สืออวี่นั่งไขว่ห้าง ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปยังหลินเสวี่ยถิงที่อยู่ตรงหน้า
หลินเสวี่นถิงยิ้มบางๆ สีหน้าแน่วนิ่ง
เขาเป็นญาติผู้น้องของหลินเสวี่ยเฟิง เป็นคนฉลาดเฉลียว ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเก่ง ครั้งนี้ถูกหลินจงมอบหมายให้มามอบของขวัญจากหลินสวินชิ้นหนึ่งให้สืออวี่
ของขวัญนั้นผนึกอยู่ในกล่องหยกทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่ในมือหลินเสวี่ยถิง
“อย่าหาว่าข้าพูดอะไรไม่เกรงใจ เจ้าหลินสวินนี่ก็เห็นเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ เหตุใดถึงคิดส่งของขวัญให้ข้ากะทันหันเสียล่ะ”
สืออวี่สงสัยเล็กน้อย
หลินเสวี่ยถิงเอ่ยอย่างให้เกียรติ “ข้าน้อยเพียงเป็นธุระมาส่งให้ เรื่องอื่นไม่แน่ใจแล้ว คุณชายท่านเปิดกล่องหยกดูของขวัญที่อยู่ภายใน อาจพอดูอะไรออกนะขอรับ”
สืออวี่พลันหัวเราะขึ้น สีหน้าแสดงความยโส “เจ้าคิดว่าอัครการค้าของข้ายังขาดสมบัติอะไรอีกหรือ เอาไปๆ กลับไปบอกหลินสวินว่าถ้าครั้งหน้ายังเห็นเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนี้ ภายหลังก็ไม่ต้องมาพบข้าแล้ว”
หลินเสวี่ยถิงกลับหัวเราะอย่างจนใจแล้วพูดว่า “ถ้าคุณชายไม่รับไว้ ข้าน้อยกลับไปคงรายงานภารกิจมิได้”
สืออวี่ส่งเสียงหึหยัน “โอ้โห หลินสวินผู้นี้ตอนนี้มันขี้โมโหเสียจริงเชียว!”
หลินเสวี่ยถิงรีบส่ายหัว “คุณชายเข้าใจผิดแล้ว น้องหลินสวินไม่ได้หมายความเช่นนั้น ถึงท่านจะไม่รับไป อย่างน้อยก็ขอให้ดูสักหน่อย ถ้าของขวัญภายในไม่สามารถทำให้ท่านพึงพอใจได้ เช่นนั้นข้านำกลับไปก็สามารถรายงานภารกิจได้แล้ว”
สืออวี่พูดอย่างหมดความอดทน “ก็ได้ เจ้าเปิดสิ ข้าจะดูว่าเจ้าหลินสวินนี่มันจะเล่นลูกไม้อะไร”
หลินเสวี่ยถิงเปิดกล่องหยกนั้นออกทันที
ชั่วพริบตา แสงวิญญาณสีฟ้าเข้มเยียบเย็นพลันปรากฏขึ้น เต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือกบาดกระดูก พาให้ห้วงอากาศจับตัวเป็นน้ำค้างแข็งขึ้นชั้นหนึ่ง
หืม
ในตอนแรกสืออวี่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพียงคิดจะดูสักครั้งแล้วไล่หลินเสวี่ยถิงกลับไป ในใจยังรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำที่เห็นเป็นคนอื่นคนไกลของหลินสวินเล็กน้อย
แต่เมื่อได้เห็น ตาเขาก็มองค้างอยู่เช่นนั้น จ้องตรงไปในกล่องหยก ไม่อาจเบนสายตาไปได้แม้แต่น้อย
เห็นกระบองสำริดคู่หนึ่งวางนิ่งอยู่ในกล่องหยก กระบองสำริดยาวสองฉื่อสี่ชุ่น หนาเท่าลำเทียน ทั้งเล่มประทับไปด้วยลายสลักวิญญาณคลุมเครือซับซ้อน เต็มไปด้วยแสงวิญญาณสีฟ้าเข้มเยียบเย็นพาให้ใจคนหวาดหวั่น
อาวุธที่สืออวี่ถนัดที่สุดก็คือกระบองสำริด ที่เขาใช้อยู่นั้นก็เป็นกระบองสำริดชั้นเลิศคู่หนึ่ง นามว่า ‘กระบองหยกผนึกมังกร’ ถูกหลอมขึ้นโดยปรมาจารย์สลักวิญญาณมีชื่อท่านหนึ่ง ล้ำค่าหาได้ยาก
แต่เมื่อเทียบกับกระบองสำริดคู่ที่อยู่ในกล่องหยกนั้น กลับพลันดูหมองกว่ามาก ถึงกับ…ไม่น่ามองเลยทีเดียว!
สืออวี่ลุกขึ้นยืน นำกระบองสำริดคู่ที่อยู่ในกล่องหยกออกมาประเมินคร่าวๆ ดวงตาพลันฉายประกายวาบ
สมบัติวิญญาณ!
สมบัติวิญญาณระดับปฐพีคู่หนึ่งนี่!
ความตื่นเต้นที่ปกปิดได้ยากพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสืออวี่ ดวงตาเคลิบเคลิ้ม กระบองสำริดคู่นี้สมบูรณ์แบบไปแล้ว เพียงถืออยู่ในมือก็พาให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดผูกพันขึ้น
“คุณชายพึงพอใจหรือไม่” หลินเสวี่ยถิงถามเสียงค่อย
“พอใจ พอใจมากเลย ไอ้บ้าหลินสวินนี่สร้างความประหลาดใจพาให้ข้าคาดไม่ถึงเสียจริง!”
สืออวี่หัวเราะเสียงดัง สีหน้าตื่นเต้นดีใจยิ่ง
สมบัติวิญญาณชั้นนี้พบเห็นได้น้อยนัก ไม่ใช่เพียงแค่ราคาสูง แต่ยังหาได้ยากยิ่ง สามารถพูดได้ว่าเป็นของที่ไม่อาจร้องขอได้!
“สมบัตินี้มีนามว่าอะไร”
“ยังไม่เคยตั้งชื่อขอรับ น้องหลินสวินบอกว่า ให้คุณชายตั้งชื่อเองถึงเหมาะสมที่สุด”
“ฮ่าๆๆ เจ้าหลินสวินผู้นี้รู้ใจข้าดังคาด เช่นนั้นก็เรียกมันว่า ‘กระบองทรัพย์เมฆาคราม’ ก็แล้วกัน”
“เยื้องย่างบนเมฆาคราม[1] ชื่อดียิ่ง!”
หลินเสวี่ยถิงพูดไปยิ้มไป
ในใจเขาก็เกิดความภูมิใจที่ควบคุมไม่ได้ ราวกับได้รับเกียรติไปด้วย
เรื่องทำนองเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับหนิงเหมิง กงหมิงและเย่เสี่ยวชี หลินสวินมอบ ‘ทวนเงินประสานเดือน’ หนึ่งเล่ม ‘พลองหินกล้า’ หนึ่งเล่ม รวมทั้ง ‘ดาบโค้งประดับวสันต์’ หนึ่งเล่มให้แต่ละคน
ล้วนเป็นสมบัติวิญญาณระดับปฐพีทั้งสิ้น!
พาให้พวกหนิงเหมิงยินดีและประหลาดใจถึงที่สุด ชอบจนวางมือไม่ได้ ราวได้รับสมบัติล้ำค่าสูงสุด
นี่ก็คือการตอบแทนจากหลินสวิน
ด้วยช่วงนี้พวกสืออวี่ช่วยผสมโงอยู่ลับๆ พุ่งเป้ากดดันกิจการของสามตระกูลรองของตระกูลหลินอย่างธารประจิม คานเมฆา และยอดวายุครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ขุมอำนาจทั้งสามสายนี้ตกอยู่ในวังวนแห่งความยากลำบาก เกิดเรื่องยุ่งยากไม่ว่างเว้น
มิตรภาพเช่นนี้มีหรือหลินสวินจะลืมได้
ดังนั้นยามหลอมอาวุธวิญญาณ จึงตั้งใจหลอมอาวุธวิญญาณให้พวกเขาแต่ละคนโดยเฉพาะ ถือเป็นของขวัญจากใจของตน
แน่นอนว่าหลินสวินก็หลอมดาบศึกใหม่ให้ตัวเองด้วย เป็นอาวุธระดับปฐพีนามว่า ‘วิญญาณม่วง’!
ส่วน ‘ดาบเวทเรืองแสง’ แม้เป็นสมบัติวิญญาณแต่ก็เป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับมนุษย์ อานุภาพไม่อาจเติมเต็มหลินสวินที่มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลางได้
…
เกี้ยวสมบัติคันหนึ่งเคลื่อนออกจากภูเขาชำระจิต พาหลินสวินเดินทางไปยังภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ
ไม่นานเท่าใดนัก หัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมหลินเทียนหลงก็ได้รับข่าวคราวนี้
จิตใจเขาพลันสั่นรัว กัดฟันคำราม “ไอ้เด็กนี่มันโผล่หัวออกมาได้เสียที! ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้ไปเชิญเจ้าบ้านสายคานเมฆาและยอดวายุมาโดยเร็ว มีเรื่องใหญ่ต้องหารือกัน!”
ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา
หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ก็รีบร้อนมาถึง เมื่อรู้ว่าหลินสวินที่หดหัวอยู่ในภูเขาชำระจิตนับเดือนในที่สุดก็โผล่หัวออกมาแล้ว ทั้งสองก็ตื่นเต้นเช่นกัน
ชีวิตของพวกเขาสามตระกูลทุกวันนี้น่าอนาถนัก กิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมก็ถูกขัดขวางอยู่บ่อยครั้ง ทุกเดือนเสียหายไปเกือบล้านเหรียญทอง ทำให้ในตระกูลของพวกเขาแต่ละสายมีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เกิดเรื่องยุ่งยากไปทั่วทุกแห่ง ลำบากยากเข็ญไม่ได้กินไม่ได้นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์