แต่ปากเขายังคงดื้อดึง ทั้งยังตบอกรับประกัน ว่าทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ตนและจ้าวจิ่งเซวียนฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยสักนิด
หลินสวินกลอกตา คร้านจะถือสาเขา
ทว่าสุดท้ายหลินสวินก็เริ่มดำเนินการ
เขาเตรียมเตาหลอมสำริดสามเตา ล้วนเป็นอาวุธวิญญาณ ไม่ถึงกับมีค่ามากมาย แต่ใช้เคี่ยวยาย่อมไม่มีปัญหา
เวลานี้เจ้าคางคกจิตใจฮึกเหิมราวกับแปลงกายเป็นปฐมาจารย์หลอมยาผู้หนึ่ง มือเท้าโยนโอสถวิญญาณใส่เตาหลอมทั้งสามอย่างว่องไว
แน่นอนว่าโอสถวิญญาณเหล่านี้นำออกมาจากตัวหลินสวิน ในนั้นก็มีโอสถสมบัติหายากอย่างหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วง หญ้าแสงจันทร์เป็นต้น
โอสถหลายร้อยชนิด บ้างเป็นสิ่งที่หลินสวินเก็บมาด้วยตนเอง แต่ส่วนมากล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกในตัวศัตรูที่ฆ่าตายหลายวันมานี้
“ดอกโป่งรากสนพันปีบำรุงเลือดลมดีอย่างยิ่งยวด จับคู่กับผลเมฆเก้าแฉก รากหยกเขียว เถาวัลย์อรหันต์… หลอมเข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้ต้องดีเลิศแน่!”
เจ้าคางคกสีหน้าตื่นเต้น พูดงึมงำไม่ชัดเจน โอสถวิญญาณแต่ละชนิดถูกเขาโยนเข้าไปในเตาหลอมอย่างไม่เกรงใจสักนิด
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กลิ่นเข้มข้นหอมกรุ่นอบอวลในอากาศ พาให้ทั้งร่างปลอดโปร่ง
เมื่อดูในเตาหลอมอีกครั้ง โอสถสมบัติอย่างบัวหยกกระดูกดำ กล้วยไม้หิมะอสูรชาดเปล่งประกายเจิดจ้าเรืองรองออกมา ย้อมเตาหลอมด้วยแสงแวววาวชั้นหนึ่ง กลิ่นหอมโอสถเข้มข้น ทำให้รู้สึกราววิญญาณออกจากร่าง
นี่เป็นการหลอมยาที่ฟุ่มเฟือยที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่หลินสวินฝึกปราณมา โอสถวิญญาณที่ใช้ไม่มีสิ่งใดไม่เป็นของล้ำค่าที่สาบสูญจากโลกภายนอกไปนานแล้ว มีเพียงในแดนลับอสูรมารอริยะเท่านั้นถึงหาได้ และตอนนี้ได้ถูกโยนลงไปในเตาหลอมสามเตาเพื่อดำเนินการหลอมจนสิ้นแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการลงมือครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง
แน่นอนว่าโอสถวิญญาณในเตาหลอมสามเตาไม่เหมือนกัน โอสถสมบัติที่หลอมออกมาย่อมไม่เหมือนกัน เพราะนี่แบ่งออกเป็นยาที่เตรียมไว้ให้จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคกและตัวหลินสวินเอง
สองคนแรกเพื่อรักษาบาดแผล ส่วนของหลินสวินเพื่อความเสถียรของระดับพลังปราณ โอสถสมบัติที่หลอมออกมาย่อมต่างกัน
ไม่อาจไม่พูดว่าเจ้าคางคกเป็นยอดฝีมือด้านการหลอมยาผู้หนึ่งจริงๆ รู้คุณสมบัติพิเศษของโอสถวิญญาณแต่ละชนิดเป็นอย่างดีราวกับสมบัติในบ้านตนเอง ทั้งเห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญตำรับยาที่มีเอกลักษณ์ไม่น้อย ทำให้ยามเขาจับคู่โอสถวิญญาณล้วนหยิบจับโดยไม่คิด ดูคุ้นเคยหาใดเทียบ
นี่ก็คือพรสวรรค์ของเผ่าคางคกทองสามขา พวกเขาแยกแยะสรรพสมบัติล้ำค่า หากไปรับหน้าที่เป็นนักหลอมยา ต้องเป็นยอดฝีมือแน่
ไม่นานนักเจ้าคางคกค้นถุงเก็บของหลินสวินอยู่ครู่ใหญ่ หาผลึกแสงเมฆาเพลิงกองหนึ่งออกมาทำเป็นเชื้อเพลิง เริ่มทำการหลอม
แสงไฟลุกโหม เพียงชั่วพริบตาเดียวในเตาหลอมก็ปล่อยแสงหลากสีมากมายออกมา ไหลเอ่อไปในห้วงอากาศ ส่งกลิ่นหอมประหนึ่งสามารถแทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ พาให้ผู้คนมัวเมา
สุดท้ายจ้าวจิ่งเซวียนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการนั่งสมาธิ ไม่ทันได้ถามไถ่มากมาย ก็ถูกหลินสวินกับเจ้าคางคกร่วมกันเชื้อเชิญเข้าไปฝึกในเตาหลอมเตาแรก
แน่นอนว่าเป็นการถอดอาภรณ์ทั้งร่าง ภายใต้สายตาสอดส่องอันเย็นชาของหลินสวิน เจ้าคางคกก็ไม่กล้าแอบดู
แม้จะเป็นเช่นนี้ จ้าวจิ่งเซวียนก็ยังเหนียมอายและขัดเขินอยู่บ้างเล็กน้อย หลังจากถอดเสื้อผ้าทั่วร่างโดยหันหลังให้ทั้งสองคนแล้ว ใบหน้างามซีดขาวก็ย้อมไปด้วยสีแดงซ่าน
ยังดีที่หลังจากเข้าไปนั่งในเตาหลอมแล้ว นางก็กลับมาสงบนิ่ง เริ่มนั่งสมาธิอย่างสงบใจ
“เจ้าหนู เจ้าคิดมากไปแล้ว มีหรือข้าจะเป็นคนบ้ากามชอบถ้ำมองพรรค์นั้น”
เจ้าคางคกพึมพำพร่ำบ่นยกหนึ่ง ทันใดนั้นก็กระโดดเข้าไปในเตาหลอมเตาที่สองอย่างรีบร้อน แล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
เงาร่างของเขาแปรสภาพเป็นรูปลักษณ์เดิมที่เป็นคางคกทองสามขา นั่งยองอยู่ในเตาหลอมเริ่มกำหนดลมหายใจทำสมาธิ
“หึ หากข้ารู้ว่าเจ้าถ้ำมอง จะจับคางคกอย่างเจ้าย่างกินเสียเลย ได้ยินว่าขาคางคกกินแล้วชูกำลังได้ดีนี่”
หลินสวินเตือนครั้งหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุไม่คาดคิดแล้ว ก็เหยียบย่างเข้าไปนั่งขัดสมาธิในเตาหลอมเตาที่สาม
น้ำโอสถในเตาหลอมเข้มข้น โอสถวิญญาณกิ่งแล้วกิ่งเล่าจมๆ ลอยๆ บ้างสีทองอร่าม บ้างสีขาวส่องสว่าง บ้างเป็นสีแดงราวเปลวเพลิง บ้างปะทุแสงจันทรา สวยสดงดงาม กลิ่นหอมลอยละล่อง
นี่ย่อมเป็นสิ่งหรูหราน่าตื่นตะลึงหาใดเทียบ ต่อให้คนใหญ่คนโตจากเผ่าเหล่านั้นได้เห็นเกรงว่าจะอึ้งไปเช่นกัน โอสถสมบัติชั้นนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงจัดเตรียมไว้ให้ผู้สืบทอดจำนวนจำกัดไม่กี่คน ไม่สามารถนำออกมาใช้อย่างทิ้งขว้างได้
หลินสวินสงบใจทำสมาธิ ในนิมิตแว่วเสียงคัมภีร์ประสานมายาที่สืบทอดมาในตระกูล เสียงสวดท่องราวเสียงธรรมดังขึ้นเป็นระลอก ทำให้เขาล่องลอยทั้งภายในภายนอก สงบราบเรียบ
จากนั้นโคจรเคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินโคจร ทำให้แสงเทพภายในถ้ำสวรรค์ไหลวน ท่วงทำนองมรรคกึกก้อง แสงสมบัติไตรมรรคราวหยกขาวทอดตัวลงมาบนแท่นมรรคเก่าแก่ กลิ่นอายบริสุทธิ์ไพศาลพลิ้วลอย
หลินสวินเหม่อลอยเคลิบเคลิ้มโดยสิ้นเชิง ไม่นานนักก็จมสู่การฝึกปราณขั้นลึก ตั้งมั่นและขัดเกลาระดับปราณของตน
ในเตาหลอม นอกจากโอสถวิญญาณยังมีแร่ธาตุและวัตถุดิบวิญญาณบางชนิด อาทิผลึกแรกไม้เขียวที่รูปร่างราวกำปั้น หนอนเขาเงินที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ จักจั่นหยกหกขาที่ทั้งร่างราวเหล็กกล้า…
ทั้งหมดนี้ทำให้น้ำโอสถในเตาหลอมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและพลังชีวิต อวลไอหมอกพวยพุ่งขมุกขมัว ไอมงคลนานาชนิดไหลเวียน แหล่งพลังชีวิตเข้มข้นจนแยกจากกันไม่ออก
ร่างของหลินสวินอยู่ภายในนั้น ถูกพลังโอสถชำระล้าง ใช้พลังโอสถเป็นตัวนำหลอมภายในและภายนอกร่างกาย บำรุงและขัดเกลา
หลังจากบรรลุระดับ สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือรากฐานไม่มั่นคง ด้วยเหตุนี้หลังผู้ฝึกปราณบรรลุระดับล้วนเลือกเก็บตัวระยะหนึ่ง จนเมื่อพลังปราณเสถียรโดยสมบูรณ์แล้ว จึงจะถือได้ว่าสำเร็จโดยสมบูรณ์
และตอนนี้หลินสวินก็กำลังสร้างความมั่นคงให้พลังปราณระดับใหม่ของตนอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์