ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าพลบค่ำวานนี้ที่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสามตระกูลใหญ่แท้จริงแล้วมีคนตายไปกี่ศพ ทั้งเกิดการปะทะรุนแรงดุเดือดถึงขั้นไหน
แต่สิ่งที่สามารถแน่ใจได้คือ ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากฝีมือของเด็กหญิงคนหนึ่งนามซย่าจื้อ
ซย่าจื้อ!
ชื่อที่แสนเรียบง่ายและอบอุ่นชื่อหนึ่ง ทว่าภายในเวลาข้ามคืนกลับขจรขจายทั่วนครต้องห้าม แม้ไม่ทราบความเป็นมาของนาง แต่ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน
กล่าวได้ว่า นางคือคนเดียวที่กล้าเปิดฉากสังหารนองเลือดกับขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสามในช่วงกว่าพันปีมานี้
ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ คำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับนางในทุกข่าวลือ ล้วนเป็นภาพลักษณ์ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง!
เหตุใดนางจึงทำเช่นนี้?
ผู้คนมากมายต่างสันนิษฐานว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหลินสวินเป็นแน่ ถึงอย่างไรยามนี้ผู้ฝึกปราณทั่วนครต่างรู้ดีว่า ขุมอำนาจศัตรูที่ไม่ถูกกับหลินสวินประหนึ่งน้ำกับไฟ ก็เหลือเพียงตระกูลฉือ ตระกูลจั่ว ตระกูลฉินเท่านั้น
และซย่าจื้อไม่ไปหาขุมอำนาจอื่น แต่กลับมาหาสามตระกูลนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างนั้นแน่
โลกภายนอกต่างคนต่างพูด ตระกูลฉือ จั่ว ฉิน สามตระกูลกลับใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวที่สุดเพื่อปิดข่าว พวกเขาย่อมไม่ยอมทนให้เรื่องขายหน้าเช่นนี้ฉาวโฉ่ต่อไป
แต่เรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสัญญาณอย่างหนึ่ง บอกกล่าวผู้คนในใต้หล้าว่าบนโลกนี้ยังมีคนกล้าท้าทายตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอยู่!
ซย่าจื้อ!
นางเป็นใครกันแน่?
นางรู้จักกับหลินสวินหรือไม่?
นี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างสงสัย
มีเพียงขุมอำนาจใหญ่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่รู้ชัด ว่าเด็กหญิงคนนี้มีที่มาไม่ธรรมดา เพียงแต่พวกเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดนางต้องทำเช่นนี้
…
โลกภายนอกเต็มไปด้วยคลื่นลม ในสำนักศึกษามฤคมรกตกลับฟื้นคืนความสงบเงียบดังแต่ก่อนนานแล้ว ดุจดั่งแดนสุขาวดีที่ไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอก
สองวันให้หลัง
หลินสวินตื่นจากสมาธิ ประจวบเหมาะเป็นเวลารุ่งเช้าพอดี นอกหน้าต่างเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว แสงอรุณส่องผ่านช่องหน้าต่าง สาดแสงลงบนพื้นห้องให้สว่างและอบอุ่น
กลิ่นหอมสดชื่นของต้นไม้ใบหญ้าลอยล่องในอากาศ มีพลังวิญญาณดังเส้นไหมที่ถักทอ ทำให้หลินสวินมีชีวิตชีวา รู้สึกกะปรี้กะเปร่าไปทั้งตัว
หลินสวินเอนกายบนเตียงอย่างเกียจคร้าน นึกถึงเรื่องราวแต่ละฉากที่เกิดขึ้นก่อนตนจะหลับไป อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ “ชุดศึกสลักวิญญาณหลอมสำเร็จแล้ว แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังตกตะลึง การเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะสร้างความโกลาหลที่ใหญ่พอแล้วกระมัง…”
พิจารณาใคร่ครวญเงียบๆ อยู่ครู่ใหญ่ หลินสวินพลิกตัวลุกขึ้นก่อนจะยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย
เมื่อเปิดหน้าต่างออกก็เห็นแสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมา ต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม กระเรียนวิญญาณร่ายรำเวียนวนในท้องฟ้าโปร่ง กล่อมบรรเลงด้วยเสียงกระจ่างใส
ในจุดที่ห่างออกไป สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ตั้งตระหง่าน อาบไล้ด้วยแสงตะวันยามอรุณรุ่ง บางครามีศิษย์ชายหญิงสองสามคนเดินผ่านมา ทิ้งร่องรอยแห่งวัยเยาว์ไว้
ไม่นานนักเสิ่นทั่วก็มาเยี่ยมเยือน เห็นชัดว่าได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงรู้ว่าหลินสวินตื่นแล้ว
“ยินดีด้วยปรมาจารย์หลินสวิน เจ้ารู้ไหมว่าเวลานี้ในนครต้องห้ามบุคคลที่น่าจับตามองที่สุดเป็นใคร”
เพิ่งจะพบหน้ากัน เสิ่นทั่วก็ยิ้มแย้มเปิดบทสนทนาหยอกล้อ
“ดูท่าแล้วผู้อาวุโสคงอารมณ์ดีไม่เลว”
หลินสวินหัวเราะขึ้นบ้าง
กลับเห็นเสิ่นทั่วทอดถอนใจเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าอารมณ์ไม่ดีมาก”
พูดจบเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หยิบเอาเทียบเชิญหนาๆ ตั้งหนึ่งออกมา ต่างล้วนงดงามหาใดเปรียบ มีบางเทียบถึงกับทำจากหยกวิญญาณชั้นสูง แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา
“นี่ เจ้าดูสิ เวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็มีขุมอำนาจทั้งใหญ่เล็กหลายสิบแห่งส่งเทียบเชิญมา เจาะจงอยากจะเชิญเจ้า เทียบเชิญพวกนี้ข้าคัดเลือกออกมาให้แล้วด้วยนะ”
เสิ่นทั่วยัดเทียบเชิญกองนั้นใส่มือหลินสวิน “เจ้าจัดการเองแล้วกัน ราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงชั้นกลาง กรมทหาร ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ… สรุปคือ ขุมอำนาจพวกนี้ข้าล่วงเกินไม่ได้ทั้งนั้น ได้แต่ให้เจ้าไปตัดสินใจเอาเอง”
หลินสวินอึ้งงัน ใคร่ครวญเล็กน้อยก็เข้าใจขึ้นมา ก่อนจะโยนเทียบเชิญเหล่านั้นไว้ที่มุมห้องสั่วๆ เสิ่นทั่วที่เห็นดังนั้นก็เบิกตาโพลงทันที
หลินสวินพูดขึ้นง่ายๆ “ผู้อาวุโสอย่าได้มองข้าเช่นนั้น ก็แค่เทียบเชิญเท่านั้น ต่อให้ข้าไม่ไป พวกเขายังกล้ามองข้าเป็นศัตรูอีกหรือ”
เสิ่นทั่วกล่าวทอดถอนใจ “ก็จริง เจ้าในตอนนี้ไม่เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีใครกล้าล่วงเกินเจ้าง่ายๆ”
“จริงสิ เจ้าเคยได้ยินชื่อซย่าจื้อบ้างไหม” เสิ่นทั่วพลันเอ่ยปากถาม
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันที ในใจไหวสะท้านไม่หยุด กล่าวว่า “ใยผู้อาวุโสจึงกล่าวถึงเรื่องนี้”
สีหน้าเสิ่นทั่วดูแปลกออกไป เอ่ยว่า “ช่วงพลบค่ำเมื่อหลายวันก่อน เด็กหญิงลึกลับคนนี้ได้ทำเรื่องใหญ่เอาไว้…”
จากนั้นก็เล่าข่าวลือเรื่องเหตุการณ์นองเลือดที่ประตูหน้าเขาของตระกูลฉือ จั่ว ฉินออกมา
หลินสวินได้แต่ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น อารมณ์ไหวหวั่นโหมซัดอย่างเห็นได้น้อยครั้งนัก ยากจะสงบนิ่งลงได้
เขานึกถึงเรื่องมากมาย นึกถึงเหตุกาณ์ครั้งแรกยามพบเจอซย่าจื้อ นึกถึงวันเวลาที่อยู่ร่วมกันทุกเช้าค่ำกับเด็กหญิงตัวน้อย ณ หมู่บ้านเฟยอวิ๋น
และนึกถึงยามแยกจากกันที่เมืองตงหลิน คำพูดที่จริงจังและนิ่งสงบนั้นของแม่นางน้อย… ‘หลินสวิน ก่อนที่ข้าจะกลับมา เจ้าห้ามตายนะ’
ในใจหลินสวินสั่นสะท้านอย่างไม่อาจอธิบายได้ ในสมองปรากฏใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามสงบเงียบหาใครเปรียบของเด็กหญิงตัวน้อย นางพิเศษยิ่งเสมอ โดดเด่น เงียบสงบ ไม่คิดแก่งแย่งผู้ใด ราวกับอยู่กันคนละโลก
เพียงแต่หลินสวินคาดไม่ถึงว่า หลังแยกจากกันสองปีซย่าจื้อจะปรากฏตัวในรูปแบบนี้ นาง… เหตุใดจึงไม่อยากพบเจอตน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์