เพียงแผ่นหลังที่เผยออกมาเท่านั้น ก็น่าดึงดูดหาใดเทียบ
ก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนแต่งกายเป็นชายมาโดยตลอด รูปลักษณ์งดงามเกลี้ยงเกลา ท่วงท่าสง่างาม แต่นางในตอนนี้ผมยาวสยาย ไหล่งามเปล่าเปลือย ภาพชดช้อยเช่นนั้นย่อมมีพลังสั่นสะท้านเป็นพิเศษ
หลินสวินในชั่วขณะนี้อดตื่นตะลึงไม่ได้ พลันเคลื่อนสายตาแสร้งวางเฉย แท้จริงในในยังคงตื่นตาอยู่
“ชิ! ไม่ให้ข้าดู แต่เจ้าหนูอย่างเจ้ามองจนน้ำลายหกแล้ว หน้าไม่อาย หน้าไม่อายจริงๆ ช่างเป็นเดรัจฉานในคราบมนุษย์เสียจริง!”
เจ้าคางคกที่อยู่ข้างๆ ฉวยโอกาสโจมตีอย่างไม่เกรงใจ
หลินสวินพลันเปลี่ยนจากอายเป็นโกรธ สายตาพุ่งไปที่เจ้าคางคกแล้วเอ่ยว่า “คุณชายอย่างข้าเลวร้ายอย่างที่เจ้าว่าเช่นนั้นหรือ ถ้าเจ้ายังว่าร้ายผู้อื่นอีก ข้าจะปลิดชีพเจ้าก่อนเลย!”
เจ้าคางคกกลอกตา เอ่ยอย่างดูถูกว่า “อะไรเล่า ถูกเปิดโปงใบหน้าแท้จริงที่ไร้ยางอายของเจ้า ก็เลยคิดจะฆ่าคนปิดปากหรือ”
ยามทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกัน จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ในเตาหลอมก็ใบหน้าแดงแจ๋ ดวงตาสุกใสมีแววอายแกมรำคาญ นางกัดริมฝีปากแดงเปล่งปลั่ง สายตาชำเลืองไปเห็นทั้งสองคนหันหลังให้ตน ก็รีบทำเวลาลุกออกจากเตาหลอมจะสวมเสื้อผ้า
แต่ที่เลวร้ายก็คือ ในเวลาเดียวกันนี้หลินสวินก็หันหน้ามา แล้วแจกแจงอย่างรวดเร็วว่า “แม่นางจ้าว เจ้าอย่าไปฟังเจ้าคางคกลายนี่…อึก!”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็อึ้งอยู่เช่นนั้น ด้วยเห็นเงาร่างชดช้อยราวปทุมโผล่พ้นน้ำก้าวออกมาจากเตาหลอม สองขาของนางราวหยกมันแพะ เรียวยาวดึงดูดใจหาใดเทียบ เอวบอบบางนั้นมีแสงเรืองกระจ่าง มองลงไปอีกกลับมี…ที่กลมกลึงโค้งเว้าน่าตื่นตา
“เจ้า!”
ทันใดนั้นเสียงเอ็ดราวสายฟ้าฟาดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาทของหลินสวิน น่าตกใจจนเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว รีบเบนสายตาหนี
ขณะเดียวกันในใจก็เต้นโครมคราม ภาพที่ชำเลืองเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่ช่างน่าตื่นตะลึง หากเปลี่ยนเป็นบุรุษทั่วไปสักคนก็คงตื่นเต้นจนเลือดลมสูบฉีด
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับขนหัวลุก ในใจไม่ได้จินตนาการ ด้วยรับรู้ได้ว่ามีจิตสังหารที่เย็นเยียบหาใดเทียบพุ่งเป้ามาทางตน ไม่ต้องคาดเดา ต้องเป็นจ้าวจิ่งเซวียนแน่
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนูมีมหาเคราะห์มาถึงตัวแล้ว!”
เจ้าคางคกส่งสายตายินดีกับความทุกข์ของผู้อื่น ลิงโลดยิ่งนัก
“เจ้าหุบปากไปเลย!”
หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนตวาดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฝ่ายแรกเดิมอายกลายเป็นโกรธ ฝ่ายหลังกลับสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง
เวลานี้จ้าวจิ่งเซวียนเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วง บดบังร่างชดช้อยสูงโปร่งนั้นแล้ว แต่เกศางดงามดำขลับยังไม่ได้เกล้าเป็นมวยจึงตกลงมา รับกับใบหน้างดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่งขาวกระจ่างของนาง เพิ่มเสน่ห์เพริดแพร้วที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีขึ้นมา
“เอ่อ เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
หลินสวินอธิบายอย่างเขินอาย เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ก็ชำระจิตใจตนให้พ้นจากกิเลสมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบภาพงดงามยั่วยวนใจเช่นนี้ ในใจนอกจากตื่นตะลึงแล้วยังอดกลัวไม่ได้
“ข้าว่าเจ้าจงใจ!”
เจ้าคางคกโยยิ่งถือโอกาสใส่ไฟ ทำเอาหลินสวินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะฆ่าเจ้าคางคกนี่ทั้งเป็นแล้ว
เวลานี้อารมณ์ของจ้าวจิ่งเซวียนก็ซับซ้อนอยู่บ้าง นางสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า “ผู้ฝึกปราณอย่างพวกเรา ไม่ต้องยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้ เรื่องนี้ภายหลังไม่ต้องยกขึ้นมาอีกแล้ว”
เห็นชัดว่านางแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย วาจานี้พูดออกมาอย่างอึดอัดนัก
หลินสวินกลับรู้สึกโล่งอก พูดพลางยิ้มว่า “เช่นนี้ก็ดียิ่งแล้ว!”
ไม่คิดเลยว่าเสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป เขาก็ถูกจ้าวจิ่งเซวียนมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ นางริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ฟันงามราวหยก เวลานี้ดวงตากระจ่างใสถลึงขึ้น มีแววอับอายและโมโหเลือนราง ท่าทางงดงามในอีกแบบหนึ่ง
มองจนหลินสวินก็ทนไม่ได้นัก ก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนแต่งกายเป็นชาย บุคลิกสง่าปราดเปรียว นิสัยตรงไปตรงมา ทำให้แม้หลินสวินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้มีความคิดไปในทางอื่น
แต่จ้าวจิ่งเซวียนในเวลานี้ต่างจากแต่ก่อน มีท่าทางของอิสตรี ใบหน้างามน่าตื่นตาเกินธรรมดา เพริศพริ้งราวภาพวาด ประหนึ่งยอดหญิงงามแห่งยุคที่ตัดขาดจากโลกผู้หนึ่ง กอปรกับภาพน่าตื่นตาที่ชำเลืองเห็นโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่ ทำให้เมื่อหลินสวินเผชิญหน้ากับนางย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
เจ้าคางคกลูบคางพลางประเมินทั้งสองด้วยดวงตาสีทองเจิดจ้าปริบๆ แล้วพึมพำว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองคนออกจะแปลกประหลาด ในการต่อสู้ไม่กี่วันก่อน เพื่อช่วยหลินสวิน แม่หนูถึงกับไม่คิดเสียดายชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้กลับอยากจะฆ่าเขาให้ตาย ชอบกลเสียจริง”
พูดถึงตรงนี้เขาเหมือนรู้แจ้งแล้ว ตบหน้าผากแล้วพูดว่า “หรือนี่ก็คือทั้งรักทั้งแค้นที่เขาว่ากัน”
มุมปากหลินสวินกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง เจ้าคางคกถูกเขาถีบเข้าดังปึ้กจนกระเด็นออกไป
จ้าวจิ่งเซวียนวิจารณ์ออกมาประโยคหนึ่ง “ลูกถีบนี้ไม่เลวนี่ สาแก่ใจนัก”
หลินสวินพูดพลางหัวเราะ “กำจัดเภทภัยให้ปวงชนเป็นเกียรติที่ข้าละทิ้งไม่ได้”
เจ้าคางคกนั่งยองอยู่มุมกำแพงอย่างเดือดดาล กัดฟันกรอดแล้วหลุดปากด่าทอว่า “เป็นผีเน่ากับโลงผุที่ช่างเออออส่งเสริมกันเสียจริง ถือว่าข้ามองโฉมหน้าน่าเกลียดของพวกเจ้าออก…”
ไม่ทันพูดจบจ้าวจิ่งเซวียนก็ทนไม่ได้แล้ว พุ่งต่อยเจ้าคางคกอย่างรุนแรงยกหนึ่ง เวลานี้ถึงค่อยรู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ยิ้มพลางถามว่า “เจ้าหมอนี่เจ้าไปหามาจากไหนกัน ดูท่าชอบหาเรื่อง”
หลินสวินมองเจ้าคางคกที่หน้าตาคล้ำเขียว ร้องโอดโอยลอดไรฟันอยู่กับพื้นก็อดหัวเราะร่าไม่ได้
จ้าวจิ่งเซวียนเมื่อเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ยิ้มละไมออกมา
มีเพียงเจ้าคางคกเท่านั้นที่แทบน้ำตานองหน้า ในใจลอบสาบานว่าต้องแยกชายหญิงบ้าความรุนแรงที่พากันเออออส่งเสริมกันคู่นี้ออกจากกันให้ได้ หาไม่ชีวิตของเขาในภายภาคหน้าต้องมืดมนแน่แล้ว!
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์