Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 519

สรุปบท ตอนที่ 519: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 519 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 519 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 519 ข่าวลือฟ้าเปลี่ยน
ตอนที่ 519 ข่าวลือฟ้าเปลี่ยน
โดย
ProjectZyphon
ในที่สุดจ้าวไท่ไหลก็มอบถุงเก็บของถุงหนึ่งกับแผนภาพผืนหนึ่งให้หลินสวิน

ในถุงเก็บของมีวัตถุดิบวิญญาณนานาชนิดที่จำเป็นในการหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกร รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันกว่าอย่าง ร้อยกว่าชิ้นในนั้นล้วนเรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบวิญญาณล้ำค่าหายากทั้งสิ้น

ส่วนแผนภาพนั้นเป็นแบบของกระถางสมบัติเก้ามังกร อายุของแผนภาพเห็นชัดว่ายาวนานมากแล้ว ล้วนเป็นรอยเหลืองเก่าคร่ำคร่า มีกลิ่นอายตกตะกอนผ่านกาลเวลา

ตามที่จ้าวไท่ไหลแนะนำ เมื่อแรกตั้งจักรวรรดิก็เคยมีกระถางสมบัติเก้ามังกรใบหนึ่ง น่าเสียดายที่ถูกทำลายไปตั้งแต่สงครามครั้งที่หนึ่งแล้ว

ตั้งแต่นั้นมาราชวงศ์แห่งจักรวรรดิวาดหวังมาตลอดว่าจะสามารถหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกรใบหนึ่งออกมาอีกครั้ง ที่น่าจนใจก็คือ ข้อกำหนดในการหลอมกระถางนี้คลุมเครือและยุ่งยากนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหลอมได้

หลินสวินกางแผนภาพออกกวาดสายตาอ่าน ไม่นานก็สะท้านในใจ ด้วยถูกแบบอัศจรรย์ในนั้นดึงดูด

ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงได้สติกลับมา พ่นลมหายใจยาวแล้วทอดถอนใจชื่นชมว่า “การออกแบบกระถางนี้ช่างอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา เรียกได้ว่าเป็นงานฝีมือล้ำเลิศจากสวรรค์ พบเห็นได้ยากยิ่ง ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาหลายสิ่ง เรียนรู้อะไรหลายอย่าง”

เขาพูดจบก็พลันมองดูจ้าวไท่ไหลกับจ้าวจิ่งเซวียน “ทั้งสองท่านไม่กังวลว่าแผนภาพนี้จะถูกข้าแพร่งพรายออกไปหรือ”

จ้าวไท่ไหลพลันหัวเราะ แสดงสีหน้าเหยียดหยันว่าเจ้าหนูนี่ช่างตื้นเขินไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียจริง

ขนาดจ้าวจิ่งเซวียนยังอดยิ้มละไมไม่ได้ อธิบายว่า “ต่อให้ภาพนี้ตกอยู่ในมือผู้อื่นก็เป็นเพียงเศษกระดาษไร้ประโยชน์ ข้อแรก หากไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักวิญญาณก็ย่อมไม่มีทักษะหลอมกระถางนี้ได้ ข้อสอง เพราะวัตถุดิบวิญญาณที่ใช้หลอมกระถางนี้หายากยิ่ง ต่อให้ใช้อำนาจของราชวงศ์สะสมมานานนับพันปี ก็เพิ่งรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นได้ครบอย่างยากลำบาก”

หลินสวินตะลึงไปแล้วลอบทอดถอนใจ ก็จริง กระถางสมบัติเก้ามังกรนี้เป็นถึงชุดศึกสลักวิญญาณที่เรียกได้ว่าโดดเด่นในใต้หล้าชิ้นหนึ่ง แค่มูลค่ามหาศาลของวัตถุดิบวิญญาณที่จำเป็น ก็ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่มีกำลังหลอมได้แล้ว!

ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้แผนภาพหายไป ผลกระทบก็ไม่ใหญ่โต

หลินสวินศึกษาแผนภาพอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมาอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าสนใจจะหลอมกระถางนี้มาก แต่เกรงว่าจะใช้เวลาไม่น้อย”

“ไม่เป็นไร ขอเพียงหลอมออกมาได้ ข้ารอได้” ดวงตาสุกใสของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายยินดี

“อืม ให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือนจะเป็นการดีที่สุด เพราะอีกไม่นานหลานข้าคนนี้ก็ต้องออกจากจักรวรรดิกลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณแล้ว” จ้าวไท่ไหลเอ่ยเสียงขรึม

“ไม่น่ามีปัญหา” หลินสวินนิ่งคิดแล้วจึงรับปาก

“สหายยุทธ์หลินสวิน เช่นนั้นก็ฝากด้วย” จ้าวจิ่งเซวียนพูดพลางกุมมือคารวะ

“เรียกข้าว่าหลินสวินก็ได้” หลินสวินยิ้มสดใส เขามีความรู้สึกที่ดีต่อจ้าวจิ่งเซวียนมาโดยตลอด แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง แต่จิตใจและลักษณะท่าทางสง่างามไม่แพ้บุรุษโดดเด่นผู้ใดเลย

จ้าวจิ่งเซวียนส่งเสียงอืม ดวงตาสุกสกาวจ้องมองหลินสวิน พลันหัวเราะร่าออกมาจนเห็นฟันงามสีขาวเปล่งประกายแล้วพูดว่า “แม้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเจ้ามองฐานะของข้าออก แต่เจ้าก็เรียกข้าว่าจ้าวเสวียนเถิด”

นางงดงามเพริดแพร้ว แม้จะปลอมตัวเป็นชาย แต่ตอนนี้ยามระบายยิ้มสดใสบนใบหน้า ริมฝีปากสีแดงสดเปล่งปลั่ง ฟันงามขาวสะอาด กลับมีกลิ่นอายความงามเป็นเอกลักษณ์ที่บดบังหญิงงามทั้งปวงได้

“เช่นนี้ดียิ่งแล้ว” หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน

จ้าวไท่ไหลทนดูต่อไปไม่ได้อยู่บ้าง รู้สึกว่าเวลานี้หลินสวินยิ้มน่าเกลียดยิ่ง เหมือนตั้งใจเข้าหาจ้าวจิ่งเซวียน ทำเอาเขาอยากตีคนจนทนไม่ไหว จึงกระแอมขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เอาล่ะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน พวกเราขอลาล่ะ”

พูดจบก็ดึงแขนเสื้อจ้าวจิ่งเซวียนให้รีบจากไป แม้แต่หน้าก็ไม่หันมามอง

“หลินสวิน เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีนะ” จ้าวจิ่งเซวียนโบกมืออำลา

หลินสวินยิ้มบางๆ และพยักหน้า สายตามองส่งพวกเขาจากไป ถึงได้พึมพำว่า “ที่แท้องค์หญิงคนนี้ก็งดงามปานนี้…”

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะแล้วส่ายหัว ฐานะของจ้าวจิ่งเซวียนสูงส่งเกินไป เหมือนสุริยันจันทราบนท้องนภา บิดาของนางเป็นถึงจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน มารดาเป็นจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ขนาดที่ร่ำเรียนของนางยังเป็นดินแดนพิสุทธิ์ที่โดดเด่นเกินใต้หล้าแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

หากเขากล้าคิดอะไรเกินเลย น่ากลัวจะถูกราชวงศ์ตามสังหารอย่างเต็มกำลังทันทีแน่

……

ตั้งแต่วันนี้ไป ข้างกายหลินสวินก็มีซย่าจื้อเพิ่มขึ้นมา เหมือนกลับไปสมัยอยู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ในใจมีความรู้สึกสงบมั่นคงอย่างบอกไม่ถูก

อีกทั้งหลินสวินก็ปิดด่านอีกครั้งแล้ว ยังคงเลือกชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณดังเดิม เพียงแต่ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วตรงที่ซย่าจื้อก็อยู่ด้วย

เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความวุ่นวายของโลกภายนอกเหมือนห่างไกลออกไป ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อจิตใจของหลินสวินได้อีก

นี่อาจเรียกได้ว่า ยึดมั่นในปณิธานและจุดยืนของตน ไม่สนใจความผันผวนภายนอก

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

หลินสวินหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกรครั้งนี้ จิตใจสงบราบเรียบ เยือกเย็นสุขุม ยามยุ่งก็มานะจนลืมสิ้นเรื่องกินนอน ยามพักก็พูดคุยกับซย่าจื้อ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไร้กังวล

ส่วนซย่าจื้อวันๆ นอกจากกินก็นอน ยามเงียบสามารถไม่พูดคุยได้ทั้งวัน ดูน่ารักน่าชังนัก

พลังปราณในอดีตของนางถูกขจัดไป แต่หลินสวินกลับสังเกตได้ว่าพลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างคงที่แทบจะตลอดเวลา!

นี่ช่างน่าตกใจไปแล้ว

แต่พอคิดถึงว่าตั้งแต่ซย่าจื้อจากตนไปครั้งก่อนก็เพิ่งผ่านไปสามปี นางสามารถฝึกปราณจนบรรลุระดับกระบวนแปรจุติได้ ก็ไม่ดูประหลาดขนาดนั้นแล้ว

ตามที่ชายชราตำหนักรัตติกาลท่านนั้นพูด หลังจากเริ่มจุติครั้งแรกตามคัมภีร์จุตินพชาติแล้ว มรรควิถีและพลังปราณในอดีตจะแปรสภาพเป็นพลังแฝงมหาศาลทั้งหมด ทำให้ซย่าจื้อเปลี่ยนแปลงไปใหม่โดยสิ้นเชิง

เนื่องจากคลื่นลมนี้กระจายออกไป ทำให้ทุกคนในจักรวรรดิเกิดความไหวหวั่น สุดท้ายยังคงเป็นราชวงศ์ที่ออกหน้าสยบความวุ่นวายนี้ลงไป

แต่ลับหลัง การแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับยังดำเนินต่อ ไม่แน่ว่าบางทีเมื่อเวลาคับขันมาถึง อาจจะเกิดการปะทุออกอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้

หลินสวินย่อมไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ เขาอยู่บนชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก แต่กลับไม่เหี่ยวเฉา

ถึงกับพูดได้ว่าเขาชื่นชอบชีวิตเงียบสงบที่สบายใจไร้กังวล เพียงต้องจดจ่อกับการทำงาน ตั้งใจฝึกปราณเช่นนี้

สองเดือนผ่านไป

ที่ชั้นเก้าหอหลอมวิญญาณพลันมีเสียงโครมครามราวมังกรคำรามดังสะท้านไปทั่ว สร้างความตกใจให้ผู้คนไม่รู้เท่าไรในทันใด

เพียงแต่ไม่นาน ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ก็เงียบลงและหายไป ไม่ได้ดึงดูดความสนใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากนัก

ส่วนในชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณ เงามายามังกรฟ้าเก้าตัวชูคอพุ่งทะลวงห้วงอากาศ ส่งเสียงคำรามเป็นระลอก สั่นสะเทือนจนห้วงอากาศบังเกิดวงคลื่น และที่ศูนย์กลางของเงามายาเก้ามังกร มีกระถางใบหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ กระถางนี้มีสามขาสองหู พื้นผิวมีลวดลายลึกลับส่องประกายไหววูบ ดูยิ่งใหญ่ทรงพลัง

ในที่สุดเงามายาเก้ามังกรก็เร้นกายเข้าไปในกระถาง ปรากฏการณ์ประหลาดมากสีสันมลายไป แปรเปลี่ยนเป็นเรียบง่าย น่าเกรงขามและโอ่อ่า

เมื่อพินิจโดยละเอียด กระถางใบนั้นปากกลืนฟ้าดิน สองหูแบ่งหยินหยาง สามขาก่อกำเนิดสรรพสิ่ง มีพลานุภาพนั่งบัญชาการใต้หล้าทั่วทิศ อานุภาพค้ำยันฟ้าดิน สั่นสะเทือนจิตวิญญาณ!

สำเร็จแล้ว!

ดวงตาหลินสวินอดฉายแววลุ่มหลงไม่ได้ นี่ก็คือกระถางสมบัติเก้ามังกร ชุดศึกสลักวิญญาณในตำนานที่ปฐมจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเคยใช้

ต่อให้มันไม่เคยข้ามด่าเคราะห์มาก่อน แต่พลานุภาพที่แผ่ซ่านออกมาก็ยังคงหนักแน่นเกรียงไกรหาใดเทียบ มีท่วทำนองเทพดุจโอบรับห้วงนิรันดร์ ยิ่งใหญ่เหลือคณา

“หลินสวิน กระถางนี้มีท่วงทำนองแห่งจักรพรรดิวิถี หากใช้พลังแห่งจักรพรรดิควบคุม จะได้ครอบครองพลานุภาพที่ไม่อาจคาดคิดได้”

ซย่าจื้อก็ตกใจ ยืนจ้องกระถางสมบัติเก้ามังกรนั้น แล้วพูดด้วยเสียงสงบนิ่งล่องลอยว่า “แต่ว่ามันไม่เหมาะกับเจ้า เจ้าอย่าเอาแต่คิดถึงมันจะดีที่สุด หาไม่จะเป็นอุปสรรคต่อวิถีทางของเจ้าเอง”

หลินสวินอึ้งงัน อดประหลาดใจไม่ได้ เด็กน้อยซย่าจื้อคนนี้รู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือ

——

[1] ฟ้าเปลี่ยน สื่อถึงการเกิดความเปลี่ยนแปลง สามารถใช้อธิบายถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งยังมีความหมายถึงเปลี่ยนการปกครองได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์