ในถุงเก็บของมีวัตถุดิบวิญญาณนานาชนิดที่จำเป็นในการหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกร รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันกว่าอย่าง ร้อยกว่าชิ้นในนั้นล้วนเรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบวิญญาณล้ำค่าหายากทั้งสิ้น
ส่วนแผนภาพนั้นเป็นแบบของกระถางสมบัติเก้ามังกร อายุของแผนภาพเห็นชัดว่ายาวนานมากแล้ว ล้วนเป็นรอยเหลืองเก่าคร่ำคร่า มีกลิ่นอายตกตะกอนผ่านกาลเวลา
ตามที่จ้าวไท่ไหลแนะนำ เมื่อแรกตั้งจักรวรรดิก็เคยมีกระถางสมบัติเก้ามังกรใบหนึ่ง น่าเสียดายที่ถูกทำลายไปตั้งแต่สงครามครั้งที่หนึ่งแล้ว
ตั้งแต่นั้นมาราชวงศ์แห่งจักรวรรดิวาดหวังมาตลอดว่าจะสามารถหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกรใบหนึ่งออกมาอีกครั้ง ที่น่าจนใจก็คือ ข้อกำหนดในการหลอมกระถางนี้คลุมเครือและยุ่งยากนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหลอมได้
หลินสวินกางแผนภาพออกกวาดสายตาอ่าน ไม่นานก็สะท้านในใจ ด้วยถูกแบบอัศจรรย์ในนั้นดึงดูด
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงได้สติกลับมา พ่นลมหายใจยาวแล้วทอดถอนใจชื่นชมว่า “การออกแบบกระถางนี้ช่างอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา เรียกได้ว่าเป็นงานฝีมือล้ำเลิศจากสวรรค์ พบเห็นได้ยากยิ่ง ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาหลายสิ่ง เรียนรู้อะไรหลายอย่าง”
เขาพูดจบก็พลันมองดูจ้าวไท่ไหลกับจ้าวจิ่งเซวียน “ทั้งสองท่านไม่กังวลว่าแผนภาพนี้จะถูกข้าแพร่งพรายออกไปหรือ”
จ้าวไท่ไหลพลันหัวเราะ แสดงสีหน้าเหยียดหยันว่าเจ้าหนูนี่ช่างตื้นเขินไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียจริง
ขนาดจ้าวจิ่งเซวียนยังอดยิ้มละไมไม่ได้ อธิบายว่า “ต่อให้ภาพนี้ตกอยู่ในมือผู้อื่นก็เป็นเพียงเศษกระดาษไร้ประโยชน์ ข้อแรก หากไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักวิญญาณก็ย่อมไม่มีทักษะหลอมกระถางนี้ได้ ข้อสอง เพราะวัตถุดิบวิญญาณที่ใช้หลอมกระถางนี้หายากยิ่ง ต่อให้ใช้อำนาจของราชวงศ์สะสมมานานนับพันปี ก็เพิ่งรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นได้ครบอย่างยากลำบาก”
หลินสวินตะลึงไปแล้วลอบทอดถอนใจ ก็จริง กระถางสมบัติเก้ามังกรนี้เป็นถึงชุดศึกสลักวิญญาณที่เรียกได้ว่าโดดเด่นในใต้หล้าชิ้นหนึ่ง แค่มูลค่ามหาศาลของวัตถุดิบวิญญาณที่จำเป็น ก็ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่มีกำลังหลอมได้แล้ว!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้แผนภาพหายไป ผลกระทบก็ไม่ใหญ่โต
หลินสวินศึกษาแผนภาพอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมาอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าสนใจจะหลอมกระถางนี้มาก แต่เกรงว่าจะใช้เวลาไม่น้อย”
“ไม่เป็นไร ขอเพียงหลอมออกมาได้ ข้ารอได้” ดวงตาสุกใสของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายยินดี
“อืม ให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือนจะเป็นการดีที่สุด เพราะอีกไม่นานหลานข้าคนนี้ก็ต้องออกจากจักรวรรดิกลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณแล้ว” จ้าวไท่ไหลเอ่ยเสียงขรึม
“ไม่น่ามีปัญหา” หลินสวินนิ่งคิดแล้วจึงรับปาก
“สหายยุทธ์หลินสวิน เช่นนั้นก็ฝากด้วย” จ้าวจิ่งเซวียนพูดพลางกุมมือคารวะ
“เรียกข้าว่าหลินสวินก็ได้” หลินสวินยิ้มสดใส เขามีความรู้สึกที่ดีต่อจ้าวจิ่งเซวียนมาโดยตลอด แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง แต่จิตใจและลักษณะท่าทางสง่างามไม่แพ้บุรุษโดดเด่นผู้ใดเลย
จ้าวจิ่งเซวียนส่งเสียงอืม ดวงตาสุกสกาวจ้องมองหลินสวิน พลันหัวเราะร่าออกมาจนเห็นฟันงามสีขาวเปล่งประกายแล้วพูดว่า “แม้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเจ้ามองฐานะของข้าออก แต่เจ้าก็เรียกข้าว่าจ้าวเสวียนเถิด”
นางงดงามเพริดแพร้ว แม้จะปลอมตัวเป็นชาย แต่ตอนนี้ยามระบายยิ้มสดใสบนใบหน้า ริมฝีปากสีแดงสดเปล่งปลั่ง ฟันงามขาวสะอาด กลับมีกลิ่นอายความงามเป็นเอกลักษณ์ที่บดบังหญิงงามทั้งปวงได้
“เช่นนี้ดียิ่งแล้ว” หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน
จ้าวไท่ไหลทนดูต่อไปไม่ได้อยู่บ้าง รู้สึกว่าเวลานี้หลินสวินยิ้มน่าเกลียดยิ่ง เหมือนตั้งใจเข้าหาจ้าวจิ่งเซวียน ทำเอาเขาอยากตีคนจนทนไม่ไหว จึงกระแอมขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เอาล่ะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน พวกเราขอลาล่ะ”
พูดจบก็ดึงแขนเสื้อจ้าวจิ่งเซวียนให้รีบจากไป แม้แต่หน้าก็ไม่หันมามอง
“หลินสวิน เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีนะ” จ้าวจิ่งเซวียนโบกมืออำลา
หลินสวินยิ้มบางๆ และพยักหน้า สายตามองส่งพวกเขาจากไป ถึงได้พึมพำว่า “ที่แท้องค์หญิงคนนี้ก็งดงามปานนี้…”
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะแล้วส่ายหัว ฐานะของจ้าวจิ่งเซวียนสูงส่งเกินไป เหมือนสุริยันจันทราบนท้องนภา บิดาของนางเป็นถึงจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน มารดาเป็นจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ขนาดที่ร่ำเรียนของนางยังเป็นดินแดนพิสุทธิ์ที่โดดเด่นเกินใต้หล้าแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ
หากเขากล้าคิดอะไรเกินเลย น่ากลัวจะถูกราชวงศ์ตามสังหารอย่างเต็มกำลังทันทีแน่
……
ตั้งแต่วันนี้ไป ข้างกายหลินสวินก็มีซย่าจื้อเพิ่มขึ้นมา เหมือนกลับไปสมัยอยู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ในใจมีความรู้สึกสงบมั่นคงอย่างบอกไม่ถูก
อีกทั้งหลินสวินก็ปิดด่านอีกครั้งแล้ว ยังคงเลือกชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณดังเดิม เพียงแต่ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วตรงที่ซย่าจื้อก็อยู่ด้วย
เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความวุ่นวายของโลกภายนอกเหมือนห่างไกลออกไป ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อจิตใจของหลินสวินได้อีก
นี่อาจเรียกได้ว่า ยึดมั่นในปณิธานและจุดยืนของตน ไม่สนใจความผันผวนภายนอก
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
หลินสวินหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกรครั้งนี้ จิตใจสงบราบเรียบ เยือกเย็นสุขุม ยามยุ่งก็มานะจนลืมสิ้นเรื่องกินนอน ยามพักก็พูดคุยกับซย่าจื้อ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไร้กังวล
ส่วนซย่าจื้อวันๆ นอกจากกินก็นอน ยามเงียบสามารถไม่พูดคุยได้ทั้งวัน ดูน่ารักน่าชังนัก
พลังปราณในอดีตของนางถูกขจัดไป แต่หลินสวินกลับสังเกตได้ว่าพลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างคงที่แทบจะตลอดเวลา!
นี่ช่างน่าตกใจไปแล้ว
แต่พอคิดถึงว่าตั้งแต่ซย่าจื้อจากตนไปครั้งก่อนก็เพิ่งผ่านไปสามปี นางสามารถฝึกปราณจนบรรลุระดับกระบวนแปรจุติได้ ก็ไม่ดูประหลาดขนาดนั้นแล้ว
ตามที่ชายชราตำหนักรัตติกาลท่านนั้นพูด หลังจากเริ่มจุติครั้งแรกตามคัมภีร์จุตินพชาติแล้ว มรรควิถีและพลังปราณในอดีตจะแปรสภาพเป็นพลังแฝงมหาศาลทั้งหมด ทำให้ซย่าจื้อเปลี่ยนแปลงไปใหม่โดยสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์