หวังจะตัดสินชี้เป็นชี้ตายกับฮวาชิงหลินจริงๆ
จุดมุ่งหมายแท้จริงก็เพื่อลองดูว่า ยามตนก่อเรื่องโดยไม่สนใจสิ่งใดนั้น จะดึงดูดคนใหญ่คนโตบางคนที่หลบซ่อนอยู่ออกมาได้หรือไม่
ดูจากตอนนี้ เขาได้ทำสำเร็จแล้ว
กระบี่ประหลาดลายพร้อยรูปร่างเหมือนกิ่งเหมย ย่อมเป็นสัญลักษณ์แทนฐานะอย่างหนึ่งแน่!
ที่หลินสวินอนุมานได้ถึงจุดนี้ ก็เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจ้าวไท่ไหล
เมื่อใคร่ครวญกับตนเองดู เขาไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายมาก่อน แต่อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสุดท้าย สลายการต่อสู้ทวงแค้นของฮวาชิงหลิน
อีกทั้งจ้าวไท่ไหลยังพูดว่า ที่เขาทำทั้งหมดนี้ ‘ไม่ได้เป็นท่าทีของเขาแต่เพียงผู้เดียว’ นั่นย่อมพิสูจน์แล้วว่า มีคนบงการให้จ้าวไท่ไหลทำเช่นนี้!
ชั่วพริบตานั้นก็ทำให้หลินสวินสงสัยว่า ผู้ที่อยู่ในเงามืดนั้นน่ากลัวจะเป็นคนใหญ่คนโตจากเบื้องลึกสุดของราชวงศ์!
ภาพตรงหน้าทั้งหมด ได้พิสูจน์จุดนี้รางๆ โดยไม่ต้องสงสัยแล้ว
“แยกย้ายเถอะ!” เสียงสูงวัยนั้นแว่วขึ้นราวออกคำสั่ง
ฮวาชิงหลินสูดหายใจลึก ถึงขั้นประสานมือขึ้นคารวะกระบี่เหมยลายพร้อยบนพื้นนั้นแล้วค่อยหันกายเดินออกไป
“กลับมาเถอะ จูเหล่าซาน”
หลินสวินก็เอ่ยปาก เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว รามือได้แล้ว
เห็นเช่นนี้ฝูงชนในที่นั้นก็ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน สีหน้าทั้งสะท้านตกใจและงุนงง การประลองระหว่างคนรุ่นเยาว์ เหตุใดจึงพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร การประลองครั้งนี้ก็ปิดฉากลง ณ จุดนี้
จบลง ก็หมายความว่ารู้ผลแพ้ชนะแล้ว
ฮวาอู๋โยวย่อมพ่ายแพ้ แม้ว่าสุดท้ายนางจะไม่ถูกสังหาร แต่การต่อสู้วันนี้ สำหรับนางแล้วย่อมเป็นการกระทบกระเทือนที่หนักหน่วงถึงที่สุด
ส่วนหลินสวินนั้น ย่อมอาศัยชัยชนะจากการต่อสู้นี้สร้างชื่อสะเทือนนครต้องห้าม กลายเป็นผู้กล้าที่ไม่อาจมีใครเพิกเฉยได้ผู้หนึ่ง!
เช่นเดียวกัน ในการประลองนี้ ชื่อเสียงของตระกูลมากอำนาจอย่างตระกูลฮวาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เป็นถึงหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง กลับผิดคำพูดตนเอง เหิมเกริมเหยียบย่ำกฎการประลอง นี่เป็นมลทินที่ไม่อาจชำระออกไปได้ เป็นการกระทำน่ารังเกียจ
โดยเฉพาะฮวาเชียนเฉิงและฮวาชิงหลิน ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะทั้งสองคนที่ปรากฏกายบนลานประลองอย่างต่อเนื่อง หมายจะทำร้ายผู้เยาว์อย่างหลินสวิน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ โหดร้ายไร้เหตุผลเกินไป
แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น ตระกูลฮวาอย่างไรก็เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง เสมือนสิ่งของมหึมาที่ไม่อาจทำให้สั่นคลอนได้ นอกจากได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีแล้ว ไม่มีทางโจมตีพวกเขาได้อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์