ด้วยพลังต่อสู้ในปัจจุบันของหลินสวิน ปล่อยหมัดส่งๆ ก็สามารถสังหารผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะได้แล้ว นับประสาอะไรกับครั้งนี้ที่ลงมือเต็มกำลัง
พลันเห็นห้วงอากาศผืนนั้นประดุจกระดาษ ถูกซัดเป็นผุยผงอย่างจัง กระแสอากาศอลหม่านโหมกระหน่ำแหลกลาญเป็นภาพน่าสะพรึง
สวบ!
เพียงแต่ในจุดที่ห้วงอากาศแตกละเอียด มีเงาร่างคลุมเครือสายหนึ่งโฉบออกมาก่อน หลบเลี่ยงการโจมตีถึงชีวิตนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงถูกพลังหมัดซัดใส่ เงาร่างซวนเซ เกือบร่วงตกลงไปจากกลางอากาศ
และเวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็มองเห็นฝ่ายตรงข้ามได้ชัด เป็นมือสังหารที่สวมชุดดำอำพรางทั่วกาย เงาร่างผอมเพรียวสูงโปร่ง ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาได้ชัด
รอบกายเขาโอบล้อมด้วยกลิ่นอายลี้ลับ สามารถปกปิดสัมผัสและสืบค้นทั้งหมดได้ มองจากไกลๆ เข้าไป เขาก็เหมือนเป็นเพียงเงาทะมึน คลุมเครืออย่างยิ่ง
“ข้าจำเจ้าได้ ครั้งก่อนบนยานสำเภาเป็นเจ้าที่ลอบสังหารข้า น่าเสียดายที่โชคไม่ดี ตอนนั้นเจ้าล้มเหลวไป”
ท่าทางของหลินสวินเยือกเย็น นัยน์ดำสนิทเปี่ยมด้วยแสงเย็นยะเยียบ
เขาจำกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้แม่น ครั้งก่อนอีกเพียงนิดก็จะถูกอีกฝ่ายสังหารแล้ว นี่เป็นความทรงจำที่สลักลึกในกระดูกอย่างหนึ่งเชียว หลินสวินจะกล้าลืมได้อย่างไร
“ลองว่ามาสิ เจ้าเป็นใครกันแน่ ในบรรดาผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แม้ว่าซูซิงเฟิงจะเกลียดข้า แต่ก็ไม่จำเป็นต้องจัดการข้าแบบหลบๆ ซ่อนๆ”
นัยน์ตาของหลินสวินสะท้อนปะจุเย็นเยียบ จ้องอีกฝ่ายไม่วางตา “หรือจะบอกว่า เจ้าต้องการให้ข้าจับตัวเอาไว้ แล้วเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าด้วยตัวเอง?”
ยามที่เอ่ยคำ ทั่วกายของเขาพรั่งพรูแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกาย ท่วงทำนองมรรคไหลเวียน พละกำลังพุ่งสูงถึงขีดสุด ขอเพียงอีกฝ่ายกล้าเผยเจตนาจะผละหนีแม้แต่เสี้ยวเดียว ก็ต้องเจอการโจมตีเต็มกำลังของเขา!
“ส่งมอบคัมภีร์อริยมรรคบนตัวเจ้า หรือไม่ก็เจดีย์สมบัติที่สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคออกมาให้ข้า บางทีข้าอาจให้คำตอบที่เจ้าพึงใจได้”
คนชุดดำผู้นั้นปริปาก น้ำเสียงแหลมคมแหบแห้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นการอำพรางอย่างหนึ่ง
หลินสวินเข้าใจในทันที นัยน์ตาดำท้วมท้นด้วยแสงเย็น “ในตอนนั้นบนยานสำเภา ที่เจ้าลงมือกับข้า เกรงว่าคงทำไปเพื่อเจดีย์สมบัติในมือข้ากระมัง”
“ไม่ผิด”
คนชุดดำดูสงบมาก ไม่พะวักพะวนแต่อย่างใด คล้ายกับไม่กลัวจะถูกหลินสวินล่วงรู้เจตนาของเขาแม้แต่น้อย สงบนิ่งอย่างชัดเจน
“เจ้ากำลังถ่วงเวลา?” จู่ๆ หลินสวินพลันกล่าวขึ้น
“เจ้าเองก็ทำเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ” คนชุดดำย้อนถาม
หลินสวินยิ้ม ก้าวเท้าไปเบื้องหน้าโดยพลัน ดาบหักโฉบออกไปพร้อมกับเสียงชิ้ง พุ่งสังหารด้วยกระบวนท่าคว้าดารา
ตอนนี้หลินสวินหยั่งถึงสามกระบวนท่าใหญ่แห่งเพลงดาบวัฏจักรฟ้าแล้ว แต่ละกระบวนท่ามีพลังเร้นลับในตัวเอง หาได้มีการจำแนกความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
ตัวอย่างเช่นกระบวนท่าคว้าดารา เน้นหนักที่การจู่โจมยามไม่ทันตั้งตัว สั่นสะท้านจิตวิญญาณ ครั้นถูกโจมตี เป็นต้องประสบกับภัยมฤตยู
ส่วนกระบวนท่าสอยจันทราเป็นพลังที่ศักดิ์สิทธิ์ไพศาลอย่างหนึ่ง แปลกแยกดุจลวงตา เมื่อไรก็ตามที่ถูกแตะต้อง ก็จะก่อให้เกิดพลังล้างผลาญอันน่ากลัวหมดจดแบบหนึ่ง
สำหรับกระบวนท่าเผาตะวันนั้นง่ายมาก มันคือความเผด็จการและทำลายล้าง ดุจดั่งพลังทำลายล้างที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้ของดวงอาทิตย์ เป็นพลังแห่งการสังหารอันเด็ดขาดถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง
และขณะนี้หลินสวินใช้กระบวนท่าคว้าดารา ไม่บอกก็รู้ว่าต้องการสังหารอีกฝ่ายด้วยการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว สั่นคลอนจิตใจฝ่ายตรงข้าม ทำให้เขาไม่สามารถเผ่นหนีได้
ตูม!
ชั่วขณะนั้นดุจดั่งหมู่ดาวโปรยปราย รัตติกาลนิรันดร์มาเยือน รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เฉกเช่นฝันร้ายฉากหนึ่งประดังมา
กระนั้นที่น่าพิศวงคือเงาร่างของคนชุดดำผู้นั้นพลันกลายเป็นร่างนับร้อยนับพันแน่นขนัด บ้างก็เป็นฝ่ายโจมตีใส่หลินสวิน บ้างก็เผ่นหนีไปสี่ทิศแปดทางอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบสีนิล
มองไปไกลๆ ล้วนมืดฟ้ามัวดิน ทุกแห่งหนล้วนเป็นเงาร่างของคนชุดดำผู้นั้น เป็นภาพน่าตกตะลึงสุดขีด
ครืนๆ~ พลังทำลายล้างที่สั่นสะเทือนฟ้าดินกวาดม้วน พลันเห็นคนชุดดำที่กรูเข้ามาเหล่านั้นถูกกลบทำลายแทบจะภายในชั่วพริบตา
และมีส่วนหนึ่งที่หลบเลี่ยงจากการโจมตีครั้งนี้ มุ่งประดังไปทางหลินสวินต่อ
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือยังมีคนชุดดำส่วนหนึ่งเผ่นหนีไกลออกไปตั้งแต่ต้น กลายเป็นภาพที่อลหม่านหาใดเปรียบทันทีทันควัน
เดิมทีมีศัตรูคนเดียว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพันคน แล้วยังจะต่อสู้ได้อย่างไร
กลายร่างหมื่นพัน!
นี่เป็นวิชาลับอะไรกัน
ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิชาลับน่าทึ่งไร้เทียมทานเยี่ยงนี้ ลำพังมองแค่ผิวเผินแทบไม่สามารถแยกแยะได้เลยแม้แต่น้อยว่าคนไหนกันแน่คือคนชุดดำตัวจริง
สิ่งที่เรียกว่าแท้ประสมเทียม จริงประสานลวง แท้จริงแล้วคือความเร้นลับยากหยั่งถึง ปิดฟ้าข้ามทะเล!
ฟ้าดินแถบนี้ร้องคำราม หลินสวินโจมตีเต็มกำลัง แสงดาบส่องสว่างกวาดเป็นแสงดาราเรืองรอง พลันเห็นเงาร่างคนชุดดำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย กลายเป็นพิรุณแสงล่องลอย
‘ที่แท้ร่างแยกพวกนี้ล้วนเป็นภาพมายา ไม่ได้มีพลังต่อสู้เหมือนร่างเดิมของเขา…’
ในใจหลินสวินผ่อนคลายเหลือล้น พลังจิตวิญญาณแผ่ซ่านปกคลุมทั่ว หยั่งรู้และจำแนกอย่างถี่ถ้วน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนสุดท้ายกลับทำให้เขาสะทกสะท้าน
ไม่ว่าจะเป็นร่างแยกหรือร่างเดิม หากว่ากันเพียงด้านกลิ่นอายแล้ว ไม่สามารถแยกแยะแท้เทียมได้เลยแม้แต่น้อย!
“หลินเสวียน เมื่อพบกันอีกครั้งหน้า ย่อมเป็นคราวตายของเจ้า!”
กลางฟ้าดิน เสียงที่แหลมและแหบแห้งของคนชุดดำดังสะท้อนกึกก้อง เสมือนว่าเปล่งออกมาจากคนทั้งเป็นแสน ไม่สามารถแยกแยะต้นทางที่แท้จริงได้
หว่างคิ้วของหลินสวินฉายแววอึมครึม จวบจนเขาสังหารคนชุดดำ ณ ที่นั้นหมดแล้วถึงพบว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นร่างแยก ร่างเดิมของเขาหนีลอยนวลไปตั้งแต่ต้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์