แดนลับอสูรมารอริยะกว้างใหญ่ไพศาล เรียงรายไปด้วยภูมิทัศน์อย่างหนองน้ำ ทะเลทราย เทือกเขาและทะเลสาบ ประหนึ่งโลกใบน้อยที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งหนึ่ง
พวกหลินสวินที่เดินทางผ่านมาตลอดทางล้วนรอบคอบระแวดระวัง
ที่นี่อันตรายยิ่งนัก มีสิ่งมีชีวิตและจิตสังหารที่ไม่อาจล่วงรู้ได้มากมายซุ่มซ่อนอยู่ ต้นไม้เก่าแก่ที่ดูไม่สะดุดตาบางต้นอาจแปรสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวตนหนึ่ง กลืนกินชีวิตที่ผ่านทาง
สัตว์ร้ายบางตัวสร้างรังในหินผา รังเจิดจ้าอวลไปด้วยรัศมีเทพ แสงสมบัติไหลเอ่อ ดูเหมือนเก็บสมบัติที่น่าดึงดูดยิ่งอยู่ แต่เมื่อเข้าใกล้ก็จะถูกสัตว์ร้ายลอบจู่โจม คิดจะรักษาชีวิตล้วนเป็นเรื่องยาก
ระหว่างทางยังเห็นนาคารูปลักษณ์เหมือนเถาวัลย์ใหญ่ยักษ์ เพราะร่างยาวเกินไปจึงไหลตกลงมาจากยอดเขา แผ่นเกล็ดเย็นเยียบ น่าหวาดหวั่นเมื่อได้พบเห็น
นอกจากนี้ยังมีแมงมุมสีม่วงที่มีรูปลักษณ์ดุร้ายน่าหวาดหวั่น ตะขาบหลากสียาวหนึ่งจั้งกว่า หนอนน่าพรั่นพรึงที่สูงเท่าคนผลุบโผล่อยู่ตลอด
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นล้วนน่ากลัวถึงที่สุด อันตรายอย่างยิ่ง ทันทีที่เหยียบย่างเข้าอาณาเขตของพวกมันก็อาจจะประสบภัยพิบัติได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็น ‘ผู้อาศัยเดิม’ ที่ดำรงสืบต่อมาในแดนลับแห่งนี้ โลกภายนอกแทบจะสาบสูญไปนานแล้ว และตอนนี้ยึดครองอาณาเขตแต่ละที่ในแดนลับ พาให้ผู้คนหวาดผวา
พวกหลินสวินเคลื่อนไหวอย่างระแวดระวังตลอดทาง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ ‘สิ่งมีชีวิตน่าหวาดผวา’ ตัวหนึ่งตกใจ
นั่นคือผีเสื้อตัวหนึ่ง ขนาดตัวเท่าใบพัด ปีกทั้งสองปล่อยแสงหลากสีสัน นัยน์ตาสีเขียวมันวาวประหนึ่งไฟวิญญาณแผดเผา
มันดูเหมือนไม่ดุร้าย ถึงกับมีท่วงท่างดงามประหลาด แต่กลับอันตรายอย่างยิ่งยวด น่าหวาดหวั่นกว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยพบเห็นก่อนหน้านั้นเสียอีก
หากไม่ใช่ว่าเจ้าคางคกดูสถานการณ์รวดเร็ว ตอบโต้ว่องไว หลบหนีออกจากอาณาเขตนี้อย่างแข็งขัน ไม่แน่ว่าอาจจะประสบเคราะห์เสียชีวิตได้
นี่ทำให้พวกเขาล้วนสงสัยว่า บางทีผีเสื้อประหลาดตัวนั้นอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสังสารวัฏตนหนึ่ง!
ตูม!
ผีเสื้อที่อยู่ไกลออกไปถูกทำให้ตกใจตื่นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยอมให้พวกหลินสวินหนีไปได้ ปีกทั้งสองพัดโบกเบาๆ กระพือเป็นพายุหลากสีลูกหนึ่ง!
แสงเทพหลากสีโชติช่วง แปรสภาพเป็นพายุม้วนกลืนฟ้าดินเสียงดังโครมคราม ทุกที่ที่พัดผ่าน คีรีสลายกลายเป็นฝุ่น ผืนดินแหวกออกจากกัน ห้วงอากาศร้องโหยหวนยุ่งเหยิง สภาพการณ์น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก
มองไปไกลๆ เงาของผีเสื้อตัวนั้นดุจราชันที่ยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน แสงหลากสีปกคลุมแน่นหนาทั้งร่าง ดูแล้วงดงามนัก แต่เมื่อยามกระพือปีกกลับก่อให้เกิดการทำลายล้างราวมลายฟ้าทลายดิน!
น่ากลัวเกินไปแล้ว
พวกหลินสวินเกือบประสบเคราะห์ โชคดีที่พวกเขาหลบหนีมาก่อนแล้ว
อีกทั้งเพราะผีเสื้อตัวนั้นสร้างพายุระลอกหนึ่ง จึงสร้างความตื่นตระหนกให้จิ้งจอกเขียวตัวหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กันด้วย มันพลันกระโดดออกมา ส่งเสียงคำรามอย่างไม่พอใจ
ปัง!
จิ้งจอกเขียวแข็งแรงกำยำ พลังปราดเปรียวราวเซียน ปากพ่นลำแสงกระจ่างดุจจันทราออกมา ประหนึ่งเก้าชั้นฟ้าตกสู่ธารดารา พุ่งไปม้วนกลืนผีเสื้อที่อยู่ไกลออกไป
ทันใดนั้น บริเวณนั้นปะทุการต่อสู้ดุเดือดขึ้น แรงกำลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน น่ากลัวไม่มีที่สิ้นสุด
“นี่ต้องเป็นพญาอสูรมารระดับราชันสังสารวัฏทั้งสองตนแน่!”
เจ้าคางคกสูดหายใจยะเยือก
“รีบไป!”
หลินสวินยังสนใจสังเกตการณ์เสียที่ไหน เคลื่อนกายพุ่งไปไกลออกไปเต็มกำลัง
เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เขานึกถึงพญาเผิงปีกทองและเอกพญางูที่ได้พบในส่วนลึกของทะเลทรายขึ้นมา ทั้งสองตนก็น่ากลัวเช่นนี้เหมือนกัน
“แดนลับอสูรมารอริยะนี้อันตรายเกินไปแล้ว พญาอสูรมารน่ากลัวเห็นได้ทั่วทุกแห่ง หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะเชื่อลง”
หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนล้วนรู้สึกว่าแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก ที่มาที่ไปไม่อาจคาดเดาได้ ต้องไม่ได้เรียบง่ายเพียงเป็นพื้นที่แห่งมรดกของอสูรมารอริยะแน่
“ข้ายังเคยเห็นเกาะอริยะปัญจธาตุ…”
หลินสวินเล่าประสบการณ์บางส่วนให้จ้าวจิ่งเซวียนฟัง ร่วมสืบเสาะกับอีกฝ่าย
“ก่อนไปภูเขาเทพหมอกม่วงข้าก็เคยเห็นแดนแห่งวาสนาหลายแห่ง ล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอริยะ ทำนองเดียวกับเกาะอริยะปัญจธาตุ เพียงแต่แดนแห่งวาสนาเหล่านั้นถูกเผ่าอื่นยึดครองไปนานแล้ว ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในเก็บซ่อนอะไรไว้กันแน่”
เมื่อจ้าวจิ่งเซวียนพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้หลินสวินอดจิตใจสั่นระรัวไม่ได้ ที่แท้ในแดนลับอสูรมารอริยะแหล่งนี้ ยังมีแดนแห่งวาสนาแบบเดียวกับเกาะอริยะปัญจธาตุอีกไม่น้อย!
“ไม่ต้องเดาแล้ว ข้าพอจะรู้แล้วว่าที่นี่คือที่ใด”
ฉับพลันเจ้าคางคกสีหน้าฮึกเหิม นัยน์ตาสีทองเจิดจ้า เอ่ยว่า “ที่นี่ก็คือแดนเผยแพร่อริยชน! เป็นอาศรมฝึกปราณที่บรรดาอริยะเตรียมไว้ให้ทายาทของพวกเขา หวังใจสักวันเมื่อลูกหลานถือกำเนิด จะสามารถก้าวล้ำอดีตและสร้างปาฏิหาริย์ใหม่ได้!”
เสียงเร้าใจเจือไปด้วยความตื่นเต้น “อลังการ! อลังการอย่างที่สุด หากข้าเดาถูก ผู้สรรสร้างแดนลับแห่งนี้ ต้องไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นราชันแห่งอริยมรรคผู้หนึ่งนำหมู่อริยะมาร่วมมือกันบุกเบิก! หาไม่แล้ว ย่อมไม่สามารถดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคบรรพกาลล่วงเลยมาถึงปัจจุบันได้แน่”
“สวรรค์ นี่เป็นถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล เป็นพื้นที่ต้องห้ามและน่ากลัวขนาดไหน แต่พวกเขากลับบุกเบิกแดนลับที่นี่ได้ ต้องการช่วงชิงมหาศุภโชคครั้งหนึ่งให้ลูกหลาน อลังการเช่นนี้ช่างน่าตื่นตะลึงเหนือโลกา!”
หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนสบตากัน ในใจก็ลอบตะลึงพรึงเพริดไม่ว่างเว้น
ในยุคบรรพกาล ราชันอริยมรรคผู้หนึ่งนำหมู่อริยะมุ่งหน้าเข้าสู่ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ บุกเบิกแดนลับ สร้างอาศรม ล้วนเตรียมการเพื่อลูกหลาน หวังว่ายามพวกเขาตื่นขึ้นจะสามารถก้าวล้ำอดีต สร้างปาฏิหาริย์ใหม่…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์