เหวินเสียงอึ้งไป
ซูซิงเฟิงชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่เหวินเสียงกลับเข้าใจในทันใด สีหน้าอ่านยาก คิดถึงความสามารถของหลินสวินหลังก้าวข้ามด่านเคราะห์อสนีไร้เทียมทานหกรอบก็รู้ว่าเหตุใดซูซิงเฟิงถึงไม่กล้าลงมือแล้ว
เจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฆ่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าจนเลือดนองเป็นแม่น้ำ ไม่มีใครต่อกรได้ ขนาดบุคคลระดับบุตรเทพยังไม่กล้าต้านคมดาบของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นซูเฟิงซิงก็ไม่อาจลงมือบุ่มบ่ามได้
คิดถึงตรงนี้เหวินเสียงก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เอ่ยว่า “แน่นอน หลังจากหลินเสวียนผู้นี้บรรลุระดับหยั่งสัจจะก็เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ขนาดข้ายามเผชิญหน้ากับเขายังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พูดไม่ถูก”
“เคยได้ยินเรื่องมกุฎมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคบรรพกาลหรือไม่”
ซูซิงเฟิงพลันพูดขึ้น
เหวินเสียงพลันไหวหวั่น “ท่านจะบอกว่าหลินเสวียนผู้นั้นอยู่บนทางสายนี้หรือ ไม่ได้หมายความว่าในปัจจุบันจะไม่มีมรรคาเช่นนี้ปรากฏขึ้นอีกแล้วหรือ”
“ร้อยปีหลังจากนี้ พิบัติมหามรรคที่ไม่เคยมีมาก่อนครั้งหนึ่งก็จะปะทุขึ้น เปิดฉากมหาสงคราม ในสถานการณ์เช่นนี้ มกุฎมรรคาจะปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ซูซิงเฟิงสีหน้านิ่งขึงเจือความหนักอึ้ง “เพียงแต่ข้ากลับไม่เคยคิดว่า ผู้ฝึกปราณเล็กๆ จากโลกชั้นล่างคนหนึ่งกลับได้สัมผัสมรรคานี้ ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ”
เท่าที่เขารู้ มกุฎมรรคาเป็นชื่อเรียกโดยทั่วไปของวิถีแห่งการฝึกปราณที่แข็งแกร่งที่สุดสายหนึ่ง ในยุคบรรพกาลก็หายากถึงที่สุด ผู้ที่ได้เหยียบย่างมีน้อยคนยิ่งนัก
หลินเสวียนผู้นั้นสามารถเหยียบย่างบนวิถีนี้ได้ ก็ดูน่ากลัวและพลิกฟ้ายิ่งนักอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ซู พวกเราต้องล้มเลิกแผนชิงเจดีย์สมบัตินั้นแล้วหรือไม่”
เหวินเสียงสีหน้าปรวนแปร
“ล้มเลิกหรือ”
ซูซิงเฟิงส่ายหัว ในดวงตามีเปลวเพลิงไหววูบ “นั่นเป็นถึงเจดีย์สมบัติที่หลอมจากเหล็กเทพศุภโชคเชียวนะ จะยอมแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร”
เหวินเสียงดวงตาหดเกร็ง “ศิษย์พี่ซูคิดจะทำเช่นไร”
ซูซิงเฟิงกล่าว “เจ้ามองคนชุดดำที่ลอบสังหารหลินเสวียนเมื่อครู่ออกหรือไม่ หากข้าทายไม่ผิด เจ้าหมอนั่นต้องเป็นศิษย์พี่เซียวหรันอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เหวินเสียงพลันใจเต้นระส่ำ สีหน้าแปลกไป “หรืออาจจะเป็นศิษย์พี่กงหยางอวี่ก็ได้ เท่าที่ข้ารู้ ตอนนี้ศิษย์พี่เซียวหรันกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ภูเขาเทพหมอกม่วงนั่น รอให้แดนแห่งวาสนาอสูรมารอริยะนั่นปรากฏขึ้น ไม่น่าจะ…วิ่งมาที่นี่เพื่อมาต่อกรหลินเสวียนผู้นั้นกระมัง”
“กงหยางอวี่หรือ เหอะๆ เขาใช้ ‘คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา’ ไม่ได้!”
ซูซิงเฟิงหัวเราะหยัน
คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา!
เหวินเสียงพลันหน้าเปลี่ยนสี พูดเสียงหลงว่า “หลายปีก่อน ไม่ใช่ว่าได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วหรือว่าวิชาลับบรรพกาลนี้ไม่มีจริง”
หลายปีก่อน ในเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ลือกันว่ามีคัมภีร์ลับสุดยอดที่ขาดการสืบทอดไปนานแล้วเล่มหนึ่งนามว่า ‘คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา’ พลันปรากฏขึ้น ถูกศิษย์ในสำนักคนหนึ่งได้ไป ตอนนั้นก่อให้เกิดความครึกโครมใหญ่ยิ่งครั้งหนึ่ง
เพียงแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าวิชาลับสุดยอดนี้ถูกศิษย์คนใดได้ไปครองกันแน่
ภายหลังเป็นเจ้าสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณออกหน้าเอง ทำให้ความวุ่นวายนี้สงบลง
“ไม่ใช่ไม่มี แต่คัมภีร์ลับนี้มีที่มาใหญ่โตเกินไป ทันทีที่ข่าวรั่วไหลออกไปต้องนำพาความยุ่งยากนับไม่ถ้วนมาแน่ ดังนั้นคนใหญ่คนโตเหล่านั้นจึงตัดสินใจเป็นเสียงเดียวกันว่าจะปิดข่าวนี้ ก็เพื่อปกป้องเซียวหรัน ไม่ต้องการให้เขาทำให้ถูกผู้อื่นจับจ้องและอิจฉาเพราะคัมภีร์ลับนี้”
ดวงตาซูซิงเฟิงฉายแววเย็นเยียบ “เดิมทีข้าก็สงสัย ไม่อาจมั่นใจได้ แต่หลังจากได้เห็นวิชาลับที่ชายชุดดำเมื่อครู่สำแดง ข้าก็เชื่ออย่างสนิทใจว่านั่นต้องเป็นคัมภีร์กายมรรคหมื่นมายาแน่นอน!”
“และก็มีเพียงวิชาลับชั้นนี้ถึงสามารถแปลงร่างได้หมื่นพัน ไม่มีข้อผิดพลาดให้ติดตามได้ พูดตรงๆ ก็คือมหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดา ลึกล้ำไม่มีสิ่งใดเทียบ!”
ซูซิงเฟิงพูดถึงตรงนี้ก็กัดฟันกล่าว “รู้หรือยังว่าเหตุใดข้าถึงได้หวาดกลัวเซียวหรันมาโดยตลอด ก็เพราะเจ้าหมอนี่เหลี่ยมจัดนัก ปกติมีท่าทางไม่อยากได้อยากมี ไม่สนใจโลกภายนอกราวเมฆคล้อยกระเรียนป่า มีเพียงข้าที่รู้ดีว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเขานี่ล่ะน่ากลัวที่สุด!”
น้ำเสียงมีทั้งความอิจฉา ความหวาดกลัว และความชิงชังที่พูดไม่ถูก
“ศิษย์พี่ซู แม้ว่าที่ชายชุดดำคนนั้นสำแดงจะเป็นคัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา ก็แทบจะไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเขาคือศิษย์พี่เซียวหรันกระมัง”
เหวินเสียงยังคงไม่เชื่ออยู่บ้าง ในภาพจำของเขา เซียวหรันมีภาพลักษณ์สุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตัว พาให้ผู้คนรู้สึกราวได้สัมผัสลมวสันต์ มีความเหนือธรรมดาและผ่าเผยประหนึ่งเมฆคล้อยบนท้องนภา
นี่ก็ทำให้เขาเพิ่มคำว่าเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดให้เซียวหรันได้ยากนัก
“หึ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ มีบางเรื่องที่ข้าไม่อาจพูดให้เจ้าเข้าใจได้ แต่เรื่องนี้ข้ากลับสามารถบอกเจ้าได้อย่างมั่นใจว่า ชายชุดดำที่ลอบสังหารหลินเสวียนผู้นั้นต้องเป็นเซียวหรันอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ซูซิงเฟิงคร้านจะอธิบายต่ออีก
“แต่ว่า… นี่เกี่ยวอะไรกับที่พวกเราจะไปชิงเจดีย์สมบัติในมือหลินเสวียนผู้นั้นเล่า”
เหวินเสียงถามอย่างอึ้งงัน
“ร่วมมือกัน!”
ซูซิงเฟิงตอบทันควัน “พวกเราไปหาเซียวหรัน ร่วมมือกับเขา เชื่อว่าเพื่อชิงศุภโชคที่อยู่กับหลินเสวียน เขาก็ต้องไม่ปฏิเสธแน่!”
“แต่ถ้าศิษย์พี่เซียวหรันก็อยากได้เจดีย์สมบัตินั่นจะทำอย่างไร”
เหวินเสียงเอ่ยอย่างวิตกกังวลยิ่ง เขาไม่มีความมั่นใจว่าแย่งชิงวาสนาครั้งนี้กับเซียวหรันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์