ประโยคนี้ของหลินสวินไม่ได้มีความทรงพลังเลยสักนิด เห็นชัดว่าพูดขอไปที เบาหวิวอย่างมาก
ทว่าก็เพราะท่าทีที่เผยออกมาอย่างไม่ใส่ใจนี้นี่เอง ทำให้ศิษย์จากสาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นต่างมีโทสะยิ่ง โอหัง โอหังมากเกินไปแล้ว!
แต่แม้ในใจจะเดือดดาล แต่ชั่วขณะนั้นไม่มีใครกล้าเหยียบย่างลงไปบนลานแสดงยุทธ์เพื่อประลองกับหลินสวินเลย
พวกเขาต่างกระจ่างแจ้งกันหมดแล้ว เหตุที่หลินสวินโอหังเช่นนี้หาใช่ความอวดดีไม่ แต่เพราะพลังที่แท้จริงนั้นไม่อาจดูเบาได้เลย
ความพ่ายแพ้ของสืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้น และจินจู๋หลิวก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ข้อนี้ไปแล้ว
ในเวลานี้หากใครดูถูกหลินสวินอีก เช่นนั้นคงเป็นเจ้าทึ่มอย่างแน่นอน
และมีผู้คนจำนวนมากที่ตกใจ พวกสืออวิ๋นเผิงสามคนนั้นเป็นถึงกลุ่มคนชั้นแนวหน้าในสาขายุทธ์วิถี จัดอยู่อันดับต้นๆ บนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ชื่อเสียงเกรียงไกร
แม้แต่พวกเขายังไม่ใช่คู่มือของหลินสวิน แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังปราณของหลินสวินในยามนี้แข็งแกร่งแค่ไหน หากไม่ส่งบุคคลไร้เทียมทานออกไป คงเป็นการยากที่จะสยบเขาได้
ฉือฉางเหมย ฮวาอู๋โยวและคนอื่นๆ ที่เคยมีความแค้นต่อหลินสวินบัดนี้ในใจค่อนข้างซับซ้อน เพียงสองเดือนเท่านั้น หลินสวินดุจดั่งถอดกระดูกเกิดใหม่ เปลี่ยนไปจนยากหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขายังจำได้ แรกเริ่มในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาจักรพรรดินี ตอนที่หลินสวินเอาชนะหลิงเทียนโหวนั้น เพิ่งจะมีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น
แต่หลินสวินในปัจจุบันกลับยืนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย!
“เฮ้อ บทละครแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือถูกคนมองออกแล้ว คราวนี้พวกโง่ต่างรู้ว่าไม่ควรกระโดดลงไปในหลุมแล้ว”
สืออวี่ที่อยู่ห่างออกไปทอดถอนใจ
หนิงเหมิง เย่เสี่ยวชี กงหมิงต่างก็เชื่อเช่นนั้น อีกทั้งส่วนลึกภายในใจ พวกเขาล้วนรู้สึกตกตะลึงต่อพลังแท้จริงในปัจจุบันของหลินสวินเช่นเดียวกัน
เจ้าหมอนี่วิปริตขึ้นทุกที ก้าวกระโดดฉับพลันบนวิถีฝึกตน นำหน้าทิ้งห่าง ทำให้พวกเขาต่างมีความรู้สึกยากจะไล่ตามได้ทันอย่างหนึ่ง
กลางลานแสดงยุทธ์ หลินสวินมองเห็นทุกอย่างในสายตา อดถอนใจกลางทรวงไม่ได้ รู้ว่าคิดจะล่อคนแบบเมื่อครู่อีกคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ฉับพลันเขามองไปทางหลี่เซียวเฟยที่อยู่ในลาน มุมปากผุดรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงร้องตะโกน “เจ้าอัปลักษณ์ ถึงตาเจ้าแล้ว”
สีหน้าของหลี่เซียวเฟยเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที ส่งเสียงคำราม “หลินสวิน เจ้าหยุดกำเริบเสียที เห็นว่าสาขายุทธ์วิถีของข้าร้างผู้คนจริงๆ หรือ”
หลินสวินมุ่นคิ้วกล่าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ไยไม่ก้าวมาสู้กันสักตั้งเล่า”
“ข้า…”
สีหน้าของหลี่เซียวเฟยไหววูบไม่แน่นอน ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้เขาจะต้องพุ่งทะยานออกไปโดยเร็วเป็นแน่ ทว่าตอนนี้แม้แต่สืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้น จินจู๋หลิวต่างพ่ายแพ้กันหมด เขายังจะอาจหาญประลองกับหลินสวินได้อย่างไรกันเล่า
“ฮ่าๆ นี่หรือคือศิษย์ของสาขายุทธ์วิถี ช่างทำให้คนผิดหวังจริงๆ”
หลินสวินดูหมิ่น
คราวนี้กลายเป็นยั่วโทสะศิษย์ในบริเวณนั้นแล้ว ต่างเริ่มร้องตะโกนสนั่นไม่ขาดสาย
“เจ้าไฝ เจ้าเป็นอะไรไปเล่า แม้แต่ความใจกล้ารับคำท้าประลองยังไม่กล้าหรือ”
“รีบขึ้นไปทำลายเขาซะ! ไม่ได้ยินเขาด่าเจ้าว่าเจ้าอัปลักษณ์รึ”
“ต่อให้แพ้ก็ต้องแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี ไหนเลยจะกลัวจนเลี่ยงศึก”
หลี่เซียวเฟยเกือบจะร้องไห้แล้ว มารดามันเถอะ ให้เข้าไปรับหมัดหรือไร ไม่เห็นหรือว่าเมื่อกี้จินจู๋หลิวถูกต่อยจนร้องหาบิดามารดรและสลบเหมือดไปทั้งอย่างนั้น
“เอาเถิด ในเมื่อเจ้ายอมจำนน ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปสักหน”
กลางลานแสดงยุทธ์ หลินสวินถอนใจเสียงแผ่วหนึ่งครา สายตากวาดมองทั่วบริเวณ ศิษย์แต่ละคนที่ถูกเขามองต่างกระวนกระวาย เหมือนกังวลใจว่าจะถูกหลินสวินขานชื่อเชิญต่อสู้อย่างไรอย่างนั้น
สุดท้ายสายตาของหลินสวินไปตกบนร่างของหลันอวี่ชายหนุ่มผมขาว
“ผมขาว คิดว่าเจ้าคงรอจนอดรนทนไม่ไหวแล้วเป็นแน่ มา ตอนนี้จะให้โอกาสเจ้า เข้ามาสู้กับข้าสักครา”
หลินสวินหัวเราะอย่างสดใสยิ่ง
สีหน้าหลันอวี่แปรปรวน เห็นชัดว่าภายในจิตใจกำลังดิ้นรนอย่างหนัก
ตัวเขาก่อนหน้านี้ถูกยั่วโทสะจนแทบอดไม่ไหว อยากลงสนามไปทำลายหลินสวินให้สิ้นซากเป็นคนแรก ทว่าเมื่อได้เห็นการต่อสู้แต่ละศึกเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้เขาหวนคืนสู่ความเยือกเย็นตั้งนานแล้ว รู้ว่าหากตนลงออกไปสู้ ท้ายที่สุดเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมาก็จะเสียหน้าครั้งใหญ่
ดังนั้นต่อให้ในใจของเขาจะขุ่นข้องอัดอั้น แต่ก็เลิกล้มความคิดด้วยไม่อาจสู้ได้ ไม่อยากปะทะรุนแรงกับหลินสวินในเวลานี้
ทว่าเขาคิดไม่ถึงเลยสักนิด ในช่วงเวลานี้หลินสวินถึงขั้นขานชื่อเขาออกมา!
ผมขาว!
เป็นคำเรียกอันเปี่ยมความอัปยศนี้อีกแล้ว สิ่งนี้ทำให้หลันอวี่โกรธจนแทบคลั่ง
“ทำไม เจ้าก็เหมือนเจ้าไฝ ขวัญหนีแล้วหรือ”
หลินสวินมุ่นคิ้ว
“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะทำให้เจ้าสมหวัง!”
หลันอวี่บันดาลโทสะอย่างสมบูรณ์ ร้องคำราม หายตัวพุ่งเข้าสู่ลานแสดงยุทธ์ เขาไม่สนสิ่งใดแล้ว หากถอยหนีไปอีก ไม่ต้องรอนาน เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งในสาขายุทธ์วิถีแน่
ทันใดนั้นทั้งลานพลันส่งเสียงโห่ร้องชื่นชม
หลันอวี่เป็นบุคคลน่าทึ่งห้าอันดับแรกแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ บัดนี้ได้ลงสนามไปพร้อมโทสะ จะต้องสำแดงการต่อสู้อันยอดเยี่ยมแน่!
เพียงแต่ที่ต่างไปจากเมื่อครู่ คือในฝูงชนมีคนจำนวนไม่น้อยที่ออกจะกังวลใจ หากหลันอวี่ก็พ่ายแพ้เหมือนกัน เช่นนั้นจะต้องทำอย่างไรดี
พวกสืออวี่ หนิงเหมิงเห็นดังนี้ก็หัวเราะหึๆๆ ขึ้นมาอีกครั้ง แววตานั้นราวกับมองดูหมูตัวหนึ่งออกจากคอก อีกประเดี๋ยวก็จะถูกเชือดทิ้ง
บนลานแสดงยุทธ์ การต่อสู้ปะทุเดือด
ครั้งนี้หลินสวินไม่คิดจะปิดบังอีกแล้ว และก็คงจะซ่อนไว้ไม่อยู่
ตูม!
หลินสวินเหยียดหลังตรง เส้นผมดำพลิ้วน้อยๆ เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ประหนึ่งเดินเหินท่ามกลางหมอกเมฆ รอบกายห้อมล้อมด้วยแสงสีฟ้าอ่อน
ท่ามกลางความงุนงง ฝูงชนรู้สึกเพียงว่าหลินสวินเปลี่ยนไป มีกลิ่นอายว่างเปล่าแผ่วเบายากจับต้อง นัยน์ตาดำขลับของเขาลึกล้ำสงบนิ่ง รูปลักษณ์งดงาม ดุจดั่งน้ำพุบริสุทธิ์สายหนึ่งกลางเขาลึก ทั้งเหมือนสายลมโชยท่ามกลางแดนพิสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อนแม้แต่นิด
แม้แต่การโจมตีของเขา ยังธรรมดาเรียบง่าย เป็นไปอย่างธรรมชาติ เบาหวิวดั่งภาพลวงตา ทว่ากลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ หลอมรวมกับฟ้าดิน กลมกลืนกับจักรวาล
เต็มสมบูรณ์ดุจจันทรา ผสานรวมกับธรรมชาติ เปี่ยมล้นคล้ายว่างเปล่า หวนคืนสู่สัจธรรม!
“นี่จึงจะเป็นฝีมือที่แท้จริงของเขารึ”
มีคนพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครือ
ศิษย์สาขายุทธ์วิถีจำนวนมากในลานต่างออกสั่นขวัญแขวน หลินสวินในยามนี้มีท่วงท่าที่ไม่สามารถบรรยายได้อยู่รำไร ทำให้หัวใจผู้คนต่างเกิดความพรั่นพรึง
นั่นคืออานุภาพอันไร้รูปร่างอย่างหนึ่ง สมบูรณ์พร้อมและว่างเปล่า สั่นสะเทือนจิตใจ
อาจารย์บางส่วนที่ชมการต่อสู่อยู่ห่างๆ ยามนี้ต่างไหวหวั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ ด้วยพลังปราณของพวกเขาทิ้งห่างนัก ย่อมมองออกว่าในระดับมหาสมุทรวิญญาณ หลินสวินมาถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว ดุจดั่งราชาที่สามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งร่วมรุ่นได้มากมาย!
“เขาฝึกปราณแบบไหนกันแน่นะ”
พวกสืออวี่ หนิงเหมิงต่างผุดแววเคร่งขรึมออกมา ประหลาดใจกับท่วงท่าอันน่าตะลึงที่หลินสวินสำแดงออกมา
แม้แต่ศิษย์สาขายุทธ์วิถีซึ่งก่อนหน้านี้จับจ้องอาฆาตดูหมิ่นหลินสวิน ยังอดยอมรับไม่ได้ ยามหลินสวินสำแดงพลังแท้จริงของตนออกมา ช่างเหนือล้ำเกินไปแล้ว!
เพียงชั่วครู่
หลันอวี่เป็นฝ่ายเอ่ยปากยอมรับความพ่ายแพ้โดยไร้ซึ่งท่าทีกราดเกรี้ยว กลับมีแววขมขื่นและมึนงงอยู่ในที
ยามประมือกันอย่างแท้จริง ในที่สุดเขาก็เข้าใจความแข็งแกร่งของหลินสวิน ไม่ว่าเขาจะสำแดงฝีมือและวิชาลับสารพัด ล้วนถูกอีกฝ่ายทลายลงอย่างง่ายดาย กำราบเสียจนปราศจากเรี่ยวแรงขัดขืนแม้แต่น้อย
เขารู้ หาใช่ว่าตนไม่แข็งแกร่ง แต่เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเกินไป หยัดยืนอยู่เหนือผู้คนมานานแล้ว เว้นแต่จะครอบครองทักษะระดับเดียวกับเขา มิเช่นนั้นไม่ว่าเป็นใครต่างก็ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้แน่นอน!
ดังนั้นหลันอวี่จึงยอมจำนนอย่างซื่อตรง
หลินสวินก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจ ตรงกันข้าม เนื่องจากหลันอวี่เป็นฝ่ายยอมจำนนเอง ทำให้หลินสวินมองเขาดีขึ้นอีกหน่อย
หลันอวี่ยอมแพ้แล้ว!
เห็นดังนี้ทั่วบริเวณต่างเงียบสนิทไร้เสียงนกกา สายตาที่มองไปทางหลินสวินก็เปลี่ยนไป จากการดูหมิ่น โมโห เจ็บแค้นในตอนแรก เปลี่ยนเป็นขลาดกลัว ตื่นตระหนกและพรั่นพรึง
ใครก็คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง เหตุใดจึงได้ฝึกปราณจนครอบครองความสามารถอันน่ากลัวเยี่ยงนี้ได้
ตอนนี้ใครๆ ต่างก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา ว่าสืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้นและจินจู๋หลิวสามคนนี้ ต่างพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี!
คนอย่างหลินสวิน ต่อให้อยู่ในสาขายุทธ์วิถีก็ยากจะหาคนมาแข่งขันและต่อกรได้
“เด็กคนนี้น่าทึ่งจริงๆ ขับเคลื่อนทะลวงปราณ สมบูรณ์ไร้มลทิน ก้าวสู่ขั้นสุดยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในทุกการเคลื่อนไหวมีสัญญาณของการบรรลุมหามรรคอยู่รางๆ มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว”
ไกลออกไปชายหนุ่มในชุดคลุมหยกถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้หล่อเหลานัก แต่มีกลิ่นอายห้าวหาญสะกดผู้คน นัยน์ตาดุจดารา คิ้วกระบี่พาดเฉียง ยืนสองมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่ง
เขามีนามว่าจ้าวจิ่งเหวิน สืบเชื้อสายราชวงศ์ สายเลือดสูงส่ง ปู่ของเขายังเป็นน้องชายร่วมอุทรของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน!
และในสาขายุทธ์วิถี ตัวตนของจ้าวจิ่งเหวินก็ประหนึ่งดวงอาทิตย์ร้อนแรง มีพรสวรรค์ชั้นยอดเหนือปวงชน โดดเด่นสะท้านใต้หล้า เป็นอันดับหนึ่งของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ!
“อีกเดี๋ยวข้าจะไปเจอเขาหน่อย”
ด้านข้างบุรุษแก้มตอบหน้าผากกว้าง รูปลักษณ์น่าประทับใจเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาของเขาไหววูบคมกริบ ประหนึ่งกระบี่หยกไร้เทียมทาน เหยียดหยันสั่นขวัญผู้คน
เขาก็คือจั่วอวี้จิง ทายาทของตระกูลทรงอิทธิพลระดับสูงตระกูลจั่ว เป็นผู้กล้ามากความสามารถ อยู่อันดับสามแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ
“ช่างเถอะ ครั้งนี้โอกาสจะสยบเขามีไม่มากแล้ว ไม่บังควรประมือกับเขาอีก อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็ต่อสู้ติดกันสี่รอบ ต่อให้ชนะก็ไม่น่าภาคภูมิ”
จ้าวจิ่งเหวินถอนใจเบาๆ
“จะปล่อยไปแบบนี้หรือ”
จั่วอวี้จิงมุ่นคิ้ว
“ไม่ต้องรีบร้อน ที่คราวนี้สู้กับเขาก็แค่อยากลองดูว่าเขาจะมีฝีมือสักเท่าไร ตอนนี้ดูแล้ว สมคำร่ำลือจริงๆ”
สายตาจ้าวจิ่งเหวินล้ำลึก คล้ายกำลังขบคิด “สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ไม่สามารถฆ่าเขาได้ จะต้องเจอกับการต่อต้านมากมาย แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจกระทำการผลีผลาม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้หลีกทางก่อนชั่วคราว อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
จั่วอวี้จิงคล้ายจะไม่เต็มใจเท่าไร “ก็แค่เศษเดนของตระกูลย่อยยับคนหนึ่งเท่านั้น ฆ่าแล้วก็ฆ่าไปสิ ไยต้องกังวลมากมายขนาดนี้ด้วย”
“เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าเขาฆ่าง่ายขนาดนั้นละก็ ตอนนั้นหลังจากที่เขาบังคับให้ท่านพี่หลิงเทียนโหวของข้าคุกเข่าลง ก็คงถูกกำจัดไปตั้งนานแล้ว ไปเถอะ ต่อไปยังมีโอกาส ก็ให้เด็กนี่ได้โลดเต้นไปอีกสักพักก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์