หินเมฆสีเลือด แสงโลหิตประดุจม่าน หยาดเยิ้มน่าหลงใหล ลอยเอื่อยอยู่กลางอากาศ กลืนพ่นแสงสีแดงสดสายแล้วสายเล่า
เหล็กแท่นมังกรม่วงแดง พิสุทธิ์แวววาว แสงสีม่วงห้อมล้อม ภายในราวกับมีมังกรเกล็ดตัวหนึ่งปรากฏอยู่รำไร ศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม
เขาวัวขุย ความยาวครึ่งฉื่อ สีเขียวจางตลอดชิ้น เรียบง่ายไม่หวือหวา ทว่ากลับมีเสียงคำรามที่คล้ายมีแต่ไม่มีกระจายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเป็นระลอกๆ
…วัตุดิบวิญญาณที่หาได้ยากปรากฏขึ้นทีละชิ้น มีมากหลายสิบชนิด ของพวกนี้ล้วนเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมชุดศึกวิญญาณทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบวิญญาณเสริมอีกหลายพันชนิด แต่ละชิ้นแต่ละอย่างล้วนมีสีสันแพรวพราว ฉูดฉาดบาดตา บางชิ้นจำเป็นต่อการหลอมหมึกวิญญาณ บางชิ้นก็จำเป็นต่อการวางกระบวนสลัก มีมากมายหลากหลาย
สีหน้าหลินสวินสงบนิ่งราบเรียบ ตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า จัดเรียงและแบ่งวัตถุดิบวิญญาณออกเป็นประเภทต่างๆ
ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณมีเตาหลอมสามขาตัวหนึ่ง สามขาสองหู ปากทรงกลมมน บนนั้นประทับกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ยาวนานเย็นเยือก
เตาหลอมสามขามีนามว่า ‘เขียวคล้ำ’ เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งในสาขาสลักวิญญาณ ใช้ในการหลอมวัตถุดิบวิญญาณโดยเฉพาะ ภายในมีลวดลายแห่งมรรคแน่นขนัดกระจายอยู่ มีประโยชน์มหัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อ
กระทั่งจัดเรียงวัตถุดิบวิญญาณทั้งหมดเสร็จสรรพ สายตาของหลินสวินก็มองไปที่เตาหลอมสามขาเขียวคล้ำ ชั่วขณะนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าสงบนิ่งถึงที่สุด ไม่แปดเปื้อน ไร้ซึ่งความคิดสับสน ดุจดั่งจันทร์เพ็ญลอยเด่นเหนือมหาสมุทรมรกต สงบนิ่งไร้คลื่นลม
เนิ่นนานก่อนหน้านี้หลินสวินได้เริ่มเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้ และในวันนี้ที่ได้เริ่มลงมือหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นแรกของตัวเอง หลินสวินกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นสักนิด
ไร้กังวล ไร้วิตก ไร้สุข ไร้เศร้า
ข่าวลือปั่นป่วนของโลกภายนอก ความเกลียดชังและความคิดว้าวุ่นที่เก็บกดอยู่ลึกๆ ภายในใจ ในเวลาล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“เริ่มกันเลย”
หลินสวินสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า เริ่มดำเนินการหลอมอาวุธ
ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด ล้วนถูกฉายซ้ำนับครั้งไม่ถ้วนในใจเขา ขณะที่เริ่มลงมือ เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไปและสงบนิ่ง
วู้ม~
เตาหลอมสามขาเปล่งประกาย ส่งเสียงครวญดังก้องอยู่ที่ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณอันเปล่าเปลี่ยว
หลินสวินตั้งหน้าตั้งหนาในสิ่งนี้เพียงลำพัง หลอมวัตถุดิบวิญญาณ กลั่นหมึกวิญญาณ ชะล้างรอยสลักวิญญาณ… จดจ่อ จริงจัง ลืมเลือนทุกสิ่งไปสิ้น
……
โลกภายนอกลมพายุกำลังปั่นป่วน คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน
สำนักศึกษามฤคมรกตในช่วงสองวันมานี้กลายเป็นจุดสนใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน ขุมกำลังใหญ่แต่ละฝ่ายต่างทยอยหันมาให้ความสนใจ
ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยอายุสิบหกปี จะเริ่มหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ!
สำหรับคนทั่วไปเหตุการณ์นี้อาจดูห่างไกลเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริง รู้แต่ว่าการกระทำของหลินสวินในครั้งนี้ ความหวังที่จะประสบความสำเร็จนั้นแสนเลือนรางยิ่งนัก
ส่วนจะเลือนรางแค่ไหนใครก็ไม่อาจทราบ เนื่องจากสมบัติล้ำค่าไร้เทียมทานอย่างชุดศึกสลักวิญญาณนั้นหายากและมีน้อยเกินไป และก็เพราะไม่แน่ใจว่าการหลอมสมบัติชิ้นนี้ลำบากมากแค่ไหน ถึงได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันห่างไกลเกินไป ไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าหลินสวินจะทำสำเร็จ
แต่สำหรับบุคคลสำคัญบางส่วนที่เจนโลกมานาน กลับรู้ดีว่าชุดศึกสลักวิญญาณนั้นน่าตะลึงมากเพียงใด!
ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิดว่านี่คืออาวุธล้ำค่าชิ้นหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง หากสามารถไขว่คว้าชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งมาได้ เช่นนั้นก็เท่ากับครอบครองพลังที่ทำให้ศัตรูหวาดผวาได้แล้ว!
ส่วนตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่าง หากสามารถครอบครองชุดศึกสลักวิญญาณได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนระดับชั้นของตระกูล ขึ้นมาเทียบตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางได้เลยทีเดียว!
นี่ก็คือพลังและอิทธิพลของชุดศึกสลักวิญญาณ
เล่าลือกันว่าผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง หากในมือถือชุดศึกสลักวิญญาณอยู่ ก็สามารถก้าวข้ามระดับใหญ่ เทียบกับผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติได้!
ดังนั้นตอนที่รู้ว่าหลินสวินหมายจะหลอมสมบัติชิ้นนี้ จึงดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก และก่อให้เกิดความฮือฮาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางไม่ให้ผู้คนสนใจเรื่องนี้
ชุดศึกสลักวิญญาณเชียวนะ!
การเป็นเจ้าของสมบัติที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ชิ้นหนึ่ง ใครจะไม่หวั่นไหวบ้างเล่า
สำนักศึกษามฤคมรกตจึงกลายเป็นตาพายุไป
กิเลนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เก้าหัวลากเกี้ยวสมบัติคันหนึ่ง บดบังชั้นเมฆ ร่อนลงมาหยุดเบื้องหน้าประตูใหญ่สำนักศึกษามฤคมรกต
เกี้ยวสมบัติโอ่อ่างดงามเปล่งประกาย ชายวัยกลางคนในชุดม่วงเดินออกมาจากในนั้น สองมือไพล่หลัง สง่างามดั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจสั่นคลอน แววตาวาววับ ลำแสงอสนีพวยพุ่ง สั่นสะท้านทั่วสารทิศ
“เกี้ยวสมบัติกิเลนเพลิง ฉินเป่าจี้มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงแห่งตระกูลฉิน!”
ผู้ฝึกปราณที่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวในที่นี้ล้วนอดตกตะลึงไม่ได้ ฉินเป่าจี้ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง พลังอำนาจดั่งตะวันกลางนภา
ฉินเป่าจี้เข้าสู่สำนักศึกษามฤคมรกตโดยไม่ถูกขวางกั้นสักนิด
สวบ!
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พาดนภา เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งยืนอยู่บนเรือวิญญาณลำหนึ่ง ลอยล่องกลางอากาศ ดึงดูดความสนใจนับไม่ถ้วน
เรือนร่างของเขาเหยียดตรง อาภรณ์พลิ้วสะบัด รอบกายมีลำแสงสีรุ้งที่แปรมาจากสัจจะมหามรรคแสงแล้วแสงเล่า ดุจดั่งผสมผสานกับฟ้าดิน ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นดวงหน้าที่แท้จริงของเขาได้
“ไป๋จั้นโหวแห่งตระกูลจั่ว!”
ผู้ฝึกปราณอาวุโสบางคนตกใจ จำได้ถึงฐานะของเขา นั่นคือไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวง…ผู้มีอิทธิพลในระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่งจากตระกูลจั่ว ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง!
เขาคือบุคคลที่ทรงอำนาจแข็งแกร่ง รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เผด็จศึกสังหารบุคคลสำคัญของเผ่าคนเถื่อนจักรวรรดิมืดร้อยคนอย่างกระหายเลือด!
เกี่ยวกับวีรกรรมของเขา ไม่มีเรื่องใดเลยที่ไม่นองเลือด เป็นที่พรั่นพรึงทั่วสารทิศ และได้รับบรรดาศักดิ์พระราชทานจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเป็นพิเศษว่า ‘ไป๋จั้นโหว’ (โหวร้อยศึก)
ไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวงก็มาด้วยเช่นกัน นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างตื่นตะลึง
สำนักศึกษามฤคมรกตในวันนี้ไม่อาจสงบสุขได้แน่ มีบุคคลสำคัญมาเยือนคนแล้วคนเล่า เสมือนนัดหมายกันไว้อย่างดี แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่ามีอิทธิพลยิ่งใหญ่ อำนาจล้นฟ้าทั้งนั้น!
“อันนี้เจ้าต้องไปถามหลินสวินเอาเอง”
เสิ่นทั่วเอ่ยตอบ หลายวันมานี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกถามไปกี่หนแล้ว เขาไม่ได้อยากอมพะนำ หากแต่ไม่กล้าแสดงอะไรเด่นชัดมากไปก็เท่านั้น
“ข้าเข้าใจ อย่างไรเสียการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณครั้งแรก ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะประสบความสำเร็จ”
อวี้เป่ยโต้วพยักหน้า
เขา เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างเคยเป็นประจักษ์พยานระหว่างกระบวนการรับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณของหลินสวิน และยังเคยเห็นปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ อันยิ่งใหญ่นั้นมาแล้ว จึงรู้ชัดกว่าคนอื่นว่าความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของหลินสวินน่าทึ่งถึงเพียงไหน
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินว่าหลินสวินจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณก็ยังตกใจสะดุ้งโหยง ดังนั้นจึงรีบรุดมา เพื่อจะดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นอย่างไรกันแน่
“สถานการณ์ออกจะไม่ชอบมาพากลนะ เหตุใดถึงมีคนมามากมายขนาดนี้”
อีกด้านหนึ่ง เฉิงจิ่งขมวดคิ้วพลางเอ่ยปาก “คงไม่ใช่มาดูเรื่องตลกของหลินสวินกันหมดนี่กระมัง”
ในใจเสิ่นทั่วสั่นสะท้าน เอ่ยปากพูดอย่างคลุมเครือ “นี่ก็คงพูดยากแล้ว”
ในความเป็นจริงเขามองร่องรอยบางอย่างออกตั้งแต่แรกแล้ว เหตุที่วันนี้มีคนใหญ่คนโตมารวมตัวกันมากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่มาชมหลินสวินหลอมอาวุธอย่างแน่นอน!
เวลานี้บุคคลสำคัญในลานมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ละคนล้วนมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่ คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์อยู่ท่ามกลางพวกเขา
เนื่องจากที่นี่เป็นถึงสำนักศึกษามฤคมรกต ไม่ใช่ว่าใครอยากมาก็มาได้ตามอำเภอใจ
วู้ม!
ฉับพลัน ที่ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณเกิดคลื่นมโหฬารระลอกหนึ่ง ดุจดั่งระฆังกังสดาล แผ่กระจายกว้างออกไป สะท้อนระหว่างฟ้าดิน
บัดนั้นสายตาทุกคู่กลางลานต่างถูกดึงดูดให้หันไปมอง
“เตาหลอมสามขาเขียวคล้ำถูกขับเคลื่อนแล้ว ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะเริ่มลงมือแล้วสินะ”
ตรงที่นั่งมีคนเอ่ยเสียงเบา
คนผู้นี้ใบหน้าซูบตอบ ดวงตาดุจอสนี ผมยาวเทาเหลือบขาวถูกหวีอย่างพิถีพิถัน เขาคือฉู่ซานเหอรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณนั่นเอง!
ตอนนั้นเพื่อออกหน้าช่วยเหลือฉู่ไห่ตงและโจมตีแก้แค้นหลินสวิน ฉู่ซานเหอเคยวางกับดักหมายจะทำให้หลินสวินไร้ที่ยืนในสาขาสลักวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดหลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันได้สำเร็จอย่างราบรื่น และทำให้ฉู่ซานเหออับอายหาใดเปรียบ สุดท้ายยังเล่นงานเขาจนหน้าซีดเซียว ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงจำต้องหลบเร้นออกจากสาขาสลักวิญญาณก่อนเป็นการชั่วคราว
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาก็มาด้วย
“หากครั้งนี้เขาทำสำเร็จ ก็ถือว่าทำความชอบชดใช้ความผิด จะไม่เอาเรื่องที่เขาดูหมิ่นและลบหลู่ความสูงศักดิ์ของราชวงศ์อีก ถ้าหากล้มเหลว เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
ด้านข้างฉู่ซานเหอ ชายชรารูปลักษณ์งามสง่าผู้หนึ่งเปล่งเสียงเฉยชา กลางนัยน์ตาผุดแววเย็นชา
ชายชรานามว่าจ้าวจั้นเย่ เป็นรองหัวหน้าสาขายุทธ์วิถี มีฐานะเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งของราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าเขามาในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อสังเกตการณ์หลินสวินหลอมอาวุธเพียงอย่างเดียว!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์