แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความเสียดาย
ถ้าพลังต้องห้ามไม่มาเยือน ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็มีหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดจะสามารถรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
เสียดายที่ตอนนี้มันหยุดลงอีกแล้ว
วู้ม~
บนฝ่ามือ ธงสีดำสาดแสงคลุมเครือ
หลินสวินกวาดตามอง ในส่วนลึกของหัวใจอดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ ชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนี้ได้รับความเสียหายจากการจู่โจมของพลังต้องห้ามเมื่อครู่
“คงต้องรอมีโอกาสค่อยซ่อมในภายหลัง…”
หลินสวินเก็บธงดำ สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตามองไกลออกไป
เมื่อครู่นี้กู่เหลยพาเหล่าผู้สืบทอดของสำนักแสงทองที่บาดเจ็บสาหัสหนีไปทางนั้น เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน
พรึ่บ!
เงาร่างของหลินสวินแวบหายไปจากจุดเดิม
เขาไม่อาจทนให้น้ำเต้าเพลิงแดงที่ควรเป็นของเขาถูกแย่งไปได้!
……
“เด็กคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
หลินสวินเพิ่งจะจากไป บริเวณนั้นก็มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณปรากฏขึ้นมากมาย ทุกใบหน้าล้วนเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“ตัวคนเดียวสังหารคนสำนักแสงทองจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างเหลียงเย่าเจินยังถูกบีบให้ใช้พลังทั้งหมด สุดท้ายต้องมาตายเพราะพลังต้องห้าม จุดจบแบบนี้น่าอนาถเกินไปแล้ว”
หลายคนถอดถอนใจ สีหน้าแปรเปลี่ยน
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ พลังต่อสู้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ ไม่ใช่ว่ากลายเป็นมีพลังมากพอจะฆ่าคู่แข่งทุกคนได้หรือ”
“ใช่ มีพลังต้องห้ามอยู่ทั่วหล้าเช่นนี้ หากไม่ถูกบีบจนอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นไม่กล้าใช้พลังที่แท้จริงแน่ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับแตกต่าง พลังต่อสู้ของเขาเพียงพอให้สู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ แบบนี้น่ากลัวมาก”
ตอนที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ถึงหลินสวิน สีหน้าต่างเผยความหวาดกลัว ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเด็กหนุ่มที่ราวกับปีศาจคนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดที่ผ่านมาจึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน
……
ฟุ่บ
เงาร่างของหลินสวินทะยานผ่านกลางอากาศ พลังจิตวิญญาณอันกว้างขวางแผ่กระจายออกไป ตามหากลิ่นอายของผู้สืบทอดสำนักแสงทองเหล่านั้นมาตลอดทาง
ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังสัมผัสพลังของตัวเอง
พลังที่พลุ่งพล่านราวคลุ้มคลั่งในร่างโหมซัดอยู่ตลอดเวลา อันตรายอย่างที่สุด และในจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นใหม่ยังขาดอีกก้าวหนึ่งจึงจะสามารถก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้หลินสวินเองก็จนปัญญา
นี่ก็คืออุปสรรคในการฝึกปราณ ชีพจรวิญญาณเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์อันแสนวิเศษ ‘หุบเหวกลืนกิน’ ที่ไม่มีอะไรในโลกเทียบได้
หลังจากถูกชิงในตอนนั้นไป หลินสวินก็ไม่เคยหวังว่าจะได้ครอบครองมันอีกเลย
แต่ตอนนี้ด้วยความบังเอิญ ในที่สุดก็มีความหวังอย่างหาได้ยากว่ามันจะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่กลับไม่สมปรารถนาเสียที นี่ไม่ใช่แค่โชคไม่เข้าข้างแล้ว!
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่นี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจเป็นเพราะมันแข็งแกร่งและมีพลังพลิกฟ้าเกินไป จึงทำให้ระดับความยากของการก่อตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
บางทีหลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ว่า มีพลังบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้กำลังขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้อยู่หรือไม่
เหมือนตอนที่สู้กับนักพรตสยงที่อีกฝ่ายถอยทัพมือเปล่า
หรือตอนที่สู้กับฉู่หลินเทียน จู่ๆ ก็ถูกทางเดินที่เปิดออกหยุดไปซะก่อน
และเมื่อครู่นี้ตอนสู้กับผู้อาวุโสชุดขาว อีกเพียงนิดหลินสวินก็จะสมปรารถนาแล้ว แต่สุดท้ายพลังต้องห้ามกลับปรากฏขึ้นและฆ่าผู้อาวุโสชุดขาว
ถ้าเพียงครั้งเดียวก็ช่างเถอะ แต่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสามครั้งติด ทำให้หลินสวินอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเป็นเพราะชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่ของตัวเองพิเศษเกินไป จึงทำให้ทุกอย่างดูไม่ราบรื่นขึ้นมา
‘ช่างเถอะ การมาเยือนแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางการครอบครองพลังแห่งหุบเหวกลืนกินอีกครั้งของข้าไม่ได้’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาดำเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น
หลินสวินชะงักเท้ากะทันหัน กลางอากาศในบริเวณที่ห่างออกไปศึกหนึ่งเพิ่งปิดม่านลง
สิ่งที่ทำให้หลินสวินหน้าขรึมขึ้นคือ ในการต่อสู้นั้น ผู้ฝึกปราณที่ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากคือเหล่าผู้ฝึกปราณแห่งสำนักแสงทอง
ส่วนคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้คือหญิงรูปร่างชวนมอง งดงามเย้ายวนคนหนึ่ง ผิวของนางขาวใสดั่งหิมะ หน้าตาเปี่ยมเสน่ห์ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความงามปานล่มเมือง
เป็นผู้สืบทอดแดนวิญญาณหมื่นมายาเหลียนเตี๋ยอี!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอย่างกู่เหลยก็ยังถูกฆ่า ช่างเป็นภาพที่ชวนตะลึง
เหลียนเตี๋ยอียืนอยู่ตรงกลาง ท่าทางอ่อนช้อย นิ้วขาวเรียวเล่นน้ำเต้าเพลิงแดงที่ส่องแสงระยิบระยับ ดวงตาคู่งามวูบไหว มุมปากเผยรอยยิ้ม
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อว่า ผู้หญิงที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์คนนี้เพิ่งฆ่าผู้สืบทอดสำนักแสงทองจนสิ้นซากด้วยพลังของนางเอง!
“อุ๊ย หนุ่มน้อยสุดหล่อ เราเจอกันอีกแล้ว”
เหลียนเตี๋ยอีเห็นหลินสวินก็ไม่ได้แปลกใจ ก้าวเท้าแผ่วเบาเข้ามากลางอากาศ ผิวของนางขาวกระจ่างแวววาว ยามเยื้องย่างดูอ่อนช้อยงดงามนัก
“คืนสมบัติโบราณชิ้นนั้นมาให้ข้า”
หลินสวินนิ่งเฉย สายตาจับจ้องเหลียนเตี๋ยอีอย่างเย็นชา
“นี่เป็นของที่ข้าแย่งมาได้นะ หนุ่มน้อยสุดหล่อเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เหลียนเตี๋ยอีกะพริบตาคู่งามสุกใส มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย ฟันขาวเป็นประกาย ดูเจ้าเล่ห์และซุกซนอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์