ระหว่างทางเขาเจออันตรายหลายครั้ง ถึงขั้นที่เกือบเผชิญหน้ากับแมงป่องพิษห้าสีที่จำศีลอยู่ในส่วนลึกของทะเลทราย
แมงป่องพิษมีความยาวหลายจั้ง ลำตัวของมันราวกับหลอมด้วยสำริด ตะขอที่ปลายหางเต็มเปล่งแสงหลากสี กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
โชคดีที่มันเหมือนหลับใหลอยู่ ทำให้หลินสวินหนีออกจากที่นั่นได้อย่างหวุดหวิด
หลินสวินยืนนิ่งทอดมองไปไกล เป็นสุดขอบทะเลทรายแล้ว ถัดออกไปตรงหน้าคือภูเขาสลับทับซ้อนต่อเนื่องกันไป แต่ละลูกพุ่งสูงเสียดฟ้า กว้างใหญ่ไพศาลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
จู่ๆ หลินสวินก็หรี่ตา มองเห็นเงาร่างมากมายพุ่งเข้ามาจากระยะไกล
“น้องชาย เจ้ากลับมาจากส่วนลึกของทะเลทรายหรือ เห็นหรือไม่ว่าที่นั่นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น”
คนวัยกลางคนผู้หนึ่งเข้ามาถาม
ไม่รอให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ หลินสวินน้าวธนูวิญญาณไร้แก่นสารแล้วยิงออกไปอย่างไม่ลังเล ได้ยินเพียงเสียงดังฉึก หน้าอกของชายกลางคนผู้นั้นทะลุเป็นรู เลือดสีสดไหลพรูออกมา
เขาเบิกตาโพลง เหมือนคิดไม่ถึงอยู่บ้าง ทั้งคล้ายกำลังเดือดดาลสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็นอนจมอยู่ในกองเลือด
“สารเลว! พวกข้าเพียงถามด้วยความหวังดี เจ้ากลับกล้าฆ่ากันหรือ”
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ปรากฏตัวพร้อมกับชายวัยกลางคนต่างตะลึง แต่ละคนพุ่งขึ้นหน้ามาพร้อมไอสังหารที่พลุ่งพล่าน
“อยากฆ่าข้าก็พูดมาตามตรง เหตุใดต้องปกปิด”
หลินสวินยิ้มเยาะ การเคลื่อนไหวในมือกลับไม่ชักช้า ธนูวิญญาณไร้แก่นสารสั่นเบาๆ พลันยิงฝนธนูอันเงียบเชียบออกมาแถบหนึ่ง เทกระหน่ำไปทุกทิศ
“เจ้ากล้า!”
“ลงมือพร้อมกัน!”
มีหรือที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นจะนั่งรอความตาย ต่างลงมืออย่างไม่ลังเล
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความน่ากลัวของธนูวิญญาณไร้แก่นสารต่ำไป เพียงพริบตาเท่านั้นก็ถูกหลินสวินสังหารไปสี่ห้าคน
นี่ทำให้พวกเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติในที่สุด ตื่นกลัวขึ้นมาอยู่บ้าง ต่างตะเบ็งเสียงข่มขู่หลินสวิน
“เด็กเมื่อวานซืน เจ้าเป็นใคร กล้าขัดแย้งกับเผ่าวิญญาณเหินของพวกเราหรือ”
“สารเลว! เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“รอให้บุตรเทพเผ่าข้ามาถึง เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
สวบ!
สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบราวกับไม่ได้ยิน ทว่าเขาก็ไม่ยอมถูกพัวพัน ฉวยช่องว่างใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง พุ่งตัวไปยังหมู่เขาลึกที่สลับซับซ้อนซึ่งอยู่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณเหินกราดเกรี้ยวไม่ยอมความ แต่กลับไม่กล้าตามไปสังหาร
นี่ทำให้หลินสวินอดยิ้มเยาะไม่ได้ เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ตอนที่ชายวัยกลางคนถาม ผู้ฝึกปราณเผ่าวิญญาณเหินคนอื่นๆ ต่างเข้ามาใกล้เงียบๆ เห็นได้ชัดว่าคิดจะล้อมเขาเอาไว้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ที่สำคัญที่สุดคือ หลินสวินรับรู้ได้ว่าบริเวณรอบๆ ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ซ่อนตัวอยู่ และต่างลอบจับตามองทางนี้
นี่ทำให้หลินสวินยิ่งรู้สึกระแวง เมื่อลงมือขึ้นมาจึงย่อมไม่มีความเกรงใจ
แม้ว่าในแดนลับอสูรมารอริยะจะอันตราย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าที่เข้ามาในดินแดนนี้ต่างหากที่อันตรายกว่า!
เพื่อช่วงชิงวาสนาและศุภโชค พวกเขาล้วนทำได้ทุกอย่าง
‘ต้องรีบยกระดับพลังปราณซะแล้ว…’
หลินสวินรู้สึกกังวลขึ้นมา ประสบการณ์ที่พบเจอก่อนหน้านี้ ทำให้เขาตระหนักได้ถึงอันตรายของสถานการณ์อย่างลึกซึ้ง และพลอยรู้สึกกดดันขึ้นมา
เห็นว่าหลินสวินจากไป ผู้แข็งแกร่งที่ลอบจับตามองทางนี้อยู่ต่างหัวใจกระตุกวูบ ไม่ได้ตามไปโจมตี ด้วยตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหลินสวิน รู้ว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ต้องเป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์อย่างแน่นอน ตัวคนเดียวแต่กลับกล้าสังหารเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณเหินอย่างไม่ปรานี!
ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็หายเข้าไปในภูเขาลึก
‘เหตุใดที่แห่งนี้จึงดึงดูดผู้แข็งแกร่งมามากมายเพียงนี้’
หลินสวินฉงนใจ ระหว่างทางเขาสัมผัสได้อย่างเฉียบไวว่า มีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งมากมายต่างกำลังเคลื่อนไปทางผืนทะเลทรายนั่น
จวบจนกระทั่งสองชั่วยามหลังจากนั้น หลินสวินซ่อนตัวอยู่ในที่มืด และรู้เรื่องทุกอย่างจากเสียงพูดคุยของผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งที่พลังปราณไม่สูงมาก
ที่แท้ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของเกาะอริยะปัญจธาตุ!
การเคลื่อนไหวครั้งนั้นดังสะเทือนฟ้าดิน แม้แต่บนฟากฟ้ายังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดน่าสะพรึงกลัว จึงดึงดูดความสนใจจากทั่วทุกสารทิศ คิดไปว่าตรงนั้นอาจจะปรากฏศุภโชคอันยิ่งใหญ่
หลังจากหลินสวินรู้เรื่องเหล่านี้ สีหน้าพลันแปลกประหลาดไป ที่นั่นมีศุภโชคจริงๆ เพียงแต่มันได้หายไปพร้อมกับการจมลงของเกาะอริยะปัญจธาตุตั้งนานแล้ว แม้ไปก็ไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรอย่างแน่นอน
‘หึๆ ทะเลทรายนั่นอันตรายยิ่ง มีพญาเผิงปีกทอง มีเอกพญางู และมีแมงป่องพิษห้าสีที่น่าพรั่นพรึงเกินคาดเดา หวังว่าพวกเจ้าจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้นะ…’
หลินสวินส่ายหน้า ไม่คิดมากไปกว่านี้
“ได้ข่าวหรือยัง เผ่าวัวมารทรงพลัง แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณและยอดฝีมือจากเผ่าอื่นๆ บางส่วนหมายตาสถานที่แห่งวาสนาเดียวกัน”
ตอนที่หลินสวินเตรียมจะจากไป ก็ถูกคำพูดของผู้ฝึกปราณคนนี้ดึงดูดทันที
“ได้ยินมาแล้ว สถานที่แห่งวาสนานั่นเหมือนจะเป็นแท่นมรรคของ ‘อสูรมารอริยะ’ ในตำนานท่านนั้น มีมรดกอันไร้เทียบเคียงซ่อนอยู่ เพียงแต่ยังไม่เคยมีใครค้นพบ”
“สถานที่ระดับนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปได้ เท่าที่ข้ารู้ ยอดฝีมือจากขุมกำลังบางส่วนมีไม่น้อยที่ยอมแพ้ไป ไม่ยอมเข้าร่วมด้วย”
แท่นมรรคของอสูรมารอริยะหรือ
หลินสวินตกใจ พลันนึกถึงแผนภาพลึกลับที่ผู้เฒ่าเกาหยางมอบให้พวกจ้าวจิ่งเซวียน หรือว่าแผนภาพลับนั่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแท่นมรรคของอสูรวิญญาณ?
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าทึ่งเกินไปแล้ว และจะต้องทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนบ้าคลั่งอย่างแน่นอน ถ้าเป็นโลกภายนอก เกรงว่าต่อให้เป็นเหล่าคนใหญ่คนโตก็ยังต้องลงมือด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์