ทั้งสามต่างรู้ดีว่าการจะได้ตัวยอดฝีมืออย่างหลินสวินไป อาศัยเพียงลมปากเท่านี้เป็นไปไม่ได้แน่
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการเวลากลับไปหารือกับฝ่ายของตัวเอง ว่าควรใช้อะไรเข้าแลกจึงจะได้ตัวหลินสวิน
สุดท้ายตอนที่หลินสวินกลับไป ได้เกิดเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ขึ้น
เหล่าผู้มีชื่อเสียงในศาสตร์การสลักวิญญาณของจักรวรรดิต่างไปส่งหลินสวินขึ้นเกี้ยวสมบัติ มองส่งพร้อมรอยยิ้มจนอีกฝ่ายลับสายตาไป
สิทธิพิเศษเกินเหตุแบบนี้ทำเอาเหล่านักสลักวิญญาณต่างตะลึงจนปากอ้าตาถลน สั่นสะเทือนในใจไม่หยุด
เพียงแต่ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่า หลังจากคนตระกูลฉู่เห็นภาพนี้ แต่ละคนกลับเผยความเศร้าหมองหมดอาลัยตายอยาก
โดยเฉพาะฉู่ไห่ตง พอเห็นหลินสวินได้รับผลประโยชน์ขนาดนี้ก็สะเทือนใจจนกระอักเลือดออกมาอีกคำ ก่อนจะตาเหลือกหมดสติไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากนั้นจึงถูกคนตระกูลฉู่หามออกไปจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ
ต้องบอกว่าฉู่ไห่ตงโชคร้ายมาก ปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นหนุ่มที่โดดเด่นอย่างเขาควรจะได้รับความสนใจและคำชื่นชม
แต่เขากลับมาเจอหลินสวิน ไม่ว่าสถิติใหม่ที่เขาสร้างจะโดดเด่นแค่ไหน แต่พอเจอกับหลินสวินกลับดูด้อยค่า
นี่เรียกว่าไปเทียบกับคนที่เหนือกว่าก็มีแต่จะทำให้น้อยเนื้อต่ำใจเท่านั้น
ฉู่ไห่ตงไม่ใช่คนใจคอคับแคบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้ที่จะโมโหจนหมดสติไปแบบนี้
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขามีเรื่องบาดหมางกับหลินสวิน ทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะใช้ผลการทดสอบของเก้าศิลาประตูมังกรมายืนยันว่า ระหว่างเขากับหลินสวินใครกันแน่ที่โง่เขลาไม่รู้ความ ใครกันแน่ที่เป็นไอ้โง่
ตอนนี้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว หลินสวินกลายเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้มีชื่อเสียง ส่วนเขาฉู่ไห่ตง…
ก็กลายเป็น… ไอ้โง่ที่โง่เง่าไม่รู้ประสา!
จะให้ฉู่ไห่ตงทนได้อย่างไร
ต่อไปเมื่อทุกคนในนครต้องห้ามพูดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงความแค้นระหว่างเขากับหลินสวิน และก็จะได้คำตอบว่าสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่เป็น ‘ไอ้โง่’!
ดังนั้นสุดท้ายฉู่ไห่ตงจึงโมโหจนกระอักเลือดหมดสติไป…
……
หลินสวินกลับไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีผู้ฝึกปราณมาสืบข่าวที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
ล้วนเป็นคนที่ผู้มีอิทธิพลแต่ละฝ่ายส่งมา
เห็นแบบนี้คนใหญ่คนโตอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วพลันตระหนักได้ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้สะท้านขวัญเกินไป ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของคนทั้งนคร!
พวกเขารั้งอยู่ต่อไม่ได้แล้วจึงต่างแยกย้าย เริ่มหารือวิธีที่จะดึงหลินสวินไปเป็นพวกอย่างเร็วที่สุด
ลิ่งหูซิวกลับยังไม่ไปไหน
สีหน้าของเขาเผยความสับสน ท่าทีเหมือนมีเรื่องหนักอึ้งในใจ ก่อนจะหมุนตัวเลี้ยวเข้าห้องสงบใจห้องหนึ่งในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ
ในห้องสงบใจมีคนรออยู่ก่อนแล้ว เป็นชายชราในชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าเรียวยาว ผอมแห้งดุจกระบอกไผ่ นัยน์ตาเจือความเยียบเย็นเหี้ยมโหด
คนผู้นี้ก็คือมารเฒ่าฉวี่!
ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะที่เชี่ยวชาญวิชาช่วงชิงวิญญาณ
ครั้งนี้เขาถูกสามตระกูลรองแห่งตระกูลหลิน ธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุส่งตัวมา เดิมจะต้องร่วมมือกับลิ่งหูซิว ฉวยโอกาสตอนที่หลินสวินอยู่คนเดียวจับตัวเขาและช่วงชิงวิญญาณให้เขากลายเป็นหุ่นเชิด
แต่พอเห็นลิ่งหูซิวกลับมาคนเดียว มารเฒ่าฉวี่ก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เมื่อครู่นี้มีเสียงร้องมังกรสนั่นขึ้น ราวกับมีเหตุการณ์ใหญ่อันใดเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน”
มารเฒ่าฉวี่พูดด้วยเสียงแหบพร่าราวกับงูพิษ ชวนให้รู้สึกอึดอัด
ลิ่งหูซิวถอนหายใจ ลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
ได้ยินเรื่องทั้งหมด มารเฒ่าฉวี่ก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ท่าทางตกตะลึง ครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าจึงเลือกล้มเลิกแผนการงั้นหรือ”
ลิ่งหูซิวหัวเราะเสียงเย็นทันที “เหลวไหล ไม่ทันพ้นคืนนี้ หลินสวินคนนี้ก็จะกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในนครต้องห้าม จะได้รับความสนใจจากเหล่าผู้มีอำนาจแต่ละฝ่าย ในสถานการณ์แบบนี้ใครกล้าฆ่าเขาก็เท่ากันเป็นศัตรูกับภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสำนักศึกษามฤคมรกต! ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้ ไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้หรอกนะ!”
มารเฒ่าฉวี่เงียบงันไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าสิ่งที่ลิ่งหูซิวพูดเป็นความจริง อิทธิพลที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่หลินสวินทำในวันนี้มิอาจขวางกั้นได้ ในสถานการณ์แบบนี้ หากใครเป็นศัตรูกับเขา ก็รออวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วมาแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งได้เลย!
“ข้าตัดสินใจแล้วว่า ตั้งแต่นี้จะขีดเส้นความสัมพันธ์กับตระกูลหลินแห่งยอดวายุให้ชัดเจน”
ลิ่งหูซิวพูดอย่างมั่นหมาย สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ไปหาเรื่องหลินสวินเพื่อพวกเขางั้นหรือ ไม่คุ้มเอาซะเลย! ข้าว่าเจ้าเองก็อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นปัญหาและความขัดแย้งภายในตระกูลหลินของพวกเขา คนนอกอย่างเจ้าเข้าไปแทรก ไม่แน่ว่าวันไหนจะสิ้นชีพเอา”
สีหน้าของมารเฒ่าฉวี่เปลี่ยนไปโดยพลัน พูดเสียงเย็น “ข้าไม่กลัว”
แต่ถัดมาเขากลับถอนหายใจ “แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งจริงๆ ข้าจะลองพิจารณาคำแนะนำของเจ้า”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์