ตระกูลหลินในอดีต ทั้งตระกูลรองและตระกูลหลักต่างอยู่ร่วมกันบนภูเขาชำระจิต สถานที่อย่างหอแสงอุดร เดิมเป็นที่พำนักของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร
ในขณะเดียวกัน ภูเขาชำระจิตยังมีที่พำนักที่ใช้ชื่อว่า ‘ธารประจิม’ ‘คานเมฆา’ ‘ยอดวายุ’ ซึ่งเป็นที่พำนักของตระกูลรองอื่นๆ อีกสามตระกูล
หอแสงอุดร
นี่เป็นอาคารโบราณหลายหลังที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่ล้วนถูกทิ้งร้าง แต่จากขนาดก็ดูออกได้ไม่ยากว่า ในอดีตที่นี่เคยคึกคักมากเพียงใดและมีคนในตระกูลอาศัยอยู่มากเพียงใด
ตอนที่หลินสวินไปถึง กลับพบอย่างแปลกใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่หอแสงอุดรอย่างตื่นเต้นดีใจเช่นกัน
คนเหล่านี้เป็นคนในตระกูลที่ผู้อาวุโสเป่ยกวงส่งตัวมาก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนยังหนุ่มสาวและดูอันธพาลเสเพลอย่างมาก
หลายวันก่อนหน้านี้ ชื่อเซวี่ยยังมาเอาผิดกับหลินสวินเรื่องที่คนพวกนี้ไปทำลายโอสถวิญญาณในสวนโอสถอยู่เลย
ตอนนั้นหลินสวินใช้พลังยุทธ์กำราบพวกเสเพลพวกนั้นทันทีโดยไม่เสียเวลาพูดอะไร ทั้งยังจัดให้พวกเขาไปทำงานของข้ารับใช้ตามส่วนต่างๆ ของภูเขาชำระจิต
หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นจนเก็บไม่อยู่แบบนี้
พอเห็นหลินสวิน บางคนถึงกับอดร้องโวยไม่ได้ “หลินสวิน เจ้าให้พวกข้าไปทำงานของข้ารับใช้ คราวนี้จะต้องให้พี่เสวี่ยเฟิงคืนความเป็นธรรมให้พวกข้า!”
“ใช่ เจ้าไม่เห็นพวกเราเป็นคนในตระกูลเลยสักนิด!”
หนุ่มสาวกลุ่มนั้นเดือดดาล เป็นคนตระกูลหลินแท้ๆ แต่กลับถูกใช้ให้ไปเป็นข้ารับใช้ทั่วภูเขาชำระจิต ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้เพราะเกรงบารมีหลินสวิน และมีเสี่ยวเคอคอยจับตาอยู่ พวกเขาไม่สามารถหนีออกจากภูเขาชำระจิตได้ จึงจำต้องทนต่อไป
แต่วันนี้กลับแตกต่าง เพราะพวกเขาได้ยินว่าหลินเสวี่ยเฟิงจะมา จึงดีใจจนเก็บไม่อยู่ คิดว่ามีตัวช่วยแล้ว มีหรือที่จะยอมทนต่อไป
พวกเขาจึงรวมตัวกันและรีบมาหาอย่างตื่นเต้น
หลินสวินอึ้งงันไป ก่อนจะระบายยิ้ม พวกนี้หาเรื่องจริงๆ ที่ให้พวกเขาไปทำงานหนักก็เพราะต้องการปราบนิสัยแย่ๆ ในตัวพวกเขาไงเล่า
“หืม พวกเจ้าทำอะไรกัน”
ขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งพลันเดินออกจากเรือนหลักของหอแสงอุดร เป็นหลินเสวี่ยเฟิงนั่นเอง
“พี่เสวี่ยเฟิง เจ้าเด็กนี่รังแกกันเกินไปแล้ว ไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนในตระกูลเลยสักนิด!”
“พวกเรามาที่ภูเขาชำระจิตเพื่อทำการใหญ่ แต่เจ้าหมอนี่กลับบีบให้พวกเราทำงานของข้ารับใช้ ทั้งยังส่งหญิงดุร้ายคนหนึ่งมาจับตาดูพวกเรา ต่อต้านเพียงเล็กน้อยก็โดนเฆี่ยนตี พี่ต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้พวกเรานะ!”
หนุ่มสาวกลุ่มนั้นร้องโหวกเหวก ท่าทางดูเคียดแค้นอย่างที่สุด
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ หลังจากฟังจบ หลินเสวี่ยเฟิงไม่เพียงไม่ออกโรงช่วยพวกเขา แต่สีหน้าตอนที่มองพวกเขากลับไม่น่าดูอย่างมาก
“คุกเข่า!”
ไม่รอให้พวกเขาตระหนักได้ หลินเสวี่ยเฟิงพลันแผดเสียงเย็นขึ้นมา ทำเอาหนุ่มสาวกลุ่มนั้นต่างขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
นี่ นี่…นี่มันอะไรกัน?
บางคนคิดว่าตัวเองหูฟาดไป “พี่เสวี่ยเฟิง พี่ให้หลินสวินคุกเข่าลง หรือว่า…”
เพี๊ยะ!
หลินเสวี่ยเฟิงฟาดฝ่ามือลงไปกลางอากาศอย่างแรง ตบจนคนผู้นั้นร้องด้วยความตกใจ กระเด็นออกไปไกลถึงสิบกว่าจั้ง ก่อนจะร้องโอดครวญไม่ขาดสาย
ทุกคนพลันลนลานขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
“คุกเข่า!”
หลินเสวี่ยเฟิงย้ำอีกครั้ง คราวนี้หนุ่มสาวกลุ่มนั้นไม่กล้าต่อต้าน พลันคุกเข่าลง ใบหน้ามู่ทู่ราวกับมะเขือยาวเหี่ยวไปตามๆ กัน
“พวกไร้ประโยชน์ ที่ส่งพวกเจ้ามาก็เพื่อทำงานให้ภูเขาชำระจิตอยู่แล้ว พวกเจ้ากลับเกี่ยงงาน บ่นไม่หยุด ช่างเป็นความอับอายของตระกูลหลิน!”
หลินเสวี่ยเฟิงไฟสุมอกโดยแท้ เขาไม่คิดเลยว่าคนในตระกูลตัวเองจะแย่ได้ถึงขนาดนี้
“เรื่องนี้เจ้าจัดการแล้วกัน ข้ารอเจ้าข้างใน”
หลินสวินคิดว่าไม่เหมาะที่จะยืนเป็นผู้ชม เพราะนี่ถือเป็นเรื่องภายในของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ให้หลินเสวี่ยเฟิงจัดการก็พอแล้ว หากเขายืนดูอยู่ข้างๆ เกรงว่าจะสร้างความกระอักกระอ่วน
“ได้ รอข้าสักครู่” หลินเสวี่ยเฝิงพยักหน้า
หลินสวินเพิ่งเดินออกไป สีหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขากวาดสายตามองคนในตระกูลที่คุกเข่าอยู่ ทั้งโกรธทั้งปวดหัว
“พี่เสวี่ยเฟิง ทำไม…ทำไมพี่ถึงไม่สั่งสอนเขาให้พวกเรา แบบนี้มัน…เกินไปหรือเปล่า หลินสวินนั่นไม่เห็นเราเป็นคนในตระกูลเลยนะ!”
ขณะนั้นเอง มีคนรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นถาม
“เจ้าโง่!”
หลินเสวี่ยเฟิงก่นด่าชุดใหญ่อย่างไม่คิดเกรงใจ “หากไม่เห็นพวกเจ้าเป็นคนในตระกูล คิดว่าพวกเจ้าจะมีสิทธิ์เข้ามาเหยียบในภูเขาชำระจิตหรือ เพียงแค่การกระทำอย่างเมื่อครู่ของพวกเจ้า คงตายแล้วเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!”
ทุกคนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ท่าทางดูสับสน ดูออกว่าคงไม่เชื่อนัก
หลินเสวี่ยเฟิงเห็นแบบนี้ สีหน้ายิ่งทวีความเย็นเยียบ “จะบอกอะไรให้นะ เมื่อวานขนาดนี้ฮวาอู๋โยวยังเกือบตายคามือหลินสวินมาแล้ว หรือพวกเจ้าคิดว่าชีวิตของตัวเองสูงค่ากว่าฮวาอู๋โยว”
ได้ยินแบบนี้คนเหล่านั้นต่างหัวใจสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงกันถ้วนหน้า กล้าฆ่าแม้กระทั่งฮวาอู๋โยวงั้นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์