เห็นได้ชัดว่ารองหัวหน้าสาขายุทธ์วิถีคนนี้ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าหลินสวินจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้ ที่เขามาครั้งนี้เห็นชัดว่าเพื่ออาศัยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน
“ฮ่าๆ ที่พี่จ้าวพูดเป็นความจริงอย่างยิ่ง ถึงจะบอกว่าเจ้าเด็กหลินสวินคนนี้มีพรสวรรค์เหนือปวงชน แต่ไม่เห็นกฎระเบียบในสายตา กระทำเรื่องไร้ยางอาย ความประพฤติเหลือทน พฤติกรรมด่างพร้อย ผู้มีความสามารถพรรค์นี้ ต่อให้โดดเด่นสักเพียงใดก็เป็นหายนะอย่างหนึ่งโดยแท้”
ฉู่ซานเหอหัวเราะเบาๆ เขาในฐานะรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ แต่กลับปฏิเสธหลินสวินในทุกแง่ มีเจตนาที่ชัดเจนยิ่งยวด
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างตระหนักได้อย่างเฉียบแหลมว่าการหลอมอาวุธของหลินสวินในครั้งนี้ เกรงว่าอาจจะกลายเป็นหายนะที่พุ่งเป้าไปที่หลินสวินฉากนั้นเท่านั้น!
เว้นเสียแต่เขาจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้จริงๆ มิเช่นนั้นสถานการณ์คงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง!
“พูดได้ถูกต้อง สำนักศึกษามฤคมรกตไม่ใช่สถานที่อำพรางความชั่ว คนรุ่นหลังที่เลือกเดินทางผิดอย่างหลินสวินนั้น หากไม่ถูกลงโทษและอบรมก็จะกลายเป็นหายนะอย่างหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว”
ฉินเป่าจี้มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นปลายยอดที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยปากเช่นกัน นัยน์ตาทอแววเย็นเยียบดุจคมดาบ ทรงพลังยิ่งใหญ่
“หากเด็กคนนี้กล้าเล่นเล่ห์เพทุบาย หลอกลวงพวกข้า ต้องถูกตัดหัวไม่มีข้อยกเว้น!”
ทันใดนั้นเสียงโครมครืนประหนึ่งอสนีฟาดก็ดังสนั่น ทำให้ทั่วทั้งลานเปลี่ยนท่าที นั่นคือไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวง รอบกายมีกลิ่นอายมหามรรครายล้อม นั่งอยู่ตรงนั้นประดุจราชันที่เหยียบย่างลงบนเขาศพทะเลเลือด
ชั่วขณะหนึ่งทั่วทั้งลานพลันเงียบสงัด ไร้เสียงนกเสียงกา
นับตั้งแต่บุคคลสำคัญอย่างจ้าวจั้นเย่เอ่ยวาจา ตามด้วยฉู่ซานเหอ ฉินเป่าจี้ จั่วฝูกวง ทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างมองออกว่าพวกเขามาเพื่อพุ่งเป้าไปที่หลินสวิน โดยไม่เคยปกปิดสักนิด เปี่ยมอำนาจแกร่งกล้าอย่างเห็นได้ชัด!
สีหน้าของเสิ่นทั่วดูอึมครึมไหววูบเป็นที่เรียบร้อย นี่หลินสวินเพิ่งจะเริ่มหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ เหล่าบุคคลสำคัญพวกนี้ก็ทยอยกันเปล่งวาจาต่อต้านและข่มขู่กันเสียแล้ว ทำให้เขารู้สึกหนาวจับใจ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“หลินสวินมีโทษผิดสถานใด ถึงขั้นทำให้พวกท่านไม่สนใจฐานะ พากันเอ่ยว่าจะสั่งสอนเขาไม่หยุดหย่อน”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนทั่วลาน ในบรรยากาศแบบนี้ยังมีคนกล้าเอ่ยวาจาโต้แย้งเหล่าบุคคลสำคัญอยู่เชียวหรือ
ทว่ากลับเห็นเด็กหนุ่มผ่าเผยคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามา ท่าทางองอาจ มีกลิ่นอายทระนงดุจดูแคลนใต้หล้าอย่างหนึ่ง
“หนิงเหมิง หลานชายราชันเลือดเหล็ก!”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยจำฐานะของเด็กหนุ่มได้ในทันที และมีท่าทีผิดแผกไปอย่างอดไม่ได้
“เจ้าหนูน้อย ที่นี่คือสถานที่แบบใด ใช่ที่ที่เจ้าจะมาสอดปากหรือ”
ฉินเป่าจี้มหายุทธ์ตระกูลฉินแค่นเสียงเย็น แสงนัยน์ตาเจิดจ้า ฉีกทึ้งห้วงอากาศดั่งดาบคม ทำให้ผู้คนหวั่นใจ
“น่าขัน นี่คือสำนักศึกษามฤคมรกตของข้า คนแก่อย่างท่านมาเองโดยไม่ได้รับเชิญ ยังกล้าออกปากพูดสั่งสอนข้าอีกหรือ”
หนิงเหมิงตะโกนลั่น ทำให้ฝูงชนใจสะท้าน เจ้าเด็กนี่ก็แข็งกร้าวเหลือเกิน คิดจริงๆ หรือว่าอาศัยเพียงอำนาจของราชันเลือดเหล็กแล้วจะกล้าไม่เห็นตระกูลฉินอยู่ในสายตาได้
ยามนี้สีหน้าฉินเป่าจี้พลันเคร่งขรึม ไม่รอให้เขาปริปาก ไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวงที่อยู่ด้านข้างก็โบกมือ กล่าวเนิบนาบ “พี่ฉิน อย่าได้ทำตัวเหมือนอยู่ระดับเดียวกับคนหนุ่มสาวเลย”
กล่าวพลางเหลือบมองไปทางหนิงเหมิง “เจ้าหนู เหตุใดถึงไม่เข้าใจกฎเกณฑ์สักนิด ผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลเจ้าอบรมเจ้าเช่นนี้หรือ รีบถอยออกไปเสีย อย่าได้ทำร้ายตัวเอง!”
หนิงเหมิงเดือดดาล “นี่ท่านกำลังด่าว่าข้าไม่ได้รับการสั่งสอนหรือ”
จั่วฝูกวงมุ่นคิ้ว กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าหนู ต่อให้บิดาเจ้าอยู่ที่นี่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ คิดว่าพวกข้าไม่กล้าลงโทษเจ้าจริงๆ หรือ”
ฮูม~
พลังอำนาจบีบคั้นผู้คนแผ่ขยาย พุ่งมากดทับใส่หนิงเหมิงอย่างดุดัน หมายจะสยบเขา บีบให้เขาไม่กล้าพูดมากความอีก
หนิงเหมิงหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าแก่นี่ เจ้ากล้า!”
จั่วฝูกวงหัวเราะเสียงเย็น “ชนรุ่นหลังตัวน้อย อาละวาดเยี่ยงนี้ วันนี้ข้าจะอบรมสั่งสอนเจ้าให้ดีแทนผู้ใหญ่ตระกูลเจ้าเอง! ทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือกฎระเบียบ!”
ขณะที่เอ่ยคำ พลานุภาพดุจดั่งภูเขาก็กดทับลงมาอย่างรุนแรง
เขาคือไป๋จั้นโหวเชียวนะ เคยทำศึกนองเลือดที่ชายแดน สังหารบุคคลสำคัญต่างเผ่ามาเป็นร้อยคน พลังอำนาจคับปฐพี แค่คิดก็รู้ว่าอานุภาพของเขาน่ากลัวเพียงใด มิใช่คนที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณจะต้านทานไหวเลยสักนิด
“ฮ่าๆ อานุภาพยิ่งใหญ่นัก จั่วฝูกวง ไม่เจอกันหลายปี เจ้าถึงขั้นกล้ามาสั่งสอนหลานของข้าแทนข้าเชียวหรือ”
ทันใดนั้นเสียงคำรามปานอสนีฟาดก็ดังขึ้น สั่นสะเทือนจนผู้ฝึกปราณทั้งลานได้ยินเสียงวิ้งที่หู ตาลายเห็นเป็นดาวสีทอง สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน
เพียงแค่เสียงเดียวเท่านั้น กลับเหมือนค้อนหนัก ทำให้สภาพจิตใจของพวกเขาสั่นสะท้าน!
สวบ!
เงาร่างกำยำประหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏกายกลางลาน เขามีผมขาวรุงรังทั่วศีรษะ หนวดเคราดั่งทวน ในรอยแยกของเปลือกตานั้นสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดน่าสะพรึงของภูเขาศพทะเลเลือด ดาราล่มจันทร์สลาย
นี่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวหาใดเปรียบคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเขามาเยือน ฟ้าดินแถบนี้ล้วนเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าประหัตประหาร ห้วงอากาศกรีดร้อง ลมเมฆพลุ่งพล่าน
ทั้งลานต่างตกตะลึง ล้วนมีท่าทีไม่อยากเชื่อ
หนิงปู้กุยราชันเลือดเหล็ก!
ราชันที่ ‘มีชีวิตเพื่อการต่อสู้ แม้ตายก็ต้องหนุนบนภูเขาศพ ร่างเอนบนทะเลเลือด เทียบท้านภา หลับใหลไปกับปฐพี’!
ยอดฝีมือที่ตายด้วยเงื้อมมือเขา หากไม่ใช่หนึ่งพันก็ต้องแปดร้อย เป็นราชันที่ถือกำเนิดจากการเข่นฆ่าสังหาร อำนาจเหลือร้ายสะท้านโลก ชื่อเสียงเลืองลั่นจักรวรรดิ!
กระทั่งมีคำกล่าวว่า ต่อให้นำห้าพยัคฆ์ร้ายแห่งจักรวรรดิรวมเข้าด้วยกัน ก็ยากจะเทียบอานุภาพน่าเกรงขามสามส่วนของราชันเลือดเหล็ก!
เพียงแต่ผู้ใดก็ไม่คาดคิดว่า บุคคลผู้เป็นตำนานแห่งจักรวรรดิเช่นนี้จะถึงขั้นหวนสู่นครต้องห้ามในเวลานี้ และปรากฏตัวในสำนักศึกษมฤคมรกต!
“หนิงเลือดร้อน! เป็นเจ้าได้อย่างไรกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์