“เจ้าเด็กเมื่อวานซืนเผ่ามนุษย์สมควรตาย สักวันข้าจะแก้แค้นล้างความอัปยศด้วยตัวเอง!”
อวี่เซียวเซิงกัดฟันกรอด นับตั้งแต่ฝึกปราณจนถึงป่านนี้ เขาไหนเลยจะเคยได้รับความสูญเสียใหญ่หลวงเช่นนี้มาก่อน ยามที่ถูกเกาทัณฑ์วิญญาณดอกนั้นของหลินสวินแทงทะลุร่าง เขาเกือบคิดว่าตัวเองจะมอดม้วยด้วยซ้ำ!
มานึกถึงตอนนี้ยังทำให้ในใจเขามีความหวาดผวาหลงเหลืออยู่ และยิ่งเคียดแค้นหลินสวินมากขึ้น
“หืม?”
ทันใดนั้นอวี่เซี่ยวเซิงสังเกตเห็นว่าบริเวณยอดเขาไกลออกไปมีเงาร่างมากมายก่ายกองปรากฏขึ้น เห็นชัดว่าไม่ใช่ขุมกำลังเดียวกัน แต่มาจากกลุ่มเผ่าที่ต่างกันไป
ไม่นานนักอวี่เซี่ยวเซิงก็ตระหนักว่าพวกนี้ล้วนเป็นขุมกำลังที่ไล่ล่าหลินสวิน สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุก มุมปากผุดรอยยิ้มเย็นชา
เขาไม่ได้กระโตกกระตาก แต่รุดหน้าตามไปอย่างเงียบๆ
‘เจ้าพวกนี้ช่างโง่เสียจริง หากให้พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ซ้ำยังเปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าหาที่เปรียบมิได้ ก็ไม่รู้จะคิดอย่างไร…’
ทันใดนั้นความขุ่นเคืองบิดเบี้ยวในใจอวี่เซียวเซิงพลันผุดขึ้น ‘เผ่าวาฬมังกรของข้าล้วนถูกเจ้าหนุ่มนั่นฆ่าจนเกือบราบเป็นหน้ากลอง ก็ควรให้สารเลวอย่างพวกเจ้าได้ลิ้มรสความทุกข์เสียบ้าง!’
“ไอ้โง่! ไปทางนั้น ข้าเพิ่งเห็นเจ้าเหลือเดนเผ่ามนุษย์คนนั้นโผล่มา”
ฉับพลันมีเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล เป็นบุตรเทพของเผ่ากวางหยกนั่นเอง เขากำลังชี้ทางให้กับผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้อวี่เซียวเซิงอดนิ่งงันไม่ได้ ก่อนจะเข้าใจขึ้นมาทันใด เจ้าหมอนี่หน้าเนื้อใจเสืออย่างเห็นได้ชัด เจตนาอาฆาตมาดร้าย ไม่เอ่ยเตือนว่าหลินสวินแข็งแกร่ขึ้นแล้ว ยังยืมมือผู้อื่น อาศัยคมดาบสังหารคน!
‘เจ้าหมอนี่โหดเหี้ยมกว่าข้าเสียอีก’ อวี่เซียวเซิงยิ้มเยาะ
เขาลอบแฝงตัวต่อไป ตามอยู่รั้งท้าย
ไม่นานนักอวี่เซียวเซิงก็พบคนคุ้นเคยหลายคน อันได้แก่บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ รวมถึงบุตรเทพเผ่าวานรนที
พวกเขาแต่ละคนล้วนมีเจตนาร้าย ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่หลินสวินกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เห็นชัดว่าวางแผนจะเป็นผู้ชมข้างสนาม มองดูผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นตายไปด้วยสายตาเยียบเย็น
‘ฮ่าๆ น่าสนุกมากขึ้นทุกทีแล้วสิ’
อวี่เซียวเซิงหัวเราะเยาะ ขณะนี้กลางใจของเขาผุดความสุขสมปานได้แก้แค้นขึ้นมา กระทั่งรอให้หลินสวินสำแดงพลังยิ่งใหญ่ล้างบางผู้แข็งแกร่งของเผ่าอื่นแทบไม่ไหวแล้ว
……
ขณะที่เจียนจะเข้าใกล้บริเวณหนองน้ำผืนนั้น สภาพแวดล้อมพลันดูคึกคักขึ้นทันที ผู้แข็งแกร่งของขุมกำลังแต่ละเผ่าต่างค้นพบร่องรอย แย่งกันทะยานไปยังหนองน้ำผืนนั้น หมายจะหาหลินสวินให้พบเป็นคนแรก
“ที่นี่เคยเกิดศึกใหญ่ขึ้น ไปรายงานด่วน เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นต้องอยู่ละแวกนี้เป็นแน่!”
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างปิติยินดีอย่างมาก เมื่อค้นพบร่องรอยการต่อสู้บางส่วนแล้วจึงส่งสัญญาณออกไป เรียกระดมคนในเผ่าของตน
ชั่วขณะหนึ่งพื้นที่แถบนี้พลันมีแสงเคลื่อนไหวดั่งสายฝน แสงสมบัติร่ายรำ ครวญคร่ำดุจดาวตกจรัสจ้าดวงแล้วดวงเล่า ดูโกลาหลผิดปกติ
ที่นี่ประหนึ่งถูกกำหนดให้ต้องวุ่นวายครั้งใหญ่!
“อยู่ตรงนั้น!”
มีผู้ฝึกปราณตาแหลมค้นพบเงาร่างของหลินสวินเข้า ทันใดนั้นสีหน้าพลันฉายแววตื่นเต้น เพราะนี่หมายถึงมหาศุภโชคอย่างหนึ่ง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะช่วงชิงคัมภีร์อริยมรรคที่แท้จริงมาได้!
หลังจากการไล่สังหารสิบกว่าวัน ในสายตาของพวกเขาหลินสวินได้กลายเป็นตะเกียงไร้น้ำมันไปนานแล้ว ก็เหมือนเสือถอดเขี้ยว ไม่น่ากริ่งเกรงอีกต่อไป พร้อมจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นในบริเวณนี้มีคราบเลือดมากมาย ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ทึกทักเอาว่านี่เป็นสัญญาณว่าหลินสวินเสียเลือดมากเกินไป อีกไม่นานก็ยื้อชีวิตไว้ไม่อยู่
มีเพียงอวี่เซียวเซิงที่มีสีหน้าประหลาด ในใจยังหลงเหลือความอดอั้ดหดหู่ ทั้งยังรู้สึกว่าเหลวไหลน่าขันสิ้นดี รอยเลือดพวกนั้นมีหรือจะเป็นของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น เห็นได้ว่ามันไหลมาจากบุคคลระดับบุตรเทพอย่างพวกเขาต่างหาก!
ไม่นานผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็แยกกันอย่างรวดเร็ว ปิดผนึกล้อมพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้ เลี่ยงไม่ให้หลินสวินหลบหนีได้อีก
และขุมกำลังอย่างบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทร บุตรเทพเผ่าแสงเงินต่างก็พุ่งเข้ามาแต่แรก หมายจะใช้กำลังยื่นมือเข้าแทรกการต่อสู้นี้ แบ่งปันผลประโยชน์
“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู ดูซิครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหน!”
บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรหัวเราะขึ้นมาทันที สายตาเย่อหยิ่งถือดีอย่างยิ่ง คล้ายกับจ้องเหยื่อตัวหนึ่ง เปี่ยมด้วยกลิ่นอายโหดร้ายลำพอง
คนอื่นๆ ก็พลอยหัวเราะไปด้วย หลินสวินยืนโง่เง่าอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงหลบหนีแล้ว สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าโอกาสแห่งการเก็บเกี่ยวกำลังจะมาถึงแล้ว
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนนอกจากหัวเราะเยาะแล้วยังเคียดแค้นอยู่มาก เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลินสวินฆ่าคนในเผ่าของพวกเขาไปไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศอดสู
หลินสวินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับตัว สวมอาภรณ์ขาดรุ่ยเปื้อนเลือด เก็บงำกลิ่นอายรอบตัว มองจากภายนอกไม่มีทางพบเงื่อนงำอะไรเลย
ในเวลานี้เขามองไปที่ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่รุดหน้ามาไม่หยุด ในใจกลับกำลังคิดคำนวณว่าควรจะลงมือเมื่อไรดี
ทันใดนั้นหลินสวินก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อค้นพบร่องรอยของพวกอวี่เซียวเซิง บุตรเทพเผ่ากวางหยก ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์พวกนั้น
เพียงแต่เจ้าพวกนี้เร้นกายอยู่ในระยะไกล เก็บงำตัวตนอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย
‘หรือว่าพวกเขาไม่ได้เตือนเรื่องของข้า’
มุมปากหลินสวินผุดเส้นโค้งพิกลที่ไม่ยากสังเกตเห็น เข้าใจความคิดของพวกเขาทันใด
หลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เจ้าพวกนี้แต่ละคนก็ดูเป็นผู้เป็นคน ไม่คิดเลยว่าจะโหดเหี้ยมและอำมหิตขนาดนี้
‘ดูท่า พวกเจ้าคงเตรียมตัวมาตายกันไว้แล้ว’
หลินสวินคิดเช่นนี้ในใจ ปากเอ่ยวาจาราบเรียบ “เป็นเช่นนี้ก็ดี ประหยัดเวลาข้าไปตามคิดบัญชีกับพวกเจ้าทีละคน”
ทุกคนต่างอึ้งงัน เจ้าหมอนี่เป็นบ้าไปแล้วกระมัง ดูเหมือนรู้แล้วว่ายากจะหนีภัยพิบัติครั้งนี้ได้ ภายใต้สถานการณ์จนตรอกไร้หนทางจึงเป็นบ้าสติฟั่นเฟือน มิเช่นนั้นเหตุใดถึงพูดถ้อยคำเหลวไหลปานนี้ได้
“เฮอะ! ทำท่าทำทางเข้า ต่อให้เจ้าจงใจแสร้งทำเป็นสงบนิ่งก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้จะพูดอะไรก็ไม่มีทางมอบโอกาสให้เจ้าหลบหนีได้อีกแน่!”
บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรหัวเราะเยาะ
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่ตลกเสียจริง ป่านนี้แล้วยังเสแสร้งอะไรอีก คิดจริงๆ หรือว่าพวกเราไม่รู้ว่าเจ้ามันเป็นตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว”
ผู้แข็งแกร่งมากมายพลอยหัวเราะหยัน สายตาเปี่ยมด้วยความเยาะเย้ยและเวทนา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์