สรุปตอน ตอนที่ 547 – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 547 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าตอนนี้ หลินสวินก็พบคางคกสามขาตัวหนึ่งเข้าแล้ว!
ครู่ต่อมาสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นแปลกไป เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ที่แท้ก็เป็นคางคกตัวหนึ่งที่ฝึกปราณจนบรรลุมรรคหรือ
คางคกตัวนี้ใหญ่เท่าอ่างสำริด ทั้งร่างมีสีทองเจิดจ้าราวทองคำ ส่องแสงมงคล ดวงตาดุจเหรียญทอง ขาสามขาหมอบอยู่กับพื้น ไม่เหมือนอสูรมาร แต่มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมทั้งร่าง ดูพิเศษยิ่งนัก
“อ๊บๆ!”
เวลานี้มันดูคับข้องใจยิ่ง กระพุ้งแก้มสองข้างเต้นตุบ ส่งเสียงเหมือนคางคกดังสะเทือนสะท้านราวอัสนีบาต
“ที่แท้เจ้าไม่ใช่วิญญาณอาฆาต แต่เป็น…คางคกตัวหนึ่งหรือ” หลินสวินถาม
คำพูดนี้เหมือนดาบที่ทิ่มแทงความศักดิ์ศรีของคางคกอย่างรุนแรง ทำให้มันกระโดดสูงขึ้นสามฉื่อในคราวเดียว แล้วคำรามอย่างเดือดดาลว่า “ข้าคือคางคกทอง! เป็นคางคกทองสามขาเลื่องชื่อในบรรพกาล ไม่เป็นสองรองใคร เกิดขึ้นเพื่ออำนวยโชคชะตาฟ้าดิน! สัตว์เทพเห็นข้าก็ต้องหมอบลง อริยะบรรพกาลพบข้าก็ต้องคารวะ! เจ้า…เจ้าหนูอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร!”
มันร้องอ๊บๆ ด้วยเสียงกังวาลราวสายฟ้า เผยความคับข้องและขุ่นเคือง
“คางคกทองสามขาหรือ”
หลินสวินพลันนึกขึ้นได้ ยุคบรรพกาลในตำนานมีสิ่งมีชีวิตพิเศษเช่นนี้จริง ศักดิ์สิทธิ์แต่กำเนิด รู้แยกแยะสรรพสิ่ง สามารถปัดเป่าภัยพิบัติ เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค ครอบครองพลังลึกลับที่ไม่อาจคาดคิด
ขณะเดียวกันคางคกทองสามขาก็เป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว ลือกันว่าปากกว้างจนกลืนกินสุริยันจันทราได้ ในท้องสามารถบรรจุฟ้าดิน พลังต่อสู้ก็เย้ยฟ้าถึงที่สุด
เพียงแต่นี่ก็เป็นเพียงคำร่ำลือ หลินสวินไม่เชื่อนักว่าเจ้าตัวหน้าไหว้หลังหลอก ไร้ยางอาย ชอบลอบกัดและคุยโวตรงหน้านี้ จะมีที่มาที่ไปน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก
“เจ้ามนุษย์ เจ้าก็ได้เห็นร่างจริงของข้าแล้ว แม้ว่าตอนนี้ข้าจะสลัดความลำบากไม่พ้นตัว แต่อาศัยแสงมรรคทองนิลกาฬนี้ก็ยังไม่สามารถฆ่าข้าได้ สู้พวกเรามาแลกเปลี่ยนกัน ข้าจะชี้บอกโชคลาภวาสนาให้เจ้าครั้งหนึ่ง ส่วนเจ้าก็ปล่อยข้าไป ว่าอย่างไร”
คางคกทองสามขาใช้น้ำเสียงปรึกษาเอ่ยปาก เห็นได้ชัดว่ามันถูกแสงมรรคทองนิลกาฬฟาดฟันจนกลัวแล้ว ไม่กล้าข่มขู่อีก
คนอยู่ตกอยู่ในกำมือต้องก้มหัวให้ คางคกทองสามขาก็ทำได้เพียงปลอบใจตนเองเช่นนี้
หลินสวินถอนหายใจ “ดูท่า เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองสินะ”
ฮูม!
ยามเขาพูด แสงมรรคทองนิลกาฬก็โคจร ทำให้คางคกทองสามขาตกใจกลัวจนตัวสั่นงันงก ร้องว่า “เจ้าจะเอาอย่างไรแน่ถึงจะปล่อยข้าไป”
“ตอบคำถามข้ามาก่อน” หลินสวินพูดพลางยิ้มให้
“ว่ามา” คางคกทองสามขาเอ่ยอย่างไม่ลังเล
มันกลัวจริงๆ แล้ว ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกคับข้องอย่างหาใดเทียบ หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่น เมื่อเห็นฐานะของมันแต่ละคนเป็นต้องคารวะแทบจะเชิดชูมันเป็นสมบัติล้ำค่าหาใดเทียม เหมือนหลินสวินที่ไหน ไม่ว่าจะไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ไม่ยอมจำนน ใช้วิธีการโหดเหี้ยม ช่างเสียสติบ้างคลั่งเสียจริง!
“เจ้าชื่ออะไร”
“จินตู๋อี บนฟ้าและใต้หล้ามีเพียงผู้เดียว! ว่าอย่างไร สุดยอดหรือไม่ เฮ้ยเดี๋ยวก่อน อย่าลงมือ! มีอะไรพูดกันดีๆ…”
“เศษเสี้ยวเจตจำนงเหล่านั้นของข้าถูกเจ้ากินหมดแล้วใช่หรือไม่”
“เศษเสี้ยวเจตจำนงคืออะไร”
“ยังไม่พูดตามจริงอีกหรือ”
ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น คางคกทองสามขาถูกแสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งฟาดใส่อย่างน่าอดสู โอดครวญร้องระงม
“นี่ ที่ข้าพูดยังใช้ไม่ได้หรือ” เขาสีหน้าเศร้าสร้อยคอตก ปากก็พ่นลูกไฟเปล่งประกายเจิดจ้าที่มีท่วงทำนองมรรคไหลหลั่งสิบกว่าดวงออกมา
เป็นเศษเสี้ยวเจตจำนงจริงๆ!
หลินสวินพลันยินดี เดิมทีเขาเพียงถามลองเชิงดู ไม่คิดว่าสมบัติเหล่านี้จะยังอยู่จริง ไม่ได้ถูกหลอมไป
ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้น พูดพลางยิ้มเหี้ยมว่า “คางคกอย่างเจ้ามันเป็นตัวร้ายน่ารังเกียจ ไม่ฟาดเจ้าแรงๆ ก็คงไม่รู้จักให้ความร่วมมือ!”
คางคกทองสามขาใบหน้าเกร็งกระตุก เงียบเชียบไม่ส่งเสียง เห็นได้ชัดว่ากลัวอำนาจกดขี่ของหลินสวินเข้าแล้ว จำต้องก้มหัวให้
ต่อมาหลินสวินก็ถามคำถามอีก คางคกทองสามขาให้ความร่วมมืออย่างยิ่งดังคาด ไม่กล้าเล่นตุกติกอีกเลย
ที่แท้เขาก็ชื่อจินตู๋อีจริงๆ ตั้งแต่ได้สติก็เร่ร่อนใน ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ แห่งนี้มาโดยตลอด
สุสานสมุทรฝังมรรคที่ว่าก็คือน่านน้ำที่พวกหลินสวินอยู่ในขณะนี้ ลือกันว่าเป็นสถานที่ฝังมหามรรคบรรพกาลเอาไว้ ประหนึ่งสุสานที่ฝังกลบผู้แข็งแกร่งบรรพกาลไม่รู้เท่าไร
หลินสวินอดตกใจไม่ได้เมื่อรู้ความลับนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
สุสานสมุทรฝังมรรค!
หากข่าวลือนี้เป็นจริง ก็ทำให้ผู้ที่ได้ยินเข้าตกใจนัก
แม้สติรับรู้ของจินตู๋อีตื่นขึ้นแล้ว แต่กลับลืมไปหลายเรื่อง จำได้เพียงชื่อของตน นอกนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย
ร้อยปีมานี้เขาหาทางออกมาโดยตลอด ด้วยต้องการออกจากสุสานสมุทรฝังมรรคเพื่อตามหาความทรงจำในอดีตของตน
เพียงแต่ที่จนใจก็คือ เขายังหาทางออกไม่ได้ ก็ถูกคนอื่นจับขังไว้เสียแล้ว!
คนที่ขังเขาไว้ก็คือราชันกองทัพวิญญาณอาฆาตนั้น ถูกขนานนามอย่างเคารพให้เป็น ‘ราชาวิญญาณ’
ทว่าราชาวิญญาณไม่ได้มีพิษภัยต่อเขา เพียงแต่ขังเขาไว้ไม่ให้ออกมา
และเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือ ทั้งเรือนใหญ่เท่าฝ่ามือ สูงราวเก้าชุ่น สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคทั้งเรือน!
ไม่ต้องพูดถึงที่มาที่ไปของเจดีย์นี้ เพียงอาศัยวัตถุดิบเทพที่สร้างขึ้นมา หากแพร่งพรายออกไปไม่รู้ว่าจะดึงดูดสายตาคิดช่วงชิงและอิจฉามากมายแค่ไหน
เวลานี้เจดีย์สมบัติไร้อักษรในสายตาของหลินสวินก็ผิดแผกไปจากเดิม มีสีสันลึกลับยากบรรยายเพิ่มเข้ามา
รูปลักษณ์ของมันเก่าแก่ ตัวเจดีย์มีแปดมุม สีกระจกหยกใสเก่าแก่ เพียงแต่แสงที่ปกคลุมอยู่แสดงสีทองงดงาม ดูโอ่อ่าหรูหรา
เห็นได้ชัดว่าสีของเหล็กเทพศุภโชคนั้นประหนึ่งกระจกโบราณ อวลไปด้วยกลิ่นอายงดงามโอฬาร!
แม้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ตัวเจดีย์กลับแบ่งเป็นแปดส่วน แต่ละส่วนมีลักษณะต่างกันออกไป ปรากฏลักษณ์ประหลาดของสุริยันจันทราภูผาสายนที ฟ้าเสถียรดินขนาน เทพธรรมบาลแลหมู่ดาว สัตว์ตำนานบรรพกาลเป็นต้น
ราวกับเป็นร่องรอยของพิภพเทวาบรรพกาล แบ่งออกเป็นแปดส่วน ประทับอยู่บนตัวเรือนเจดีย์ มีกลิ่นอายเทพแข็งแกร่งที่โอบรับนิรันดร์กาล
ในระหว่างที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น หลินสวินราวกับเห็นทิวทัศน์โบราณนั้น…
ก่อนกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด ท้องนภาไพศาล พื้นดินไร้ขอบเขต มีเจดีย์สมบัติหลังหนึ่งตั้งตระหง่าน ค้ำยันใต้หล้า กำราบแปดทิศ แสงสมบัติส่องทั่วเก้าทวีป!
‘ดาบหักก็ว่าลึกลับมากแล้ว แต่ตอนนี้ที่มาที่ไปของเจดีย์สมบัติไร้อักษรก็คาดเดาไม่ได้เช่นนี้…ช่างพาให้คิดไม่ถึงจริงๆ…’
หลินสวินทอดถอนใจในใจ
สายตาเขามองไปยังตัวอักษร ‘ไร้’ ที่ไม่สมบูรณ์บนยอดเจดีย์นั้น ทุกขีดทุกเส้นดุจท่วงทำนองมรรคจากฟ้ามารวมตัวกัน แม้ไม่สมบูรณ์ แต่มีความรู้สึกกดดันน่าหวาดหวั่นอยู่ในที
เวลานี้ในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติก็ได้ยินเสียงฟุ่บคราหนึ่ง จินตู๋อีแปลงกายเป็นเด็กหนุ่มชุดเขียวอีกครั้ง หล่อเหลา เปี่ยมเสน่ห์ หยิ่งผยอง ดวงตาเจิดจ้าราวรุ้งทอง
“ที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว คราวนี้เจ้าก็ควรจะปล่อยข้าไปได้แล้วกระมัง”
จินตู๋อีสูดหายใจลึกถามออกไป
“ปล่อยหรือ ใครบอกว่าจะปล่อยเจ้าไปเล่า”
หลินสวินมีท่าทีแปลกใจ อันที่จริงหลังจากได้รู้ว่าเจ้านี่เป็นคางคกทองสามขาแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปเลย!
ล้อเล่นน่า!
คางคกทองสามขาเชียวนะ สัตว์ประหลาดบรรพกาลในตำนาน มีพลังลึกลับไม่อาจคาดเดา สามารถเรียกโชคเร้นเคราะห์ ขับไล่มารหลบภัยพิบัติ ทั้งยังรอบรู้สรรพสิ่ง สามารถจำแนกสมบัติล้ำค่าของเทพเทวา
เจ้าตัวปุ่มป่ำน่ารักน่าชังเช่นนี้ อื้ม ต้องเก็บไว้ข้างกายตัวเอง!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์